H’el on Earth Part 06 : Superman #15

Superman #15 : H’el on Earth Part 6 : Because I’m a Scorpion
เรื่อง : Scott Lobdell
ภาพ : Kenneth Rocaforth
วางจำหน่าย : 2 มกราคม 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics

Superman และ Superboy มาพบกับ Lex Luthor เพื่อขอคำปรึกษาในการจัดการกับ H’el!!

“มันคือบ้านของซุปเปอร์แมน”

“และตัวเขาเรียกมันว่า ป้อมปราการแห่งความสันโดษ”

“มีรูปแบบเป็นโครงสร้างของมนุษย์ต่างดาวที่สร้างจากน้ำแข็งและผลึกคริสตัล ตั้งอยู่ที่จุดเหนือสุดของโลก”

“และชายคนนี้ Lex Luthor ชายผู้ครอบครองมันสมองระดับอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนโลกใบนี้”

“เขาได้พยายามหาทางบุกเข้าไปที่นั่นอยู่หลายปี”

“และถ้าเป็นคนอื่นๆอาจจะยอมรับความล้มเหลวในตอนนี้”

“เพียงแต่ว่าในครั้งสุดท้ายในการคำนวณของเขา เขาเป็น 1 ใน 6,973,738,433 คนที่ไม่ยอมแพ้”

“ดังนั้นเขาจึงนั่งลงอย่างเงียบๆ…”

“…และค่อยศึกษามันจากโมเดลจำลองที่เขาได้สร้างขึ้นเป็นรูปร่างของป้อมปราการของศัตรูของเขา”

“มันไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาล้มเลิกที่จะทำให้โลกใบนี้ต่อต้านเจ้ามนุษย์ต่างดาวที่เป็นภัยร้ายซึ่งเรียกขานตัวเองว่า ซุปเปอร์แมน”

“ไม่มีเลย เว้นแต่…”

Lex Luthor : โอ้ในที่สุด ก็มีแขกมาหาซะที

ห่างออกไป 1 ไมล์

Superman และ Superboy เดินทางมายังที่คุมขังของ Lex Luthor และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพวกทหาร และ Superman ก็แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น ส่วน Superboy ก็บอกเขาว่าตอนนี้เขาเริ่มจะเข้าได้กับเกราะแล้ว จากนั้น Superman จึงตรงเข้าไปด้านใน ก่อนที่นายพล Garrison จะออกมาห้าม และบอกว่านี่แหละที่เป็นข้อเสียของเขา ที่นึกว่ามีพลังจะทำอะไรก็ได้ตามต้องการ

Superman : ผมมาที่นี่เพื่อต้องการพูดคุยกับนักโทษของคุณ

Garrison : เวรเอ๊ย…. เออก็ได้…แต่แค่ 10 สิบนาทีนะ

Superboy : “นักโทษ”เหรอ คนเดียวเนี่ยนะ  ทั้งหมดนี่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกักขังคนคนเดียวเนี่ยนะ

Garrison : แล้วก็แค่นายนะ ส่วนเจ้าเด็กนั่น

Superman : เขามากับผม

Superboy : โอ้ว หนนี้คุณเท่มากเลยล่ะ

อีกด้าน Luthor ก็กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อรอพบการของ Superman

Luthor : ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆ …ว่าเขาจะจำความร้อนของเปลวไฟจากนรก และความโกรธของเจ้าต่างดาวที่เป็นคนทำมันได้หรือเปล่า

พวก Superman ที่ด้านนอกก็กำลังจะเข้าไปด้านในซึ่ง Superboy ก็คิดจะปลีกตัวออกไป แต่ Superman ไม่ให้เขาไปเพราะตอนนี้สภาพร่างกายของเขายังไม่เสถียรดี ดังนั้นจนกว่าเขาจะได้รับการรักษาเขาต้องสวมเกราะนั่นและอยู่ข้างๆกายของ Superman ไว้

และเมื่อพวกเขาเข้ามาถึงก็พบก็พบกับโฮโลแกรมของเหล่าทหาร และอากาศที่ปนเปื้อน แอมโมนี่ยม ไนเตรท 83% ซึ่งถ้าคนธรรมดาสูดเข้าไปต้องตายเป็นแน่แท้ แต่พี่ซุปเราเดินเฉย ส่วน Superboy ที่มีส่วนที่เป็นมนุษย์อยู่นั้นตอนแรก Superman ก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้เขาดูสบายดีก็ดีแล้ว

Superman : เจ้า H’el มันขับไล่พวกเราออกมาจากป้อมปราการแห่งความสันโดษ และล็อคประตูจากภายใน และป่านนี้มันคงเต็มไปด้วย อาวุธจากนอกโลก, เหล่าสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่มาในคราบศัตรูอย่างแน่นอน พร้อมทั้งวิทยาการที่อยู่เหนือความเข้าใจของโลกใบนี้มากนัก และตอนนี้บางทีมันคงจะทำให้ญาติของฉันไปอยู่ฝ่ายมันเรียบร้อยแล้วด้วย

Superman : เพราะงั้นเรื่องไร้สาระไว้ที่หลัง ตอนนี้มาดูเรื่องที่เราต้องรับมือกันก่อน

Superboy : โอเค นั่นก็แฟร์ดี แต่ถ้าเราอยากจะไล่เจ้า H’el ให้ออกไปจากบ้านของคุณ… แล้วเรามาทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่ละเนี่ย

จากนั้นทั้งคู่ก็ผ่านด่านป้องกันอันหนาแน่นเข้าไปด้านในของฐานแห่งนี้ ซึ่ง Superboy โดนเข้าไปหลายอย่างจนอยากจะรู้ว่าใครกันแน่ที่ออกแบบที่นี่

Superman : หมอนั่นเป็นคนที่มีความคิดลึกล้ำที่สุดในโลกน่ะ และหมอนั่นก็เป็นคนที่เรากำลังจะเข้าไปพบไงล่ะ

Superboy : ถามจริง คุณทำยังไงถึงทำให้เขามาติดอยู่ในคุกที่เขาออกแบบเองได้เนี่ย

Superman : ก็ง่ายๆฉันแค่เล่นกับความหยิ่งทระนงตัวของเขาน่ะ โดยท้าให้หมอนั่นออกแบบคุกที่ซับซ้อนสุดๆที่แม้แต่หมอนั่นเองก็หนีออกมาไม่ได้

Superboy : คราวนี้ทำเอาผมไม่แน่ใจเลยเชียวล่ะ ว่าคุณหรือเขากันแน่ที่บ้า

Superman : แหงล่ะต้องเป็นหมอนั่นซี่

Superboy : เอ่อ แล้วก็ฟังนะ ผมไม่ได้หมายความว่าตัวเองอ่อนแอนะ แต่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเนี่ย…ผมขอสารภาพออกมาตรงๆเลย…ผมไม่คิดว่าผมพร้อมจะรับมือหรอกนะ และถ้าจะให้พูด คุณอาจจะทำอะไรได้มากขึ้นหรือเร็วขึ้นถ้าไม่มีผมนะ

Superman : นั่นก็บางทีล่ะนะ แต่ตอนนี้ไม่ต้องสนใจมันแล้ว

Superboy : โอ้ เวร…. พวกนั้นมันปืนใหญ่ปฏิสสารใช่มั้ยนั่น

Superman : ถูกต้อง และมันจะถูกยิงออกมาถ้ามีใครดันไปแตะต้องเจ้ากล่องลูกบาศก์ที่สร้างจาก inertrite ซึ่งขังเจ้า เล็ก ลูธอร์ คนนี้ไว้อยู่

*inertrite โลหะที่แข็งแกร่งระดับต้นๆของจักรวาลนี้ สร้างโดยเวนย์เทค (สิ่งเดียวกับที่ทำปีกของเรดโรบิน)

Luthor : ไง ซุปเปอร์แมน ยินดีต้อนรับนะ

Superman : ใส่กุญแจมือด้วยซิ ลูธอร์ นายรู้กฎนี่

Luthor : แกนี่ชอบทำร้ายจิตใจฉันจริงๆเลย ก็ได้ “กุญแจมือ” เรียบร้อยแล้วไงต่อ พอใจยัง

Superman : ไม่เคยเลยล่ะ แต่ฉันมาที่นี่เพื่อขอใช้ความชำนาญการของนาย ที่ฉันคิดว่ามันเป็นภัยต่อโลกซักหน่อย

Superboy : เดี๋ยวนะ… นายคนนี้น่ะเหรอที่คุณจะมาขอความช่วยเหลือเนี่ย ถึงแม้พลังจิตของผมมันจะหายไปเพราะเจ้าชุดนี้ แต่ผมบอกคุณได้เลยนะเนี่ยว่าหมอนี่เลวโดยสันดาร

Luthor : เรื่องแบบนี้มันต้องทำความรู้จักกันตัวต่อตัวก่อนซี่ ไอ้หนู

Superman : เราไม่มีเวลามาเล่นเกมส์ไร้สาระของนายนะ ฉันมาขอความช่วยเหลือจากนาย

Luthor : นี่เจ้าหนูนี่ทำให้แกไม่สะดวกสบายเหมือนที่เขาควรจะเป็นหรือเปล่าเนี่ย แต่เอาเถอะในเมื่อแกถามซะสุภาพขนาดนี้… ฉันเชื่อว่าแกต้องมาถามถึงเรื่องของเจ้า H’el แหงๆเลยใช่ม่ะ

Superman : ทำไมหนนี้ฉันถึงไม่ประหลาดใจเลยจริงๆนะ

Luthor : โอ้ว จริงๆฉันก็อยากจะได้เครดิตจากการต้นเหตุที่ทำให้เขาเล่นงานแกเหมือนกันนะ

Luthor : แต่เรื่องจริงก็คือ ฉันก็แค่รู้จักหมอนั่นก็เท่านั้นเอง…เพราะฉันมองเห็นมันที่กำลังมองมาทางแก

Superman : ฉันได้ลองแสกนที่นี่ดูทุกตารางนิ้วแล้ว นี่นายรับรู้เรื่องราวภายนอกได้ยังไงกันเนี่ย

Luthor : แล้วคิดว่าฉันจะบอกว่าไงดีล่ะ ก็ฉันมันเป็นคนแบบนั้นหนิ

Superman : งั้นบางทีนายคงจะรู้ด้วยสิว่าหมอนั่นต้องการเดินทางย้อนเวลากลับไปน่ะ เพราะหมอนั่นเชื่อว่าหมอนั่นจะสามารถหยุดการทำลายล้างของดาวคริปตันได้ ฉันอยากจะรู้ว่าหมอนั่นทำได้จริงๆงั้นเหรอ แล้วมันต้องจ่ายเท่าไรเพื่อที่จะทำให้มันสำเร็จ

Luthor : ง่ายมาก และแน่นอนที่สุด ก็ทุกชีวิตบนโลกใบนี้ไงเล่า

Luthor : และฉันจะช่วยแกก็ได้ แต่ให้ฉันได้คุยกับเจ้าหนูซุปเปอร์บอยก่อน

Superman : ต้องขอโทษกับท่าทีของฉันด้วยล่ะนะ แต่ฝันไปเหอะ

Superboy : ผมไม่กลัวไอบ้านี่หรอก

Luthor : นั่นไงล่ะ สปิริต

Superboy : ถ้านั่นจะทำให้เขาพูดออกมาล่ะก็ แล้วพวกเราจะได้…

Luthor : เงียบไปก่อนเลย ช่างเป็นสิ่งมีชิวิตที่มั่นใจในความละโมบของตนเสียเหลือเกิน ก็จริงอยู่ที่นั่นมันเป็นศิลปะรูปแบบนึง และแน่นอนว่ามันยังคงมีความสง่างามอันเจือจางของผู้ให้อยู่บ้าง …แต่เจ้าโคลนตนนี้มันช่างไม่มีมนต์เสน่ห์จริงๆ

Superboy : หยุดพูดเหมือนฉันไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ซะที ลูธอร์ ถ้าแกมีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเจ้า H’el ละก็พูดออกมา หรือไม่งั้น…

Luthor : อย่าได้พูดกับฉันแบบนั้นอีกเชียวนะ “คอน” ที่ฉันใจกว้างกับซุปเปอร์แมนเพื่อนของนาย นั่นก็เพราะหมอนั่นเป็นคนที่ใกล้เคียงกับฉันที่สุดบนโลกใบนี้ ฉันขอให้แกมีมารยาทมากกว่านี้อีกหน่อย ไม่งั้นฉันจะพูดคุยในรูปแบบเก่าของตัวเองล่ะนะ แกเข้าใจหรือเปล่า “ซุปเปอร์บอย” ดังนั้นคราวหน้าเลือกใช้คำให้มันดีดีหน่อย

Superboy : เอิ่มมม ได้โปรด ช่วยบอกพวกเราทีเถอะครับ

Luthor : เยี่ยม มันยังมีหวังสำหรับแกนะ

Superman : เอาล่ะพวกเรารู้สึกประทับใจกับความสามารถในการข่มขู่เด็กของนายนะ เล็กซ์ ตอนนี้ได้เวลาของ H’el แล้ว

Luthor : ก็อย่างที่นายหรือฉันเข้าใจนั่นละ ว่าการที่ H’el เลือกที่จะเก็บตัวอยู่ภายในป้อมปราการแห่งความสันโดษนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุหรืออะไรเลย เพราะนายกับฉันก็รู้ว่าที่นั่นเป็นที่ที่เก็บเมืองอันอับโชคคานดอร์ไว้ และตอนนี้มาลองคิดดูสิว่าถ้าหมอนั่นสามารถที่จะใช้พลังงานอนันท์ได้เหมือนกับแหล่งพลังงานของเมืองคานดอร์ได้แล้วละก็ …มันก็จะถูกใช้เพื่อเป็นเชื้อเพลิงแก่เรือที่สามารถเดินทางข้ามผ่านกาลเวลาได้ และมันสามารถนำพาไปได้ทุกที่และเมื่อไหร่ก็ได้

Luthor : แต่เดี๋ยวก่อน ลองคิดสิว่านั่นมันเป็นไปได้แน่หรือ เขาจะไปหาต้นกำเนิดพลังงานที่จะคุ้มครองเรือของเขาในขณะที่ข้ามผ่านกาลเวลาได้ยังไงกันล่ะ ฉันขอบอกเลยว่าเขาทำไม่ได้ เพราะมันไม่มีอะไรบนโลกใบนี้ที่จะให้พลังงานมหาศาลขนาดนั้นได้

Luthor : และนั่นแหละคือเหตุว่าทำไมธรรมชาติของเขาจะถูกบังคับให้มองออกไปยังความสัมพันธ์อันแปลกแยกของวงโคจรดาวเคราะห์น้อยของเรา…และเพื่อที่จะชดเชยในสิ่งนั้น มันจะทำให้สนามพลังแม่เหล็กแม่ไฟฟ้าของระบบสุริยะจักรวาลของเราทั้งหมด ทำลายตัวมันเอง เพื่อให้เกิดบางสิ่งที่เรียกได้ว่า ปฏิกิริยาบิงแบงส์ย้อนกลับ

Luthor : ดังนั้นใช่แล้ว มันเป็นไปได้ และชัยชนะสำหรับชาวคริปตันด้วยล่ะนะบางที แต่ในอีกแง่ก็คือการสูญสิ้นของโลก

Superman : น่าสนใจจริงๆ

Luthor : แหมช่างสุภาพจริงๆนะ ซุปเปอร์แมน แต่เราทั้งคู่น่าจะรู้ดีว่าแกน่ะกำลังโกหกอยู่ด้านหลังของฝันขาวๆนั่นของแก

ซึ่ง Luthor บอกว่า Superman นั้นมีความคิดเป็นอันดับสองลองจากเขา และนั่นจะทำให้ Superman รับรู้ได้ถึงแผนการของ H’el ได้แน่ๆ และทางเดียวที่จะหยุด H’el ได้คือสังหารมันทิ้ง ดังนั้นที่เขามาที่นี่ก็เพื่อดูคือรอยแผลเป็นบนใบหน้าของ Luthor จากการพบกันครั้งสุดท้ายของทั้งคู่ ซึ่งมันทำให้ Superman ต้องสะอึกและรีบขอตัวกลับไปทันที ซึ่ง Luthor ก้ทิ้งท้ายไว้ว่า

Luthor : แกอาจจะหันหลังให้ฉันได้นะ ซุปเปอร์แมน… เพราะมันง่ายกว่าการที่จะหันหลังให้แก่ความจริงเยอะเลยไงล่ะ

Luthor : แกภาคภูมิใจที่ได้ใช้พลังของตัวเองในการปกป้องเหล่ามนุษยชาติ และแกเป็นคนที่ดียิ่งกว่าพวกเรามากนัก แต่ลองถามตัวแกเองดูสิ…ว่าทำไมเจ้า H’el ถึงได้ทำอะไรได้มากกว่าแก

Luthor : เขามีพลังมากกว่างั้นเหรอ… หรือเป็นแกเองที่ไม่สามารถทำให้ตัวเองมีพลังเท่ากับมัน และถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆละก็… ลองคิดดูสิว่าแกกำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่ ซุปเปอร์แมน

ที่ด้านนอก Superboy สงสัยว่า Superman กับ Luthor นั้นเป็นแบบนี้กันมานานเท่าไหร่แล้ว ซึ่ง Superman ก็บอกว่านานเกินกว่าเขาจะคิดถึง แล้ว Superboy ก็เสนอที่จะเรียกเพื่อนของเขามาช่วย

Superboy : พวกเขาเรียกตัวเองว่า ทีน ไททัน พวกเขาก็เหมือนกับผมนี่แหละ พวกเรามารวมตัวกันเพื่อใช้พลังของพวกเราเพื่อข่วยเหลือเหล่าคนอื่นๆที่มีอายุๆพอกัน

Superman : งั้นเธอกำลังจะบอกฉันว่า เธออยู่ร่วมกับเหล่าผู้มีพลังเหนือมนุษย์งั้นสินะ

Superboy : เอิ่ม ไงดีล่ะ…ถ้าคุณจะพูดแบบนั้น..

Superman : แล้วมันยังมีอย่างอื่นให้พูดถึงอีกเหรอ

Superman : ไงก็เถอะเรามาลุยไปด้วยกันดีกว่า… และเมื่อมันจบลง เธอกับฉันจะมาคุยเรื่อง “ทีน ไททัน” นี่ให้ยาวๆกันได้เลย

และที่ด้านนอกเหล่า Justice League ได้มาถึงแล้วแบบครบทีม (ขาดแค่ Aquaman คนเดียวไม่รู้ไปไหน)

Wonder woman : นายเรียกพวกเราเหรอซุปเปอร์แมน

“จริงๆแล้วเธออยากจะเรียกเขาว่า ที่รัก”

“ส่วนเขาก็อยากจะเข้าไปโอบเธอไว้ในอ้อมแขน เพื่อแบ่งปันประสบการณ์อันเลวร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้”

“แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่นั้นเป็นความลับกับ จัสติค ลีคส์, แต่เว้นไว้คนนึง”

Batman : ที่นี่มันไม่มีอะไรให้แปลกใจหรอกนะ แต่ที่ฉันประหลาดใจก็คือจริงๆแล้วฉันกลับไม่เคยได้ยินเรื่องของที่นี่มาก่อนเลย

Cyborg : คุณไม่ได้อยู่คนเดียวนะ แบทแมน ผมได้ลองเชื่อมต่อเข้ากับระบบของ เอ่อ ทุกอย่างๆแล้ว ที่แห่งนี้ไม่ได้ปรากฎอยู่ในฐานข้อมูลใดของทางรัฐบาลเลย ทั้งแผนภาพทางพื้นดิน หรือจากภาพถ่ายดาวเทียมก็ตาม

The Flash : แล้วพวกนายต้องการให้ฉันปลดอาวุธพวกเขาเพื่อความปลอดภัยซักหน่อยมั้ย

ทางด้านทหารหลายคนก็ลนลานทำอะไรไม่ถูก จนหัวหน้าของพวกเขาต้องบอกว่ามีคำสั่งมาจาก A.R.G.U.S ให้พวกเขาให้ความร่วมมือกับ Justice League ในทุกกรณี แต่ยังไงก็ทำให้ Superboy งงไปเลยว่าพวกเขารู้ได้ยังว่าต้องการความช่วยเหลือ

Cyborg : สมาชิกทุกคนในทีมของพวกเรามีตัวส่งสัญญาณ ที่เขาจะกดถ้าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราที่เหลือ และถ้าจะให้บอกละก็นะ นี่คือครั้งแรกเลยทีเดียวที่ ซุปเปอร์แมนคิดจะใช้ตัวส่งสัญญาณของเขา…และนั่นทำให้เราคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องใหญ่หน้าดูเลยล่ะ

Superman : ก็ถ้าจะให้พูดสั้นๆละก็นะ ไซบอร์ก พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับพลังอันมหาศาลอย่างเหลือเชื่อเลยล่ะ H’el ได้เก็บตัวอยู่ภายในป้อมปราการแห่งความสันโดษของฉัน… และตอนนี้มันก็เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงหรือบางทีอาจจะแค่ครึ่งชั่วโมง ก่อนที่มันจะทำลายล้างระบบสุริยะของโลก …มีใครมีคำถามอื่นอีกมั้ย

“และแน่นอนว่ามันไม่เคยมี”

“นั่นแหละคือที่ว่าทำไม Superman ถึงเข้าร่วมกับ Justice League ตั้งแต่ครั้งแรก”

“เพราะพวกเขาคือเหล่าผู้ที่กล้าที่สุดที่เขาเคยรู้จักและเคยพบ”

“แต่เมื่อพวกเขาออกเดินทางไปเพื่อต่อสู้กับภัยร้ายที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนบนโลกใบนี้…”

“Superman ก็ต้องทำใจเข้าไว้”

“เพราะไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ เขารู้ดีว่าการได้พบกับ H’el มันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา…”

“…ไปตลอดกาล”

Superman, Superboy และเหล่า Justice League ออกเดินทางสู่ป้อมปราการแห่งความสันโดษเพื่อปะทะกับ H’el อีกครั้ง

ติดตามการจู่โจมาป้อมปราการแห่งความสันโดษได้ใน Superboy #16 และ Supergirl #16

และใน Superman #16 พบกับตัวแทนแห่งจักรวาล The Oracle

เผยแพร่ครั้งแรกที่ : [Spoil] – H’el on Earth Part 6 : Superman #15

4 thoughts on “H’el on Earth Part 06 : Superman #15

  1. NetNN

    ที่ Aquaman ไม่มานี่อาจแถได้ว่าเป็นช่วงเดียวกับตอนที่ไปสะสางเรื่องของพวก The Others ในเล่มของตัวเองละมัง

    (แต่จริงๆแล้วคงเพราะคนเขียนแค่ไม่อยากใส่เข้ามาเองมากกว่า)

  2. seventoon

    5555 สกิลพระเอก คือการเรียกพวกพ้องอันแข็งแกร่งมารุมได้อย่างไม่เคอะเขิน 555

    ท่าเป็นฝ่ายตัวร้ายทำบ้างโดนประนามน่าดู 55

  3. Kik

    -_- พี่ซุปเวอร์ชั่นนี้ เท่ห์ แบบชิล ๆ ดูเป็นปุถุชนดีแฮะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *