Throne of Atlantis : Part 1 : Justice League 15

DC Comic : Throne of Atlantis : Part 1 : Justice League 15

เรื่อง : Geoff John
ภาพ : Ivan Reis, Joe PradoPerez
วางจำหน่าย: 26 ธันวาคม 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics

Event Cross-Over ของซีรีย์ Aquaman กับ Justice Leagues เริ่มขึ้นแล้ว!!

ใครบางคนกำลังต้องการให้ Atlantis กับโลกเบื้องบนก่อสงครามกันด้วยเหตุผลบางอย่าง และตอนนี้ Aquaman ก็กำลังจะต้องเผชิญกับแผนการทำศึกที่เขาเป็นคนคิดขึ้นมาเอง!


.
.
.
เปิดเรื่องมาที่กลางมหาสมุทรแอตแลนติก
[img]http://f.ptcdn.info/062/001/000/1357751301-JusticeLea-o.jpg[/img]

เรือบรรทุกเครื่องบิน U.S.S. Mabus กำลังจะการทดสอบการยิงมิสไซล์

กัปตัน : การเตรียมการไปถึงไหนแล้ว?

จนท.1 : มิสไซล์พร้อมจะทำการทดสอบแล้วค่ะ

จนท.2 : จะทำการยิงในอีก 42 นาที 22 วินาทีครับ

แต่ทันใดนั้นเสียงออดของสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น?!

กัปตัน : อะไรน่ะ? มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?

จนท.1 : จู่ๆมันก็เริ่มนับถอยหลังขึ้นมาค่ะ!

จนท.1 : และพิกัดเป้าหมายของมิสไซล์ก็ถูกเปลี่ยนไปด้วยค่ะ!

แล้วไม่กี่อึดใจต่อมา มิสไซล์เกือบสิบลูกก็ถูกยิงออกจากช่องปล่อยแล้วพุ่งลงไปในทะเล!!

จนท.3 : มันพุ่งลงไปยังก้นทะเลครับ!

กัปตัน : มันต้องเกิดจากการขัดข้องของระบบแน่ ข้างล่างนั่นมันไม่มีอะไรเลยนี่นา!

จนท.1 : อีกยี่สิบวินาทีหัวรบจะจุดชนวนค่ะ!

ทว่า…สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ตำแหน่งที่มิสไซล์กำลังพุ่งดิ่งลงไปนั้นมันไม่ได้ว่างเปล่า…

มันคือที่ตั้งของนครใต้สมุทร Atlantis!!!

ตัดมาที่หมู่บ้านชนบทเล็กๆชื่อ Smallville

Clark : ทุกอย่างมันเริ่มขึ้นที่สมอลวิลล์นี่

Clark : ตอนนั้นผมก็อยู่ในห้องนี้ ตอนที่ผมคิดว่าจะเลิกเป็นคล๊าก เคนท์ไปอย่างสมบูรณ์

Clark : แต่ผมชอบที่จะเป็นคล๊าก เคนท์ ผมชอบคนที่ผมเป็น และคนที่พ่อแม่ของผมเลี้ยงดูมา เพราะงั้นผมเลยได้ความคิดเรื่อง “ชีวิตสองหน้า” ขึ้นมา ผมเคยคิดที่จะใส่หน้ากากอย่างที่บรูซทำอยู่เหมือนกัน

Clark : แต่ถึงแม้เราจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่แบทแมนก็มีแนวคิดที่แตกต่างจากผม สำหรับผมนั้นผมอยากให้คนดีๆไว้ใจผมมากกว่าที่จะให้คนร้ายกลัวผม

Clark : ผมคิดว่าในการที่คนจะไว้ใจเรา พวกเขาจะต้องสามารถมองเห็นดวงตาของเราได้ เพราะงั้นคล๊าก เคนท์จึงสวมหน้ากากแทนซุปเปอร์แมน

แล้ว Clark ก็หยิบแว่นตาสำหรับผู้หญิงขึ้นมาแล้วยื่นให้กับคู่สนทนาของเขา

Clark : เอ้า คุณลองใส่ดูสิ

Wonder Woman : คุณต้องล้อฉันเล่นแน่เลย

Clark : เอาเถอะน่า ไดอาน่า…

Clark : บางครั้งคุณจะต้องมีเวลาพักเสียบ้างนะ

ตัดมาที่สถานีอวกาศ Watchtower ฐานบัญชาการของ Justice League
Cyborg (Victor Stone) กำลังคุยกับพ่อของเขา Dr.Silas Stone

Dr.Stone : พลเรือเอกคอร์บี้ขอให้พ่อติดต่อลูกโดยตรงเลยนะวิคเตอร์

Dr.Stone : ลูกสาวของท่านก็ประจำการอยู่บนเรือ U.S.S. Mabus ด้วยเหมือนกัน

Cyborg : ทำไมถึงมีคนต้องการจะป่วนการทดลองยิงมิสไซล์และยิงมันลงไปใต้ทะเลที่ไม่มีอะไรด้วยกันล่ะครับ?

Dr.Stone : พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทางกองทัพเรือขาดการติดต่อกับเรือบรรทุกเครื่องบินไปแล้ว

Cyborg : ถ้ามันเป็นการทำด้วยมือโดยตรงล่ะก็ ผมคงไม่สามารถจะตามรอยใดๆก่อนหน้าที่จะมีการลงมือได้แน่ แต่กล้องรักษาความปลอดภัยน่าจะให้เบาะแสอะไรได้บ้างเมื่อผมทำการตรวจสอบมัน

Cyborg : ถ้าเป็นตามปกติผมคงจะใช้บูมทิวบ์ลงไปที่นั่นทันที แต่ถ้าไม่มีการติดต่อโดยตรงกับเรือบรรทุกเครื่องบิน ผมก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของมันได้ ถ้าผมกำหนดพิกัดที่จะไปพลาดล่ะก็ผมคงจมน้ำแหงๆ

(Boom Tube : ประตูมิติที่เดิมเป็นของที่ Darkseid ใช้ส่งกองทัพจาก Apokolip มารุกรานโลก แต่ภายหลังพวก Justice League ได้นำมาใช้เป็นเครื่องมือในการเดินทางไปยังที่ต่างๆได้ทั่วทุกมุมโลก)

Dr.Stone : เราได้เตรียมพร้อมที่จะติดอุปกรณ์เสริมสำหรับทุกสภาพแวดล้อมให้กับลูกไว้ตั้งแต่หลายเดือนก่อนแล้วนะ

Cyborg : ซึ่งในการทำแบบนั้นมันจะทำให้ผมต้องเสียปอดข้างเดียวที่ผมมีเหลืออยู่ไป ดังนั้นผมจึงขอปฏิเสธ

Dr.Stone : พ่อคงไม่ติดต่อหาลูกโดยตรงข้ามหัวหน่วยงาน A.R.G.U.S. แบบนี้หรอกถ้าไม่ใช่เพราะท่านพลเรือเอกคอร์บี้ขอร้องพ่อมา เพราะคนเป็นพ่อแม่ย่อมต้องเห็นลูกตัวเองสำคัญที่สุด

Dr.Stone : ลูกคงเข้าใจใช่ไหมล่ะ?

ทันใดนั้น จู่ๆไฟฟ้าใน Watchtower ก็ดับมืดลง?!

หลังจากนั้นที่ Gotham City
Cyborg ได้ติดต่อไปหา Batman เพื่อปรึกษาสิ่งที่เกิดขึ้น

Cyborg : ระบบคอมพิวเตอร์ของฐานเรากำลังรีบูธอยู่น่ะนะแบทแมน แต่การที่จู่ๆคลื่นไฟฟ้าจะถูกยิงใส่วอชทาวเวอร์ พร้อมๆกับการที่เรือบรรทุกเครื่องบินขาดการติดต่อไปแบบนี้?

Cyborg : มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่

Batman : นายเตรียมตัวให้พร้อมไว้ แล้วฉันจะดูว่าฉันจะช่วยอะไรได้บ้างจากที่นี่นะวิค

Cyborg : โอเค

Batman : พยายามติดต่อไปหาเรือบรรทุกเครื่องบินไปเรื่อยๆด้วย

Cyborg : ได้เลย

Batman : และฉันจะติดต่อไปหาพ่อของนายเพื่อบอกเขาว่านายปลอดภัยดีให้

Cyborg : คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก

Batman : ปล่อยได้

คำพูดสุดท้ายนั้น Batman ไม่ได้พูดกับ Cyborg แต่เขาสั่งการให้เรือของเขาดีดตัวเขาออกเพื่อเข้าโจมตีพวกผู้ร้ายที่เขากำลังตามล่าต่างหาก

ด้วยความเก๋าของ Batman เขาก็จัดการพวกโจรลูกกระจ๊อกไปครึ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ตอนนั้นเอง “ความช่วยเหลือ” ที่ไม่ได้คาดคิดไว้ก็ปรากฎตัวขึ้น?!

แม้ Aquaman (Arthur Curry) จะช่วย Batman จับโจรได้ แต่พวกตำรวจ Gotham ก็ไม่ได้นึกขอบคุณเขาเลยสักนิด แถมยังล้อเลียนเขาอีกต่างหาก

แต่ Hero ทั้งสองที่ไม่คิดสนใจเสียงนกเสียงกาให้ระคายหูก็คุยธุระกันต่อไป

Batman : นายมาทำอะไรที่กอธแฮมนี่?

Arthur : อย่าบอกนะว่านายไม่พอใจที่ฉันช่วยจับพวกโจรลักพาตัวนี่น่ะ?

Batman : ฉันขอบใจที่นายช่วยฉันจัดการลูกน้องของสแกร์โครว์ ถึงแม้ฉันจะไม่ได้ต้องการก็ตาม

Arthur : แต่ฉันต้องการความช่วยเหลือของนาย ฉันรู้ว่าเรามีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องการเป็นผู้นำของจัสติสลีกส์ และเราก็คงต้องคุยกันเรื่องนั้นให้เคลียร์ด้วย แต่ก่อนอื่นฉันมีปัญหาที่อยากจะปรึกษานาย

Arthur : พวกปลากำลังหนีหายไปจากแถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่แถวบอสตันลงมาถึงกอธแฮมนี่เลย

Arthur : พวกมันไม่ตอบรับโทรจิตของฉันด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าสัญชาติญาณเอาชีวิตรอดของพวกมันกำลังทำงานเต็มที่

Arthur : ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้นั้น มันเกิดขึ้นที่เมืองชายฝั่งทะเลที่โดนฝูงสัตว์ประหลาดกินเนื้อจากใต้ทะเลเข้าจู่โจม ฉันนึกว่าได้…จัดการกับเรื่องนั้นไปแล้ว แต่ถ้าเจ้าพวกนั้นมันกลับมาอีกด้วยจำนวนที่มากขึ้นกว่าเดิมล่ะก็ มันก็จะเป็นปัญหาระดับที่จัสติสลีกส์จะต้องลงมาจัดการแล้วล่ะนะ…

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั่นเอง คนร้ายคนหนึ่งก็พยายามจะหนีการจับกุม

แต่ก่อนที่มันจะทันได้หนีไป คลื่นน้ำก้อนใหญ่ก็พุ่งเข้าใส่จนทำให้ทั้งโจรและตำรวจกลิ้งโค่โร่ไปด้วยกัน

ซึ่งมันเป็นฝีมือของ Mera ภรรยาของ Aquaman นั่นเอง
(โอ๊ะ เจ๊แกเปลี่ยนชุดใหม่ด้วยแฮะ)

Mera : ฉันหวังว่าจะไม่ได้ทำให้ใครบาดเจ็บนะสุภาพบุรุษทั้งหลาย

Arthur : แบทแมน…นายเคยพบเมร่ามาก่อนแล้วนี่นะ

ทั้งตำรวจทั้งโจรได้แต่อึ้งรับประทานเมื่อราชินีแห่งท้องทะเลเดินผ่านหน้าไป

Mera : พูดอะไรไม่ออกเลยงั้นรึ? หรือไม่ก็คงแค่เปียกเฉยๆล่ะนะ

Mera : ฉันลองตามฝูงปลาไปสิบกว่าฝูงดูแล้วล่ะนะอาเธอร์ และก็ไม่มีฝูงไหนเลยที่มุ่งไปทิศทางไหนโดยเฉพาะ

Mera : พวกมันแค่พยายามว่ายหนีอย่างสุดชีวิตเท่านั้นเอง

ที่กลางทะเล พวกชาวประมงก็รับรู้ถึงเหตุการณ์นี้ จากการที่อวนของพวกเขาจับปลาไม่ได้เลย

Arthur : นายดูเป็นกังวลอยู่นะ

Batman : ฉันนึกว่านายมาเพื่อช่วยเรื่องเรือ U.S.S. Mabus เสียอีกน่ะ

Arthur : เกิดอะไรขึ้นกับ U.S.S. Mabus ที่ว่างั้นรึ?

ขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในทะเล…

ตัดมาที่ Metropolis
ในร้านอาหารริมทะเลแห่งหนึ่ง
หนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังทานอาหารค่ำกันอยู่

Diana : รู้อะไรไหมคล๊าก?

Clark : อะไรหรือ?

Diana : มันได้ผลจริงๆด้วยล่ะ

(ปัจจุบันสองคนนี้คบกันเป็นแฟนอยู่ครับ : เริ่มมาตั้งแต่ Justice League เล่ม 12 แล้วมาเป็นทางการในเล่ม 14)

Clark : ผมรู้

Diana : มันเป็นไปได้ยังไง? แล้วก็ทำไม?

Clark : ก็ ผมเดาว่าปกติแล้วเวลาที่พวกเขาเห็นพวกเรานั้น พวกเขาเห็นจากที่ๆห่างไกล หรือไม่ก็มองจากพื้นดินขึ้นมา แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ผมไม่คิดว่าคนส่วนใหญ่จะคิดด้วยซ้ำว่าเรา…

Diana : …ซ่อนอยู่ในหมู่พวกเขางั้นหรือ?

Clark : ไม่หรอก ไม่ใช่ซ่อน ผมแค่คิดว่าเมื่อคนส่วนมากนึกภาพพวกเราขณะที่ไม่ได้อยู่กับจัสติสลีกส์นั้น พวกเขาคิดว่าเราคือซุปเปอร์แมนกับวันเดอร์วูแมนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยไงล่ะ

Diana : สำหรับฉันมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆนี่นะ

Clark : ถ้าผมมีครอบครัวใหญ่แบบคุณล่ะก็ บางทีผมก็คงจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่แม้แต่เทพธิดาก็ยังมีสิทธิ์ที่จะได้ทานอาหารค่ำบ้างนะไดอาน่า

(ในจักรวาล New52 นี้ Diana เป็นลูกสาวของ Zeus ราชาแห่งเทพของกรีก และเหตุการณ์ในเล่ม Wonder Woman ก็จะเป็นการที่เธอต้องรับมือกับพวกเทพที่มักชอบหาเรื่องแก่งแย่งกันเองเสียเป็นส่วนใหญ่)

Diana : ฉันไม่เคยมาก่อนเลยล่ะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่แบบนี้ล่ะนะ

Clark : ผมก็หวังว่านี่จะเป็นครั้งแรกของหลายๆครั้งที่จะตามมาล่ะนะ

ทันใดนั้นไฟฟ้าในร้านก็ดับลง
พร้อมกับที่ Diana รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

Diana : คล๊าก?

จู่ๆก็พื้นดินก็สั่นสะเทือนพร้อมกับเสียงดังสนั่น?!

Diana : นั่นมันอะไรน่ะ?

สิ่งที่กำลังพุ่งเข้ามาหาตัวเมืองคือคลื่นน้ำที่สูงยิ่งกว่าตึกระฟ้า ที่มันกำลังพัดพาเรือบรรทุกเครื่องบินที่เสียหายหนักพุ่งเข้าหาตัวเมือง!!

Clark : เป็นงานที่เราต้องจัดการไง

ทั้งสองไม่รอช้าและเปลี่ยนเป็นชุดทำงานทันที!!

(คงไม่ต้องห่วงเรื่องจะมีคนเห็น เพราะคนส่วนใหญ่คงหนีไปทางด้านตรงข้ามกับคลื่น ไม่ใช่พุ่งเข้าหาคลื่นยักษ์แบบสองคนนี้แน่)

ที่ในเมือง
Lois Lane กับ Jimmy Olsen กำลังหนีคลื่นยักษ์อยู่

Jimmy : โอ้ให้ตายสิโลอิส ช็อตนี้สุดยอดเลย! นี่มันบ้ามากๆ!!

Lois : ที่บ้าน่ะนายต่างหากล่ะจิมมี่! วิ่งเร็วเข้า!

Jimmy : คุณได้ยินเสียงนั่นไหม?

เมื่อพวกเขามองไปตามเสียง ก็ได้เห็นเงาร่างสองเงาพุ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูง!

Lois : ซุปเปอร์แมน? แล้วก็…

Jimmy : นี่ซุปเปอร์แมนกับวันเดอร์วูแมนเพิ่งจะรับเรือบรรทุกเครื่องบินเอาไว้งั้นหรือเนี่ย?

Lois : ใช่เลยล่ะ

Jimmy : ท่าทางคุณดูจะอิจฉาอยู่นะเนี่ย

Lois : ปีนเข้าเหอะน่าจิมมี่ เร็วเข้า!

Wonder Woman : น้ำมันยังท่วมเข้ามาในเมืองอยู่เลยนะ

Superman : เราสามารถใช้เรือกั้นน้ำบางส่วนได้

Superman : และผมก็จะทำให้น้ำบางส่วนมันระเหยไปเสีย

ว่าแล้ว Superman ก็ใช้ Heat Vision ยิงใส่น้ำจนส่วนที่โดนแสงระเหยกลายเป็นไอน้ำไป

แต่ขณะเดียวกันนั้นน้ำก็พัด Lois จนหลุดจากจุดที่เธอเกาะอยู่

Jimmy : โลอิส?!

Wonder Woman : ที่บนถนนมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเราอยู่นะซุปเปอร์แมน

Superman : แล้วก็มีคนที่ยังติดอยู่ข้างในเรืออยู่อีกด้วย

Superman : บ้าเอ๊ย เราช่วยไม่ได้หมดทุกคนแน่เลย

ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งช่วยดึงเอา Lois ขึ้นจากน้ำ และโดดพาเธอขึ้นไปถึงยอดตึกที่อยู่ข้างเคียง

Vulko : ข้าช่วยท่านไว้ได้แล้ว ชาวเบื้องบนเิิอ๋ย

Superman : โลอิส?

แต่เมื่อถึงที่ปลอดภัยแล้ว ชายคนที่ช่วย Lois ไว้ก็ล้มพับลงกับพื้นไป?

Superman : โลอิสคุณปลอดภัยดีไหม?

Lois : ต้องขอบคุณผู้ชายคนนี้น่ะนะ

Lois : ว่าแต่เขาเป็นใครกันน่ะ?

Cyborg : แบทแมน นี่ผมไซบอร์คนะ ตอนนี้ฐานเรากลับมาทำงานอีกครั้งแล้ว

Cyborg : ตอนนี้บอสตันโดนคลื่นยักษ์เข้าถล่มอยู่

Cyborg : เมโทรโปลิสก็ด้วย

ที่ Metropolis ชายแปลกหน้าก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว

Vulko : ข…ข้าชื่อวัลโก้..ข้าจะต้องตามหาร…ราชาอาเธอร์

Vulko : น้องชายของเขา…เขาจะต้องไปหยุดน้องของเขา…

Vulko : …ก่อนที่เขาจะจมทุกสิ่งทุกอย่าง

ที่ Gotham City

Batman : ตอนนี้น้ำทะเลที่นี่กำลังลดระดับลงแล้วนะไซบอร์ค?

Cyborg : คลื่นลูกต่อไปกำลังจะเข้าถล่มกอธแฮมแล้วล่ะ ตอนนี้ทางสภาเมืองประกาศอพยพคนทั้งเมืองไปแล้วด้วย

ตอนนั้นเอง Mera ก็พูดขึ้น

Mera : สิ่งที่เกิดขึ้นนี่มันไม่ผิดแน่แล้วนะอาเธอร์

Batman : เรื่องอะไรกันน่ะ?

Arthur : นี่คือการโจมตีขั้นแรก เป็นทำให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่ที่มีประชากรอยู่หนาแน่น ก่อนที่จะเริ่มยกพลขึ้นบกโดยตรงในขั้นต่อไป

Arthur : คุณพระช่วย พวกนั้นกำลังทำตาม “แผนสงครามแห่งแอตแลนติส” อยู่

Batman : แล้วนายรู้เรื่องนั้นได้ยังไง?

Arthur : ก็เพราะว่าฉันเป็นคนเขียนแผนนั้นขึ้นมาเองน่ะสิ

บัดนี้จากผลของการโดนโจมตีที่มีใครบางคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง กองทัพของอาณาจักรใต้ทะเลกำลังจะเข้าจู่โจมโลกเบื้องบนแล้ว!!

โปรดติดตามตอนต่อไป

14 thoughts on “Throne of Atlantis : Part 1 : Justice League 15

  1. genesis

    เล่มนี้แหละที่รอมานาน อ่านแล้วมัน Epic สมใจจริงๆ ภาพจากงานของ Ivan Reis กับเนื้อเรื่องของ John ที่แหละเข้ากันที่สุด
    โดยเฉพาะฉากคลื่นยักษ์ที่ซัดเข้าเมืองเนี่ยสุดๆแล้วครับ ฉากสุดท้ายนี่ยังดูทรงพลังมากๆเลย

    เข้าเนื้อเรื่องดีกว่า พล่ามมายาวแล้ว 5555+
    ใน JL ผมว่าอีเวนต์นี้แหละที่ดูสมเป็น JL จริงซะที เพราะทีมนี้มันต้องแก้ปัญหาระดับนี้ ช่วงแรกๆก็เป็นแค่การฟอร์มทีมเท่านั้น แต่หลังจบนี่สิ Aquaman จะทำยังไง เพราะคราวนี้มาด้วยแผนของตัวเองเลย
    อีกฉากที่ชอบคือช่วง ไดอาน่ากับคล๊ากส์นี่แหละครับ ดูสวีทกันดีจริงๆ

  2. Tatoo

    เปิดเรื่องมาได้มันส์มาก หวังว่าอีเว้นต์นี้คงไม่ทำให้ผิดหวัง
    เห็นคลื่นยักษ์ถล่มเมืองเเล้วเเอบนึกถึงเหตุการณ์ใน Flashpoint
    เมร่าไม่น่าเปลี่ยนชุดเลย

  3. RedRaven

    แค่แว่น ก็ปลอมตัวได้ สมเป็น DC จริงๆ

  4. Viriya

    Shazam ยังเป็นเนื้อเรื่อง The Curse of Shazam #7 ตอนแถมท้ายเล่มอยู่ครับ จะเป็นยังไงเดี๋ยวคุณ voeten คงมาสปอยล์ให้อ่านกัน

  5. stillenigma

    เอสองคนนั้นไปทำอะไรกันที่สมอลวิลหว่า แถมคล๊ากกำลังแต่งตัวอีก หรือว่า…………………..

  6. seventoon

    สนุกมากมากครับ น่าติดตาม ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่นอน

  7. istudioz

    อลังการมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

  8. LongJunT

    สุดยอด เนื้อเรื่องอลังกาล ภาพก็สวยมาก แถมวันเดอร์วูแมนกลายเป็นสาวแว่นอีก โวะ

  9. DOL

    เนื้อเรื่องมันอลังการจริงๆให้ตายสิ

    แต่..อู้ววว คลากกก กินตับเจ๊ไดแล้วรึเปล่านั่น

    อู้ววววว อ๊าววววววว โอ๊ววววว

  10. dark_shochan

    เนื้อเรื่องช่วงนี้สนุกมากๆจริงๆค่ะ ไดอาน่าใส่แว่นแล้วน่ารักมากๆ ชอบลุคเธอในแบบคนธรรมดาแบบนี้จัง ^^

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *