Author Archives: T.Rex

About T.Rex

With heart of Stark ,Eyes of Murdock and responsibility of Parker

JLA : Justice and Liberty

เรื่อง: Paul Dini
ภาพ: Alex Ross
ตีพิมพ์ 1 ธันวาคม 2003

ในปี 2003 อเล็กซ์ รอสส์ กับ พอล ดีนี่ ก็ปล่อยงานชิ้นสุดท้ายตามแผนออกมา
นั่นก็คือ JLA : Justice and Liberty ที่งานนี้มีความแตกต่างจากเล่มก่อนๆ หลายประการ

อย่างแรกเลยคือหนังสือหนาขึ้นจากเดิม 64 หน้าเป็น 96 หน้า
เนื้อเรื่องที่เดิมมีแต่บทบรรยายไม่มีคำพูด ในเล่มนี้ก็มีบทคำพูดด้วย
ทั้งนี้เพราะเนื้อหายาวขึ้นและมีตัวละครเยอะขึ้นนั่นเอง
รอสส์กับดีนี่จึงคิดว่าควรจะมีบทสนทนาเพื่อบอกถึงความคิดของตัวละคร
และแสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาที่ต่างกันออกไปของแต่ละตัวละคร

เรื่องราวในเล่มนี้เริ่มจากปฏิบัติการของสมาชิกชุดหลักของ JLA
ในการช่วยเครื่องบินโดยสารที่กำลังจะตก Continue reading

JLA : Secret Origins

JLA : Secret Origins
เรื่อง: Paul Dini
ภาพ: Alex Ross
ตีพิมพ์: 1 ธันวาคม 2002

แล้วเราก็มาถึงงานเกือบล่าสุดของดีนี่และรอสส์ (แต่คงจะไม่ใช่เล่มสุดท้ายตลอดไป)
ในชุดหนังสือไซส์แท็บลอยด์ของดีซีคอมิคส์ คราวนี้เป็นงานรวมดาวฮีโร่ของดีซีเลยทีเดียว
นั่นก็คือ JLA หรือ Justice League of America Continue reading

Wonder Woman : The Spirit of Truth

ในปี 1941 ดีซี คอมิคส์ ได้สร้างสรรค์ตัวละครที่จะกลายเป็นตัวละครที่สำคัญที่สุดอีกตัวหนึ่ง
ในประวัติศาสตร์การ์ตูนอเมริกันออกมา เธอจะกลายเป็นตัวละครที่เป็นที่รู้จักและจดจำกันได้มากที่สุด
ไม่แพ้แบทแมนและซุปเปอร์แมน เธอก็คือ วันเดอร์ วูแมน

และเมื่อตกถึงปี 2001 ก็เป็นวาระครบ 60 ปีของเธอ ทีมของ พอล ดีนี่และอเล็กซ์ รอสส์
ก็ได้ออกหนังสือพิเศษฉลองอายุ 60 ปีของตัวละครตัวนี้ ในชื่อ Wonder Woman : Spirit of Truth
มาเข้าชุดกับสามเล่มแรกอีกครั้ง

วันเดอร์ วูแมน อาจจะไม่ใช่ตัวละครซูเปอร์ฮีโร่หญิงตัวแรก
แต่เธอคือซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดแน่ๆ
ผมเองจำไม่ได้เหมือนกันว่าผมรู้จักเธอจากการ์ตูนชุดซูเปอร์เฟรนด์ ที่เป็นเหมือน JLA ภาคอะนิเมชั่นก่อน
หรือรู้จักจากหนังชุดคนแสดง ที่มีดาราอย่าง ลินดา คาร์เตอร์ นำแสดงก่อนกันแน่
(ภาพของเธอก็ยังคงอยู่ในความรู้สึกผมและคนที่เคยดูอย่างลืมไม่ลง ว่าเธอนี่แหละคือวันเดอร์วูแมน
ซึ่งก็น่าจะรวมถึงอเล็กซ์ รอสส์ด้วย)

ที่น่าทึ่ง คือตัวละครตัวนี้มีความเป็นมาที่น่าสนใจ
เป็นตัวละครที่เกิดจากคนที่ไม่ได้เป็นนักเขียนหรือนักวาดการ์ตูนมืออาชีพ
แต่เป็นนักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียงนาม วิลเลี่ยม โมลตัน มาร์สตัน
ที่ได้รับคำเชื้อเชิญให้สร้างตัวการ์ตูนที่จะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเหล่าเด็กๆ
หลังจากที่เขาเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์หนังสือการ์ตูน
ซึ่งเขาก็ได้สร้างเธอขึ้นมาโดยผูกเรื่องให้เธอเป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรอะเมซอน
เผ่าที่มีแต่ผู้หญิงล้วนตามตำนานกรีก เป็นตัวแทนของเผ่าเพื่อมาสู่โลกของบุรุษ ตามนักบินหนุ่มชาวอเมริกัน
ที่พลัดหลงไปที่นั่นโดยบังเอิญ โดยมีอาวุธเป็นเครื่องบินล่องหน ปลอกแขนวิเศษที่สามารถกันกระสุนได้
และบ่วงบาศแห่งสัจจะ ที่เมื่อคล้องใครแล้ว ไม่มีทางดิ้นหลุดและจะต้องสารภาพความจริงออกมา
อาวุธชิ้นนี้มีความน่าสนใจที่ว่าในชีวิตจริง มาร์สตันได้เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องมือที่ยังใช้กันมาจนปัจจุบัน
ซึ่งทำงานคล้ายๆ กับของวิเศษนี้ นั่นก็คือ ”เครื่องจับเท็จ”

มาร์สตันผูกเรื่องจากตำนานกรีก อันเป็นสิ่งที่เขาสนใจ จากเรื่องของนักรบหญิงชาวอะเมซอนและเทพนิยายกรีก
บวกกับความคิดของเขาที่เกี่ยวกับสังคมที่มีหญิงเป็นผู้นำและแม่แบบ
โดยตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน ออล-อเมริกัน ของสำนักพิมพ์ชื่อเดียวกันนี้ซึ่งเป็นบริษัทลูกของดีซี คอมิคส์
ก่อนที่จะขึ้นเป็นดารานำใน Sensation Comics และหนังสือของตัวเองในเวลาต่อมา

วันเดอร์วูแมนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม หลายคนเชื่อว่าเป็นเพราะความรู้ในทางจิตวิทยาของเขา
ทำให้มาร์สตันรู้วิธีที่จะเขียนเรื่องให้ตรงใจคนอ่านที่สุด ข้อที่น่าสังเกตก็คือชุดแรกของวันเดอร์ วูแมนนั้นสวมกระโปรง
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกางเกงในอีกไม่กี่เล่มถัดมา ตลอดเวลาที่มาร์สตันเขียนเรื่องชุดนี้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น
การ์ตูนชุดนี้ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด

หลังจากที่เขาเสียชีวิตเรื่องก็มียอดขายตกลง
ในช่วงยุค 70 เมื่อมีการพยายามปรับปรุงตัวละครเอกของบริษัท
เพื่อรับกับการที่ถูกเทคโอเวอร์โดยทางไทม์ วอร์เนอร์ของดีซีคอมิคส์
เช่นการทำให้แบทแมนกลับสู่การเป็นอัศวินรัตติกาล หรือการเปลี่ยนให้คลาร์ก เคนท์ไปเป็นนักข่าวโทรทัศน์เป็นต้น
วันเดอร์ วูแมนก็ถูกเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน เธอถูกดึงพลังวิเศษไป แม้แต่ชุดก็ถูกเปลี่ยนแปลง
แต่การเปลี่ยนแปลงคราวนี้ไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องเปลี่ยนกลับในไม่กี่ฉบับ

แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็มาถึงวันเดอร์วูแมน หลังเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่จัดระเบียบจักรวาลของดีซี
อย่าง “Crisis on Infinite Earth” การเริ่มต้นใหม่มาถึงวันเดอร์ วูแมน
โดยฝีมือของนักวาดที่เป็นคนวาดภาพเรื่องชุด “Crisis” นั่นเอง คือ จอร์จ เปเรซ

เปเรซ ซึ่งขณะนั้นเป็นนักวาดผู้โด่งดังติดอันดับหนึ่งในวงการด้วยลายเส้นที่มีรายละเอียด
และสร้างสรรค์ตัวละครมากมาย ได้นำวันเดอร์ วูแมน กลับสู่รากฐานดั้งเดิมที่ มาร์สตัน สร้างสรรค์ไว้
แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลง จากโลกยุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็กลายมาเป็นยุคปัจจุบันแทน
ชุดยังคงรูปแบบเดิมที่ถูกดัดแปลงจากธงชาติอเมริกัน แต่มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างนิดหน่อย
และเหล่าเทพเจ้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชาวอะเมซอน ที่จากเดิมมาร์สตัน เอาชื่อเทพกรีกและโรมันมาผสมกัน
โดยเน้นจากความคุ้นหูเป็นหลัก เปเรซก็เปลี่ยนแปลงโดยยึดจากกรีกเป็นหลัก

แต่ที่เปลี่ยนแปลงไปมากก็คือตัวของวันเดอร์วูแมนเอง จากการที่เป็นลูกสาวของราชินีฮิปโปลิต้าจริงๆ
ก็เปลี่ยนให้เธอเป็นลูกสาวที่ฮิปโปลิต้าอยากได้ แต่ไม่อาจมีได้จึงขอจากพระแม่ธรณีไกอา
และได้ปั้นดินขึ้นเป็นตัวไดอาน่า (วันเดอร์ วูแมน)
แล้วไกอาก็ประธานชีวิตให้แก่เธอ และฮิปโปลิต้าก็รับเธอเป็นลูกสาวจริงๆ (ก็ชาวอะเมซอนจะมีลูกได้ไง ในเมื่อไม่มีผู้ชาย)
และพลังของเธอก็ถูกเร่งขยายขึ้นให้สามารถบินได้เองโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องบินล่องหนอีก
พลังกายก็ถูกเพิ่มขึ้นให้สูงพอๆ กับซูเปอร์แมน และเลิกตัวตนที่ไดอาน่า ใช้เป็นมนุษย์อย่าง ไดอาน่า พรินซ์ ไปซะ
เพราะเปเรซเห็นว่าเธอมาจากโลกที่บริสุทธิ์เกินกว่าที่จะคิดเรื่องตัวตนลับได้
และเธอมีฐานะเป็นราชฑูตจากดินแดนเธมีสไคร่า (เกาะที่อยู่ของพวกอะเมซอน) จึงไม่น่าจะต้องมีร่างที่ใช้อยู่ในสังคมมนุษย์
และนับจากนั้นจักรวาลดีซีก็นับเอาวันเดอร์ วูแมนจากไอเดียของจอร์จ เปเรซเป็นมาตรฐานต่อมาจนปัจจุบัน
และมีการเสริมเนื้อหาว่าวันเดอร์ วูแมนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่มีวันเดอร์วูแมนนั้น ก็คือฮิปโปลิต้าแม่ของไดอาน่านั่นเอง

Wonder Woman : Spirit of Truth
เรื่อง: Paul Dini
ภาพ: Alex Ross
ตีพิมพ์: 1 พฤศจิกายน 2001

หนังสือเปิดเรื่องด้วยการเล่าที่มาของเธออย่างสรุปๆ เพื่อให้ผู้อ่านที่ไม่มีความรู้มาก่อนได้เข้าใจ
แล้วก็เข้าเรื่องเหมือนกับทุกเรื่องในชุดนี้ Continue reading

Shazam : Power of Hope

แล้วก็มาถึงเล่มที่สามในซีรี่ส์ฉลองอายุครบ 60 ปีของตัวละครเอกของดีซีคอมมิค
คราวนี้ถึงคิวของ กัปตันมาร์เวล หรือ ชาแซม กันบ้าง
แต่ก่อนเราจะเข้าไปถึงเรื่องราวในหนังสือ ผมอยากจะทำความเข้าใจที่มา
หรือเรื่องราวของตัวละครตัวนี้กันก่อนว่ามีความเป็นมาอย่างไร

แรกเริ่มเดิมทีตัวละครตัวนี้มีชื่อว่า ”กัปตันมาร์เวล” โดยไม่มีปัญหาอะไร ทำไมน่ะเหรอ
ก็เพราะในขณะนั้นยังไม่มีสำนักพิมพ์การ์ตูนที่ชื่อว่ามาร์เวลน่ะสิ
ตอนนั้น สำนักพิมพ์มาร์เวลยังใช้ชื่อว่าไทม์ลี่ (Timely) อยู่เลย
เรื่องนี้เป็นการ์ตูนของสำนักพิมพ์ฟอว์เซ็ทท์ (Fawcett) ไม่ใช่ของดีซีแต่ประการใด
โดยเป็นผลงานสร้างสรรค์ของ C.C.Beck เป็นผู้วาดและ บิล ปาร์คเกอร์ เป็นผู้เขียนเรื่อง
ลงตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในนิตยสาร Whiz Comic ฉบับที่ 1
ออกวางตลาดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1940 ในชื่อกัปตัน มาร์เวล (Captain Marvel)
ส่วน ชาแซม นั้นเป็นชื่อของพ่อมดที่มอบพลังพิเศษให้แก่หนุ่มน้อยบิลลี่ แบ็ตสัน

หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มน้อยกำพร้า บิลลี่ แบ็ตสัน
ที่วันหนึ่งเขาถูกพาไปยังถ้ำเร้นลับที่อยู่ลึกลงไปใต้สถานีรถไฟใต้ดิน ที่เรียกว่าศิลาแห่งนิรันดร์
ที่นั่นเขาได้พบพ่อมดเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มากว่า 3,000 ปีแล้ว เขามีชื่อว่าชาแซม (Shazam)
อันเป็นชื่อที่เกิดจากการเอาชื่อของเทพเจ้า (และวีรบุรุษ) โบราณมาผสมกัน
โดยเขาได้พลังจากชื่อเหล่านั้น ดังนี้
ปัญญาแห่งโซโลมอน (Solomon)
กำลังแห่งเฮฮร์คิวลิส (Hercules)
ความอดทนแห่งแอตลาส (Atlas)
อำนาจแห่งเซอุส (Zeus)
ความกล้าหาญแห่งอะคิลิส (Achiles)
ความเร็วแห่งเมอร์คิวรี่ (Mercury)

ซึ่งเมื่อนำตัวอักษรแรกของทุกชื่อมารวมกัน ก็จะได้ชื่อของพ่อมดผู้นี้
และเมื่อบิลลี่ แบ็ตสัน เอ่ยคำศักดิ์สิทธิ์นี้ (ชาแซม) บิลลี่ ก็จะกลายเป็นกัปตันมาร์เวล
ผู้มีพลังจากเทพเจ้าและวีรบุรุษที่เอาตัวอักษรมาผสมเป็นชื่อนี้ขึ้นมา

กัปตันมาร์เวลประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และด้วยฝีมือการเขียนของออตโต้ ไบน์เดอร์
ที่เดินเรื่องออกไปในแนวสนุกสนาน, ตลกขบขัน, เบาๆ เหมือนเทพนิยาย
เพราะในเรื่องมีทั้งตัวละครอย่างเสือพูดได้ที่แต่งตัวใส่สูท เพื่อย้ายมาอยู่ในเมืองเพราะเบื่อป่า
หรือผู้ร้ายที่มีชื่อว่า มร.ไมนด์ ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด และรวบรวมวายร้ายของมาร์เวลมากมาย
เพื่อมาต่อสู้กับกัปตันมาร์เวล ซึ่งเมื่อเปิดเผยความจริงออกมาตัวจริงของ มร.ไมนด์ก็คือหนอน
ตัวเท่าหนอน และเป็นหนอนจริงๆ ที่ใส่แว่นตาและพูดได้

และด้วยเนื้อเรื่องอย่างนี้ที่อาจจะฟังดูพิลึกพิลั่นอย่างนี้ในยุคนี้ เรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
กัปตันมาร์เวลประสบความสำเร็จและขยายตัวออกไปอย่างมากมาย
เป็นตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ตัวแรกที่มีเรื่องราวแบบ ”Family”
คือมีตัวละครอื่นๆ ที่มีพลังแบบเดียวกันอยู่ด้วย
แนวคิดนี้เริ่มจากการปรากฏตัวของ กัปตันมาร์เวลจูเนียร์ ในปี 1942
ที่ตัวจริงคือ เฟรดดี้ ฟรีแมน เด็กหนุ่มที่ถูกกัปตันนาซี หนึ่งในวายร้ายคู่ปรับของกัปตันมาร์เวล
ทำร้ายเจียนตาย จนกัปตันมาร์เวลต้องพาไปให้พ่อมดชาแซมช่วยรักษา
ซึ่งพ่อมดเฒ่าก็ใช้วิธีมอบพลังวิเศษให้เฟรดดี้ และเมื่อเฟรดดี้เอ่ยคำศักดิ์สิทธิ์ ”ชาแซม”
เฟรดดี้ก็จะกลายเป็นกัปตันมาร์เวลจูเนียร์ ที่มีพลังเหมือนกัปตันมาร์เวล แต่น้อยกว่า

และในปลายปีนั้น แมรี่ มาร์เวล ผู้เป็นเสมือนกัปตันมาร์เวลหญิงก็ปรากฏตัวขึ้น
ตัวจริงของเธอก็คือคือแมรี่ แบ็ตสัน น้องสาวฝาแฝดของบิลลี่ แบ็ตสัน ที่หายสาปสูญไปนานแล้ว
ซึ่งพบว่าคำศักดิ์สิทธิ์ ”ชาแซม” ก็มีผลกับเธอด้วย เพราะมันทำให้เธอกลายเป็นแมรี่ มาร์เวล
ตรงนี้ขอแทรกนิดว่าคำย่อของแมรี่มาร์เวลแตกต่างจากของกัปตันมาร์เวล
โดยย่อมาจากชื่อต่างๆดังนี้
ความสง่างามแห่งเซลีน่า (Selena)
กำลังแห่งฮิปโปลีต้า (Hippolyta)
ฝีมือของแอรีแอดเน่ (Ariadne)
ความว่องไวของเซไฟรอัส (Zephryus)
ความสวยงามของออโรร่า (Aurora)
ปัญญาแห่งมิเนอร์ว่า (Minerva)

ความรู้สึกเป็นครอบครัวมีเพิ่มมากขึ้นไปอีก
เมื่อมีตัวละครอย่าง คุณลุงมาร์เวล (Uncle Marvel) ออกมา
เพียงแต่เขาคนนี้ไม่มีพลังวิเศษ แต่เป็นอาชญากรที่บังเอิญรู้ความลับของพวกมาร์เวล
จากบันทึกของแมรี่ แบ็ตสัน แล้วคิดจะแสวงหาประโยชน์
แต่ต่อมาก็กลายเป็นพวกเดียวกับพวกมาร์เวลไปด้วย
นี่ยังไม่นับกัปตันมาร์เวลอ้วน, กัปตันมาร์เวลผอม และกัปตันมาร์เวลลูกทุ่ง
ที่ล้วนแต่เป็นเด็กชายที่ชื่อ บิลลี่ แบ็ตสัน ที่เมื่อเอ่ยคำศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็กลายร่างได้ทั้งนั้น

ความสำเร็จของครอบครัวมาร์เวล (Marvel Family) ถูกลอกเลียนแบบ
โดยซุปเปอร์แมน และแบทแมน ในเวลาต่อมา
ที่มีตัวละครอย่างซูเปอร์บอย, ซูเปอร์เกิร์ล, แบทเกิร์ล, แบทวูแมน

มีบางช่วงที่เรื่องนี้ขายดีกว่าซูเปอร์แมนและแบทแมนรวมกันด้วยซ้ำ
ซึ่งนั่นก็นำไปสู่คดีความในที่สุด เมื่อทางดีซียื่นฟ้องร้องทางฟอว์เซ็ท ว่าสร้างสรรค์ตัวละครตัวนี้
โดยการลอกแบบมาจากซูเปอร์แมน ซึ่งถ้าจะว่าไปตามตรงแล้ว
นอกจากพลังบางอย่างที่ใกล้เคียงกันแล้ว ตัวละครสองตัวนี้ไม่มีอะไรที่คล้ายกันเลย
ทำให้ในช่วงแรกคดีนี้จบลงด้วยชัยชนะของฟอว์เซ็ทท์เ มื่อศาลเองมองไม่ออก
ว่าสองเรื่องนี้เหมือนกันตรงไหน ในการพิพากษาเมื่อปี 1948
แต่ทางดีซีก็ขออุทธรณ์ในปื 1951 และผลก็คือทางดีซีชนะคดีในปี 1958
เรื่องจึงไปลงเอยด้วยการตกลงกันนอกศาล โดยทางฟอว์เซ็ตต์ที่ขณะนั้นยอดขายตกต่ำลงมาก
ยอมจ่ายให้ทางดีซีเป็นเงิน 400,000 ดอลลาร์ และสัญญาจะไม่ตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้อีก

ในปี 1967 มาร์เวลคอมิคส์ถือกำเนิดขึ้นมาและกำลังเติบโต
และรู้ว่าชื่อ ”กัปตันมาร์เวล” นั้นว่างอยู่และไม่มีใครใช้
จึงรีบออกตัวละครที่ใช้ชื่อนี้ออกมาเพื่อจองสิทธิ์ในชื่อนี้
เรื่องราวยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีกเมื่อในปี 1972 ทางดีซีคอมิคส์ซื้อสิทธิ์ในตัวละคร
ของสำนักพิมพ์ฟอว์เซทท์มาเป็นของตัวเอง แต่ชื่อกัปตันมาร์เวลล์ก็ไม่อาจเอามาใช้ได้อีกแล้ว
จึงต้องเปลี่ยนชื่อเป็นชาแซม

กัปตันมาร์เวลเป็นตัวละครที่อยู่ในใจของเด็กมากมายอาจเป็นเพราะความเรียบง่าย
และความรู้สึกที่เด็กๆ คนอ่านรู้สึกว่าเขาเองก็เป็น กัปตันมาร์เวลไ ด้ก็เลยประทับใจในตัวละครคัวนี้
เพราะสิ่งที่คุณต้องการก็แค่คำศักดิ์สิทธิ์ (คุณจะเป็นซูเปอร์แมนคุณต้องเป็นมนุษย์ต่างดาว
และถ้าจะเป็นแบทแมนคุณก็ต้องเป็นมหาเศรษฐีและทุ่มเททั้งชีวิตเพื่องานนี้)
สิ่งนี้น่าจะทำใก้กัปตันมาร์เวลล์เป็นตัวละครอมตะ และอยู่ในใจของเด็กหลายๆ คน
รวมทั้งอเล็กซ์ รอสส์ (ที่รู้จักตัวละครตัวนี้จากหนังชุดทางโทรทัศน์ในยุค 70
ซึ่งเคยมาฉายทางเมืองไทยด้วย ผมเองก็เคยดู แต่จำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่)

อเล็กซ์ รอสส์ประทับใจในตัวละครตัวนี้มาก และพยายามผลักดันโปรเจคท์ของตัวละครตัวนี้
หลายครั้งแล้วแต่ยังไม่สำเร็จสักที จนกระทั้งถึงเรื่องนี้ที่เป็นเหมือนภาพสะท้อน
ของสิ่งที่อยู่ในใจของเด็กๆ ทุกคน และรอสส์เองก็ยอมรับว่าในงานชุดนี้ทั้งหมด
ภาพที่เขาวาดแล้วพอใจที่สุดก็คือภาพหน้าคู่ ที่เป็นคู่สุดท้ายของเรื่องนั้น
เป็นภาพที่เขาประทับใจที่สุด

Shazam! : Power of Hope
เรื่อง: Paul Dini
ภาพ: Alex Ross
ตีพิมพ์: 1 ธันวาคม 2000

เนื้อเรื่องในเล่มนี้ก็เป็นเหมือนเล่มอื่นๆ ในชุดนี้ที่เปิดฉากด้วยการเล่าย่อๆ ถึงจุดกำเนิดของตัวละคร
ก่อนที่จะเข้าเรื่องเล่าปฏิบัติการของกัปตันมาร์เวล Continue reading