Brightest Day : Green Arrow #8

Brightest Day : Green Arrow Vol.8 : Getting All The Attentions!

เรื่อง : J.T. Krul
ภาพ : Diogenese Neves, Vincente Cifuentes
วางจำหน่าย: 26 มกราคม 2011
สำนักพิมพ์ : DC Comics

ชีวิตสันโดษในป่าของ Green Arrow (Oliver Queen) กำลังจะพบกับความเปลี่ยนแปลง เมื่อป่าของเขาดึงดูดผู้มาเยือนมากมาย ที่ทั้งมาดี และมาร้าย!

ที่ Star City

Evan Gibson นักข่าวของหนังสือพิมพ์ Star Gazette กำลังเดินคุยกับเพื่อนนักข่าวของเขา Lois Lane นักข่าวของหนังสือพิมพ์ The Daily Planet

Evan : มันค่อนข้างน่าแปลกใจที่เห็นคุณอยู่ในเมืองนี้นะ ทั้งที่สตาร์ซิตี้ไม่ได้อยู่ในเส้นทางเดินทัวร์ทั่วประเทศของซุปเปอร์แมนแท้ๆ

(ใน เนื้อเรื่องปัจจุบันของ Superman จากความพินาศของ New Krypton และสงครามระหว่างสองดวงดาว ทำให้ตอนนี้ป๋าซุปเกิดอยากใช้เวลาคิดทบทวนชีวิตของตัวเองเสียหน่อย โดยการใช้เวลาออกทัวร์ทั่วอเมริกาด้วยการ “เดิน”)

Lois : ฉันไม่ได้ตามแต่ข่าวของซุปเปอร์แมนหรอกนะอีวาน ฉันก็ตามข่าวอื่นด้วยเหมือนกัน

Evan : ผมไม่ได้หมายความในทางไม่ดีหรอก แต่สตาร์ซิตี้ถูกทำลายพินาศไปพักใหญ่แล้ว แต่ผู้คนดูจะเพิ่งมาให้ความสนใจเมื่อไม่นานมานี้เอง

Lois : ฉันก็ตามข่าวของที่นี่อยู่นะ ฉันคิดว่าสกู๊ปที่คุณเขียนเกี่ยวกับชีวิตคนที่นี่มันช่วยแสดงปัญหาของที่นี่ได้ดีมากเลย

Evan : มันมีปัญหามากมายเลยละ รวมถึงผู้คนอีกมากมายที่กำลังทนทุกข์ด้วย

Lois : ใช่ แต่คุณถือมันเป็นเรื่องส่วนตัวและตีแผ่มันโดยไม่คิดหาผลประโยชน์ส่วนตัวเลย

Evan : ผมก็ดีใจนะที่ความสนใจของผู้คนมุ่งมาทางนี้ สตาร์ซิตี้ต้องการทุกความช่วยเหลือที่จะมีได้

Lois : ก่อนหน้านี้วงการข่าวค่อนข้างจะยุ่งน่ะนะ มีเรื่องราวที่ต้องติดตามเยอะเลย ทั้งสงครามกับพวกคริปโตเนี่ยน (War of Supermen) ทั้งเรื่องที่คนตายฟื้นคืนชีพ (Blackest Night) แต่ตอนนี้คุณมีสกู๊ปใหญ่ที่จะใช้ดึงดูดผู้คนแล้ว…

Lois : …ป่าแห่งเวทย์มนต์นี่ไง

Lois : มันดึงดูดความสนใจจากทุกสารทิศ ไม่แต่จากทางกองทัพและสื่อมวลชนเท่านั้น

Lois : อย่างด๊อกเตอร์มิดไนท์ กับ มิสเตอร์เทอร์ริฟิค เข้ามาตรวจดูร่วมกับคณะวิจัยจากสตาร์แลป

Evan : ถ้าพูดถึงการวิจัย เราก็มีพวกจากเล็กซ์คอร์ปด้วย

Lois : เล็กซ์คอร์ปไม่ได้มาเพื่อวิทยาศาสตร์หรอก ฉันว่าอย่างต่ำๆก็คงมาเพื่อหาประโยชน์ทางธุรกิจจากมันนั่นแหละ

Lois : แล้วพวกนั้นเป็นใคร? หน่วยปราบจราจลหรือ?

Evan : นั่นคือพวกรอยัลการ์ด เป็นหน่วยรักษาความสงบจากควีนอินดัสตรีส์

Evan : ป่านี้มันเริ่มขยายพื้นที่กว้างขึ้น ซึ่งมันทำให้พวกที่คุมเมืองนี้อยู่เริ่มกังวล

Lois : แล้วนั่นพอยซั่นไอวี่มาทำอะไรที่นี่น่ะ?

Evan : ถ้าให้พูดตามตรงน่ะรึ? ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ผมก็รู้เรื่องที่เธอทำในกอธแฮมอยู่หรอกนะ แต่ตอนอยู่ที่นี่เธอก็ดูสงบเสงี่ยมดี เหมือนๆกับคนอื่นๆที่มายังป่านี้เพื่อแสวงบุญน่ะแหละ

Lois : ทั้งวิทยาศาสตร์และความเชื่อมาอยู่รวมกัน เป็นเรื่องที่แปลกดีเหมือนกันนะ

Evan : ใช่ แต่ไม่ว่าอันไหนก็ไม่สามารถตอบคำถามใหญ่ที่สุดของที่นี่ได้เลย…

Evan : …ที่ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ข้างในป่านี้?

ที่ข้างในป่า

Oliver Queen (Green Arrow) กำลังตามใครบางคนอยู่ ร่วมกับคู่หูคนใหม่ของเขา อัศวินลึกลับ Galahad

“ผมค่อนข้างจะผูกพันกับป่านี้ขึ้นมาแล้ว มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมติดอยู่บนเกาะร้าง…ที่ๆผมได้พบตัวเอง พบสิ่งที่ผมควรจะทำ”

“และผมก็คิดว่าป่านี้ก็ดูจะชอบผมเหมือนกัน ด้วยเหตุผลที่ว่ามันดูจะพยายามกันคนอื่นส่วนใหญ่ออกไป แต่ไม่ว่าอะไรที่ผมจะใช้มันเป็นบ้าน”

“แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมพิเศษนักหรอก”

“กาลาแฮดนี่ต่างหากที่พิเศษ”

“ถึงเขาออกจะเพี้ยนๆอยู่สักหน่อย ที่คิดจริงๆว่าเขาคืออัศวินในตำนานที่ยังคงทำภารกิจอยู่”

“ซึ่งถ้าหากว่าป่าแห่งนี้มาอยู่ที่นี่เพื่อเหตุผลบางอย่าง กาลาแฮดก็คงจะเป็นเช่นกัน”

“และมันก็กลายมาเป็นหน้าที่ของผมที่จะป้องกันทั้งสองอย่างนี้”

Jason : กรีนแอร์โร่วรึ!

Oliver : เจสัน?

Galahad : ท่านรู้จักชายคนนี้รึ?

Oliver : หมอนี่ชื่อเจสัน บลัด ถึงจะเห็นอย่างนี้แต่หมอนี่ก็อันตรายมาก เพราะในตัวเขามี “เอทริกัน” ปีศาจจากนรกอยู่

Galahad : ปีศาจงั้นรึ?

Oliver : ใช่แล้ว เจสันคือผนึกที่ใช้คุมขังเอทริกัน หรืออะไรทำนองนั้นแหละ

เมื่ออธิบายให้ Galahad ฟังแล้ว Oliver ก็หันไปพูดกับ Jason

Oliver : เจสัน เราไม่ทำอะไรนายหรอกน่า ใจเย็นไว้ก่อน

Jason : ไม่ใช่ นายไม่เข้าใจ เจ้านั่นกำลังตามล่าฉัน ฉันต้องรีบหนีแล้ว

Oliver : เดี๋ยวสิ ใครตามล่านายกันล่ะ?

Jason : เอทริกัน

Oliver : นายพูดอะไรของนายน่ะ? นายกับเอทริกันคือคนเดียวกันไม่ใช่หรือ? เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน พวกนายแชร์ร่างกายและวิญญาณกันอยู่

Jason : ไม่ใช่หรอก…

Galahad : โอลิเวอร์…ท่านได้กลิ่นควันไฟไหม?

Jason : ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

ร่างอันน่าสะพรึงกลัวที่ปรากฎขึ้นพร้อมไฟลุกท่วม คือเจ้าชายแห่งนรก “Etrigan The Demon”

(งานเข้าแล้วไหมล่ะ Ollie…ขนาด JLA ทั้งทีมยังแทบเอาเจ้านี่ไม่อยู่เลยนะเนี่ย)

Oliver : แกทำได้ยังไงน่ะเอทริกัน?

Etrigan : โอ้เจ้านักธนูเอ๋ย เจ้ารีบเล็งธนูใส่ข้าเลยนี่นะ แต่เจ้าจะมาโทษปีศาจตนนี้ไม่ได้หรอก

Etrigan : จงมองไปทางเจสันโน่นเถอะ เพราะมันต่างหากที่พาเรามาที่ป่าแห่งนี้

Etrigan : เมื่อเราไปพบต้นไม้แห่งแสง วิญญาณของเราสองคนก็เป็นอิสระจากกัน การเชื่อมต่อถูกตัดขาดไปสิ้น ในที่สุดข้าก็จะได้ทำตามคำสาบานที่จะส่งเจ้าเจสันไปลงนรกเสียที

Galahad : เจ้าพูดราวกับว่าชายคนนี้สร้างความแค้นกับเจ้า แต่เจ้าต่างหากที่เป็นคำสาบ เจ้าคือสิ่งที่ป่านี้พยายามจะชำระล้างออกไป

Galahad : เจ้าคือความชั่วร้ายที่ต้องถูกทำลาย

Oliver : กาลาแฮด รีบไปจากที่นี่เร็ว เอทริกันไม่ใช่อะไรที่นายอยากจะเรื่องด้วยหรอก เชื่อเหอะ

Galahad : เจ้าปีศาจนี่ไม่ทำให้ข้ากลัวหรอกโอลิเวอร์ ยิ่งมีอันตรายมากเท่าไหร่ความมุ่งมั่นของข้าก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

Oliver : นายยังไม่เข้าใจ อาวุธของเราหยุดเจ้านี่ไม่ได้หรอก

Oliver : อย่างดีก็แค่ถ่วงให้มันช้าลงเท่านั้น

Etrigan : เจ้าควรฟังที่นักธนูมันบอกนะ เพราะมันพูดถูก ข้าคือผู้มาจากนรกที่เจ้าไม่ควรต่อกรด้วย เพราะจุดอ่อนเดียวของข้าคือเจ้าอัศวินชื่อบลัดนั่น นอกนั้นข้าก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก…

ทันใดนั้นจู่ๆต้นไม้ก็เลื้อยมามัดร่างของ Etrigan ไว้!?

Jason : ตอนแรกป่านี้ก็ปลดปล่อยฉันจากคำสาบนรกนั่น แล้วตอนนี้มันก็ยังปกป้องฉันด้วย ฉันว่าฉันชักชอบที่นี่แล้วสิ

Oliver : ฉันยังไม่ขอสร้างบ้านพักตากอากาศให้นายที่นี่หรอกน่า

ทั้งสามจากไป ทิ้งให้ Etrigan คำรามอย่างโกรธแค้นอยู่ที่นั่น

Galahad : ที่เจ้าปีศาจนั่นพูดถึง “อัศวินบลัด” นั่นมันหมายความว่าอะไร?

Jason : มันก็…

Oliver : ไม่มีอะไรหรอก คำพูดของเอทริกันไม่เคยมีเหตุผล มันแค่ต้องการให้เราสับสน เจ้านั่นเป็นปีศาจอยู่แล้วนี่

“ผม รู้เรื่องของเจสันดี เขาเป็นอัศวินในสังกัดของกษัตริย์อาเธอร์จริงๆ เขาถูกทำให้รวมร่างกับเอทริกันโดยพ่อมดเมอร์ลิน เพื่อกักพลังของปีศาจร้ายเอาไว้”

“และตั้งแต่นั้นเขาก็ต้องรับภาระหน้าที่นั้นมาตลอด ต้องต่อสู้กับปีศาจที่ถูกขังในร่างกายเขาทุกวันทุกคืน”

“เขาอาจรู้ก็ได้ว่าสิ่งที่กาลาแฮดว่ามาเกี่ยวกับตัวเขานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่…”

“แต่ผมก็ไม่อยากเห็นปฎิกิริยาของกาลาแฮด ถ้ากลายเป็นว่าเรื่องของเขามันเป็นเรื่องไม่จริงทั้งสิ้น”

ทันใดนั้นกาลาแฮดก็เห็นกลุ่มควันไฟจากอีกมุมของป่า

Galahad : ดูนั่นสิ! เจ้าปีศาจมันมาอีกแล้ว! โอลิเวอร์ ท่านรีบพาสหายของท่านไปที่ปลอดภัยเสียเถอะ ข้าจะรับมือเจ้าเอทริกันนี่เอง

Oliver : กาลาแฮด! เดี๋ยวก่อน!

Jason : หมอนั่นเลือดร้อนดีนะเนี่ย

Galahad : เรารู้อยู่แล้วว่ายังไงเสียศึกนี้มันก็ต้องเริ่มขึ้น

Galahad : เมื่อความมืดเข้ารุกรานแสงสว่าง ให้มันมาได้เลย

Galahad : เจ้าสัตว์ร้าย!

ที่ก่อควันไฟไม่ใช่ Etrigan กลับกลายเป็นพวกนักวิจัยจาก LEXCORP (บริษัทของ Lex Luthur)

แต่นั่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญสำหรับ Galahad…

Galahad วิ่งไล่พวกนักวิจัยที่หนีเอาตัวรอด แต่ทันใดนั้นก็มีหมอกดำเข้าบดบังสายตาเขา

Galahad : เจ้าปีศาจตัวไหนกันที่สร้างความมืดนี่ขึ้นมา?

Doctor Midnite : ที่จริงแล้ว…ผมเป็นหมอน่ะ

Mister Terrific : นายเป็นใคร? ทำไมถึงมาทำร้ายนักวิจัยพวกนี้?

ผู้ที่มาคือ Doctor Midnite (Pieter Cross) และ Mister Terrific (Michael Holt) สองฮีโร่นักวิจัยจาก Justice Society of America

Galahad : นักวิจัยรึ? เจ้าคนพวกนี้มันทำร้ายป่านี้ พยายามจะทำลายมัน

Doctor Midnite : คิดว่าพวกนายคงจะเข้าใจผิดกันเล็กน้อย

Mister Terrific : ที่นี้นายควรจะวางดาบลงแล้วเราจะได้คุยกันได้

เมื่อออกมาพ้นป่า จู่ๆ Galahad ก็มีท่าทีแปลกไป

Galahad : อึกกก..หัวข้า…ไม่ ไม่ ไม่

เขาเหวี่ยงดาบมั่วซั่วใส่ Doctor Midnite และ Mister Terrific

Galahad : พวกเจ้าพยายามจะทำลายป่านี้ ทำลายหนทางรอดพ้นของเรา!

Galahad : แทนที่จะมัวแต่ศึกษาป่านี้…เจ้าควรจะเข้าสัมผัสกับมันต่างหาก!

“เมื่อออกมาจากเขตป่า ความคิดของข้าก็ขุ่นมัวลง”

“ฝันร้ายกลับคืนมา”

“ความสูญเสียกลับคืนมา”

Galahad : ไม่!!

Doctor Midnite : นี่

Mister Terrific : ใจเย็นไว้ เราไม่ทำร้ายนายหรอก

ขณะที่ทั้งสองพยายามจะทำให้ Galahad หยุดคลั่ง ก็มีอีกเสียงดังขึ้น

??? : ถอยไป…

Oliver นั่นเอง

Oliver : เขามากับฉัน

Doctor Midnite : โอลลี่? นายทำอะไรของนายน่ะ?

Mister Terrific : เขาก็ทำอย่างเคยน่ะสิมิดไนท์ ทำเกิดกว่าเหตุไง

ว่าแล้ว Mister Terrific ก็ซัด Oliver เข้าเต็มคาง

Oliver : ดีใจที่เห็นนายก้าวไปไกลกว่าไอ้การเอาแต่เล่นแฟร์ๆซะทีนะนี่

Doctor Midnite : หยุดทั้งคู่นั่นแหละ นี่มันแค่เข้าใจผิดกันเท่านั้นเอง

Oliver : นายก็พูดได้น่ะสิด๊อก แล้วนี่พวกนายเข้ามาในเมืองเพื่อหาเรื่องหรือไง?

Doctor Midnite : เขาโจมตีเราก่อนนะ

Oliver : กาลาแฮดแค่พยายามจะปกป้องป่านี้เท่านั้นแหละ

Mister Terrific : ปกป้องป่านี้หรือ? ป่านี้จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาจากที่รกร้างว่างเปล่า มันเป็นจุดอับของสัญญาณไฟฟ้า ไม่ว่าเครื่องมือ,การแสกนทุกรูปแบบ หรือแม้แต่ภาพจากดาวเทียมก็ไม่สามารถเข้าไปดูข้างในได้ แล้วมันก็ยังขยายพื้นที่ขึ้นเรื่อยๆด้วย ถ้านายถามฉันล่ะก็นะ ป่านี้ไม่ได้ต้องการการปกป้องหรอก

Oliver : มันเห็นได้ชัดน่ะนะว่าป่านี้มันพิเศษ รวมถึงหมอนี่ด้วย

Oliver : ฉันจัดการเรื่องนี้ได้ ฉะนั้นอย่ามายุ่งจะดีกว่า และอย่าเข้าไปข้างในด้วย

แล้ว Oliver ก็โยนถุงที่ใส่ T-Sphere ของ Mister Terrific ที่เข้าไปในป่าแล้วหยุดทำงานคืนให้เจ้าของ

Oliver : แล้วก็เอาของเล่นของนายออกไปจากสวนหลังบ้านฉันด้วย

Mister Terrific : บ้าเอ๊ย กรีนแอร์โร่ว เราไม่ยอมให้นายไปทั้งอย่างนั้นหรอกน่า

Doctor Midnite : ต้นไม้มันหนาทึบจริงๆ โอลลี่ผ่านเข้าไปได้ยังไงกันน่ะ?

Mister Terrific : ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันว่าเห็นที่โล่งข้าง…หน้า?

Doctor Midnite : เรามาโผล่ที่เดิมที่เราเข้าไป มันเป็นไปได้ยังไงกันน่ะ?

Mister Terrific : ฉันก็ไม่รู้…

Mister Terrific : แต่ไอ้ป่านี้มันชักจะทำให้ฉันโมโหขึ้นมาแล้ว

Oliver : นายเป็นอะไรไหม?

Galahad : ข้า…ข้าไม่เป็นไร

Oliver : มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?

Galahad : ข้าก็ไม่รู้ มันเหมือนจู่ๆความคิดของข้ามันก็ขุ่นมัวขึ้นมา…สูญเสียทิศทาง

พวกเขาโผล่มาพบกับ Jason Blood

Oliver : เจสัน? มีอะไรรึ?

Jason : ฉันเหนื่อยแล้วน่ะ

Oliver : ไม่ต้องห่วงหรอก เราจะพานายไปที่ปลอดภัยให้

Jason : ไม่ใช่หรอก ฉันเหนื่อยที่จะต้องหนีแล้ว ฉันต้องทนอยู่กับการโดนเอทริกันทรมาณมานับศตวรรตแล้ว

Jason : ฉันไม่กลัวมัน และฉันก็ไม่ได้ไร้กำลังอีกต่อไปแล้ว

ที่แท้ที่นี่ก็คือจุดที่ Etrigan โดนต้นไม้ยึดกุมเอาไว้นั่นเอง

Jason : จงมา! จงมา! เพื่อเผชิญหน้ากับมนุษย์ผู้นี้! มาหาข้าสิปีศาจเอทริกันเอ๋ย!

Etrigan : จงปลดปล่อยพลังจากเลือดเนื้อที่คุมขังอยู่นี้! จงแผดเผาเลือดในหัวใจที่ลุกเป็นไฟ!

(ใน ตอนที่ Jason Blood รวมร่างอยู่กับ Etrigan พวกเขาสามารถสลับเอา Etrigan ออกมาข้างนอกได้ โดยทั้งสองจะร่ายโคลงต่อกันเพื่อใช้คลายผนึกเวทย์มนต์ และสามารถสลับที่กันได้ ซึ่งฝ่ายที่มีจิตเข้มแข็งกว่าในช่วงเวลานั้นๆสามารถบังคับให้อีกฝ่ายร่วม ร่ายโคลงได้ด้วย)

Oliver : ถ้าจะมีใครที่โดนเผาในไฟนรกก็มีแต่แกเท่านั้นแหละ

Etrigan : เพียงไม่นานมานี้วิญญาณของเจ้าก็ยังว่างเปล่า และเต็มไปด้วยบาดแผล โดยที่ไม่อาจผ่านบททดสอบใดๆได้เลย

Etrigan : มาตอนนี้อัศวินหลงทางนี่ก็ทำตามอย่างเจ้า โดยไม่ยอมเข้าหาความจริงเพื่อที่จะทำภารกิจต่อไป

Etrigan จัดการ Oliver กับ Galahad ไปพ้นทาง และเข้าถึงตัว Jason Blood ซึ่งเขาก็พร้อมรับมืออยู่แล้ว

Jason : อย่าไปยุ่งกับพวกนั้นเลยน่าเอทริกัน แกไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาควรเผชิญหน้าด้วยหรอก แกเป็นของฉัน และฉันก็เป็นของแก

Etrigan : ใจกลางของป่านี้อาจส่องแสงดุจดวงอาทิตย์ แต่นรกอยู่ที่นี่ด้วยเช่นเดียวกัน เหมือนในจิตใจมนุษย์ทุกคน

ขณะที่ทั้งสองกำลังปะทะกัน ก็มีอีกเสียงพูดขึ้น

??? : ข้าไม่เห็นด้วยกับที่เจ้าพูดนะเอทริกัน

Phantom Stranger : นรกน่ะเป็นแค่เงามืด ที่เกิดขึ้นจากแสงสว่างแห่งสวรรค์ที่สาดส่องลงมาเท่านั้นแหละ

โว๊ว!! งวดนี้ผู้มาเยือนป่าแห่งนี้ยิ่งมีระดับสูงขึ้นทุกทีๆ ทั้งนักข่าว ต่อมาด้วยฮีโร่ จนถึงปีศาจจากนรก แล้วยังมีนักพเนจรจากต่างมิติผู้นี้!!

ตอนต่อไป : Phantom Stranger มาแล้ว!!

5 thoughts on “Brightest Day : Green Arrow #8

  1. Boatmaster

    มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ป่าบ้านี้ อะไรของมัน??

  2. DOL

    เอิ่มมมมมมมม นับวันป่านี้จะมีแต่พวกแปลกๆมากขึ้นเรื่อยๆนะเนี่ย ฮ่ะๆๆๆ

  3. Ballorg

    กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของ DC ไปแล้ว = =
    ทุกคนต้องมา

  4. seventoon

    ชอบ มากครับ ตัวละครตัวนี้ แฟนท่อม
    ชอบมากมาก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *