DC Comic : The Flash 03 : ห้วงเวลาแห่งปาฎิหารย์

เรื่อง : Francis Manapul, Brian Buccellato
ภาพ : Francis Manapul, Brian Buccellato
วางจำหน่าย: 23 พฤศจิกายน 2011
สำนักพิมพ์ : DC Comics

ผลจากการกระทำของพวก Mob Rule ได้ทำให้เกิดไฟดับใหญ่ขึ้นทั่วทั้งเมือง และที่แย่กว่านั้นคือตอนนี้เครื่องบินโดยสารกำลังจะตกจากฟ้าและนั่นจะทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยนับพัน!! The Flash จะสามารถหยุดยั้งโศกนาฤกรรมครั้งนี้ได้หรือไม่?!

ขณะเดียวกันนั้นที่อีกด้านหนึ่ง พวก The Rogues กำลังจะเริ่มการเคลื่อนไหวครั้งใหม่แล้ว!!

.
.
.
ในขณะที่ The Flash (Barry Allen) กำลังกลับเข้าเมืองหลังจากไปสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับ Manuel Lago เพื่อนเก่าของเขานั้น จู่ๆเขาก็ต้องพบกับเรื่องใหญ่อย่างไม่คาดฟัน เมื่อเขาต้องหาทางหยุดเครื่องบินโดยสารที่กำลังร่วงลงจากฟ้า!!

“กลิ่นของกาแฟนั้นดีกว่ารสชาติของมันมากมายนัก”

“มันแปลกดีที่กลิ่นของมันหอมมากทั้งที่รสชาติของมันนั้นขมสิ้นดี แต่กระนั้นกว่าครึ่งของประชากรวัยผู้ใหญ่จะดื่มมันเป็นปกติ”

“ในอเมริกาที่เดียวก็มีคนที่ดื่มกาแฟเป็นเรื่องปกติประจำวันถึงกว่าร้อยห้าสิบล้านคนเลยทีเดียว”

“ซึ่งนั่นเยอะมากๆ”

“แต่ผมก็ไม่ใช่หนึ่งในจำนวนนั้น”

“มันทำให้ผมเกิดอาการว้าวุ่นกระวนกระวายใจ”

“ชนิดที่คุณนึกภาพไม่ออกเลยล่ะ”

“ซึ่งในเมื่อเป็นแบบนั้น แล้วทำไมตอนนี้ผมถึงรู้สึกอยากดื่มเอสเพรสโซ่สักห้าสิบแก้วรวดกันล่ะนี่?”

“ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงคิดถึงเรื่องกาแฟขึ้นมาเหมือนกัน”

“อาจเป็นเพราะผมกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จากการที่ผมเรียนรู้ว่าสมองของผมสามารถดึงพลังจากสปีดฟอร์ซได้”

“คืองี้นะ ผมไม่ใช่แค่คนที่วิ่งได้เร็วมากๆเท่านั้น ผมได้เรียนรู้การทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมอีกหลายต่อหลายอย่าง”

“อย่างการสร้างลมหมุนนี่”

“นี่ก็ไม่มีใครสอนให้ผมทำเหมือนกัน”

“ผมไม่มีคู่มือวิธีการใช้พลังแถมมาด้วยหรอก”

“ความสามารถส่วนใหญ่ที่ผมใช้นั้นมันได้มาจากการที่ผมค้นพบมันโดยบังเอิญในช่วงแรกที่ผมได้พลังนี้มา”

“อย่างความสามารถในการสั่นไหวอนุภาคที่ทำให้ผมทะลุผ่านวัตถุได้นี่”

“ผมสามารถทำให้โมเลกุลในร่างกายของผมสั่นไหวจนถึงระดับอะตอม และการทำแบบนั้นด้วยความถี่ที่ถูกต้อง ก็จะทำให้ผมสามารถผ่านทะลุสิ่งของได้”

“ผมเรียนรู้มันมาได้ยังไงน่ะรึ? มันเป็นอุบัติเหตุล้วนๆเลยล่ะ”

“ในคืนที่ผมทำงานตลอดทั้งคืนในแล็ป ผมกระดกเอสเพรสโซ่ใส่น้ำแข็งแบบเข้มข้นสี่เท่าเข้าไป”

“ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมเกิดอาการเลือดสูบฉีดรุนแรง พร้อมกับใจผมก็สั่นสะท้าน แล้วทันใดนั้นผมก็หล่นทะลุพื้นของห้องแล็ปบนชั้นสี่ลงไป ซึ่งกว่าผมจะควบคุมตัวเองให้หยุดสั่นได้ ผมก็ลงไปจนถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหญิงในห้องใต้ดินเลยทีเดียว”

“และนั่นก็คือครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมดื่มกาแฟ”

“แต่ให้ตายสิ ตอนนี้ผมชักอยากได้สักแก้วจริงๆ”

“เพราะสิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อไปนี้นั้น…”

“…คือการสร้างปาฎิหารย์”

ในห้วงเสี้ยววินาทีนั้น The Flash ได้ถ่ายพลังสั่นสะเทือนอนุภาคเข้าสู่เครื่องบินทั้งลำ!!
และนั่นก็ช่วยให้เครื่องบินทั้งลำผ่านทะลุสะพานที่ขวางทางอยู่ไป และลงจอดบนพื้นน้ำได้สำเร็จ!!!

(เพราะเครื่องบินอยู่ในสภาพสั่นไหวอนุภาค ทำให้มันกระแทกพื้นน้ำด้วยมวลที่น้อยกว่าปกติมากทำให้เครื่องบินไม่แตกกระจายเป็นชิ้นๆตอนกระแทกน้ำ)

และเมื่อเขาช่วยชีวิตคนนับร้อยทั้งบนเครื่องบินและบนสะพานเอาไว้ได้ The Flash ก็หมดสติไปด้วยความเหนื่อยล้า

ตัดมาที่พวก Mob Rule

1 ในพวกมันโกรธที่ Dr.Guerrero ทำสิ่งที่มันต้องการไม่สำเร็จ จึงฆ่าเขาเสีย!

และ Manuel ที่ถูกมัดอยู่นั้นก็นึกถึงเรื่องในอดีตที่ทำให้เขาต้องมาข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

เขาเป็นทหารที่พิการจากการปฏิบัติหน้าที่ และหน่วยงานที่ Dr.Guerrero สังกัดอยู่ก็ทำการทดลองฝังเซลพิเศษที่เพาะขึ้นในหมูที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมเข้าไปในตัวเขา

และมันจะมอบความสามาถพิเศษหลายอย่างให้กับเขา

เขาจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ทุกรูปแบบ…รวมถึงแม้แต่การสร้างมือที่ขาดไปขึ้นมาใหม่ได้ด้วย

และมันจะเพิ่มพลังกายและความทนทานให้กับเขาจนเหนือกว่าคนปกติหลายเท่า

(สรุปง่ายๆคือมันจะทำให้เขามีพละกำลังเหนือมนุษย์และมี Healing Factor นั่นเอง)

แต่ตอนนี้พวก Mob Rule ที่เป็นร่างโคลนของเขากำลังจะทำอะไรบางอย่างกับ Manuel…

ตัดมาที่เรือนจำ Iron Heights

ด้วยผลของการทดลองที่ผิดพลาดของพวก Mob Rule ที่เกิดไฟดับทั้งเมือง และนั่นก็รวมถึงที่นี่ด้วย ซึ่งนั่นทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยล่มและนักโทษก็กำลังออกอาละวาดไปทั่วเรือนจำ

และในนั้น ก็มี Iris West ที่กำลังอยู่ระหว่างสัมภาษณ์นักโทษคนหนึ่งอยู่ด้วย ซึ่งเขาคนนั้นก็คือ Leonard Snart หรือ Captain Cold หัวหน้ากลุ่ม The Rogues นั่นเอง!!

Iris : ฉันขอบอกไว้ก่อนนะ…ถ้าคุณเข้ามาอีกก้าวเดียวละก็คุณจะต้อง…

Captain Cold : เสียใจงั้นรึ? คงจะไม่ล่ะมั๊ง ใจเย็นไว้เถอะคุณเวส ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก

Iris : ฉันก็ยังขอยืนยันอย่างเดิมนั่นแหละ คุณอยู่ตรงนั้นน่ะดีแล้วลีโอนาร์ด แต่คุณยังสามารถให้สัมภาษณ์เรื่องเดอะแฟลชกับฉันต่อได้นะ

Captain Cold : เอ่อ…ไม่ล่ะ ผมไม่มีอะไรจะพูดเรื่องนั้นต่อกับคุณแล้วล่ะ แต่ผมจะให้พาดหัวข่าวใหม่สุดๆกับคุณแทนแล้วกัน…ไอ้ไฟดับครั้งนี้มันเทียบไม่ได้กับความวุ่นวายที่ผมกำลังจะก่อกับเซ็นทรัลซิตี้ ผมจะก้าวไปสู่ระดับที่สูงกว่าเดิม รวมทั้งพวกเพื่อนๆของผมด้วย

Captain Cold : ฝากคำขอบคุณจากผมไปให้เดอะแฟลชด้วย บอกมันว่าเดอะโร๊คจะใช้หนี้คืนให้อย่างสมน้ำสมเนื้อเลยทีเดียว

ตัดมาที่ The Flash

เขาฟื้นจากสลบ และเมื่อมองไปรอบตัวจนมั่นใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันสำเร็จ เขาก็รีบไปต่อทันที

(โดยไม่ลืมให้ลายเซ็นกับเด็กที่ขอลายเซ็นเขาด้วย)

แม้จะเพิ่งทำเรื่องใหญ่ไป แต่ The Flash ก็รู้ว่าเหตุไฟดับทั้งเมืองเช่นนี้จะต้องมีคนเดือดร้อนอีกมากมายแน่นอน และเขาก็ใช้ความเร็วแสงของเขาช่วยเหลือทุกคนที่เขาสามารถไปถึงได้

เช่น ช่วยเด็กๆที่ติดอยู่บนชิงช้าสวรรค์กลับลงมาหาพ่อแม่อย่างปลอดภัย

ช่วยคนออกมาจากลิฟต์ที่กำลังตกลงมา

ปิดประตูกรงเสือในสวนสัตว์ก่อนที่มันจะหลุดออกมา

พาคนเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาล

และอื่นๆอีกมากมาย

ไม่เพียง The Flash เท่านั้นที่ออกช่วยเหลือผู้คน

แม้แต่เหล่าเจ้าหน้าที่ห้องแล็ปอาชญากรรมคนอื่นๆก็ออกช่วยเหลือผู้คนตามกำลังที่พวกเขาทำได้เช่นกัน

เช้าวันต่อมา

Dr.Darwin Elias ผู้เป็นเพื่อนของ The Flash ได้ตามมาตรวจสอบดูร่องรอยของคลื่น EMP (Electromagnetic Pulse : คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแรงสูง) ที่เป็นต้นเหตุของการไฟฟ้าดับทั่วทั้งเมืองเมื่อคืนนี้

และเมื่อเขาตามมาถึงจุดที่ส่งสัญญาณคล้ายคลึงกับสิ่งที่เป็นต้นเหตุของคลื่น EMP เขาก็มาพบกับซากรถถังคันหนึ่ง

แต่ที่นั่นเขากลับไปพบกับพวก Mob Rule ที่กำลังทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนบางอย่างกับ The Trickster (Axel Walker) อยู่ ซึ่งพวกมันก็กำลังอยากได้ตัวเขามาแทน Dr.Guerrero ที่เพิ่งตายไปอยู่พอดี

(ดันมาให้เขาจับเองถึงที่ซะงั้น)

ตัดมาที่สถานีตำรวจเมือง Central City

จากผลของคลื่น EMP ทำให้ระบบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ไม่ทำงาน และนั่นก็ทำให้ตำรวจมีงานล้นมือ และต้องเกณฑ์คนจากทุกแผนกมาช่วยงาน

ในขณะที่สารวัตร Frye กำลังสั่งงานอยู่นั้น Patty Spivot แฟนสาวของ Barry ก็กระซิบกับเขา

Patty : แบรี่ ฉันได้เงื่อนงำเกี่ยวกับเพื่อนของคุณ เป็นรายชื่อของหมอที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลองทางทหาร เป็นอะไรบางอย่างที่เรียกว่า “โปรเจ็คเบลลาทอร์”

Patty : และหมอพวกนี้หลายคนมีห้องแล็ปอยู่ในคีย์สโตนซิตี้ด้วย

Barry : นั่นดีมากเลยแพตตี้ ให้รายชื่อนั่นกับผมมาเลยแล้วผมจะ…

แต่แทนที่จะให้รายชื่อ Patty กลับลาก Barry ออกมาพร้อมกับบอกกับสารวัตร Frye ว่า

Patty : แบรี่กับฉันจะรับผิดชอบที่เขตที่ 7 กับ 4 เองนะคะสารวัตรฟรายด์!

Frye : ได้ เอางั้นก็เอา

Barry : เฮ้! เดี๋ยวสิ

Frye : ฟอร์เรสกับเบอร์เรล พวกนายดูเขตที่ 9 กับเขตที่ 1 แล้วกัน…

Forrest : เดี๋ยวนะครับสารวัตร…เราไม่มียานพาหนะที่ใช้งานได้เลย แล้วเราจะไปที่นั่นกันยังไงล่ะครับ?

Frye : นั่นมันง่ายมากเลยล่ะนะ…

Frye : …นายต้องขอบคุณหน่วยตำรวจม้าของเราให้มากๆเลย

Patty กับ Barry ขี่ม้าไปที่ห้องแล็ปของ 1 ในหมอที่อยู่ในรายชื่อที่เธอได้มา ซึ่งชื่อของเขาคือ Dr.Guerrero ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องสเตมเซล

พวกเขาเข้ามาข้างใน และพบกับพวก Mob Rule ที่กำลังเก็บศพของ Dr.Guerrero อยู่

พวกเขาพยายามลอบเข้าไปให้ลึกขึ้น และเมื่อมาถึงห้องหนึ่งพวกเขาก็มาพบกับ Manuel ที่โดนตัดมือออกไปทั้งสองข้าง!!!

แต่พวก Mob Rule ก็มาพบเข้า พวกเขาจึงต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด

เมื่อมาถึงประตูหน้า Barry ที่ให้ Patty กับ Manuel วิ่งนำหน้าไปก็ปิดประตูทันทีที่เห็นทั้งสองคนออกพ้นประตูไป และหันไปเผชิญหน้ากับพวก Mob Rule

และเขาก็ใช้พลังสมองที่เสริมด้วยพลังของ Speed Force วิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อหาวิธีรับมือสถานการณ์ที่ดีที่สุด

แต่ทันใดนั้น 1 ใน Mob Rule ก็ยิงใส่ Barry และมันก็โดนหัวเขาเข้าเต็มๆ?!?!

เลือดทะลักออกมาจากหัวของ Barry ขณะที่ร่างของเขารูดลงมากองกับพื้น…

นี่มันหมายความว่าอย่างไร? ชายที่เร็วยิ่งกว่าแสงถูกลูกปืนที่เคลื่อนไหวด้วยระดับความเร็วเสียงยิงโดนได้ยังไง? หรือมีเหตุผลที่เรายังไม่รู้แอบแฝงอยู่?!

โปรดติดตามตอนต่อไป : เมื่อปริศนาที่มาของพวก Mob Rule ถูกเปิดเผย!