The Shade #1

THE SHADE #1 (OF 12)

เรื่อง : JAMES ROBINSON
ภาพ : CULLY HAMNER
วางจำหน่าย: 12 ตุลาคม 2554
สำนักพิมพ์ : DC Comics

ราชาแห่งเงาปรากฏโฉม!

..

“ย่างเดือนตุลา นำมาซึ่งความโหยหาอาลัย”

 

 

เมืองโอปอล

เช้ด: พอเข้าช่วงนี้ของปีทีไร ฉันจะรู้สึกเหนื่อยหน่ายและเกียจคร้าน ชีวิตช่างไร้จุดมุ่งหมายดีแท้

สตาร์แมน: ฟังดูแย่จัง เป็นเพราะอะไรกันครับ?

เช้ด: คงเพราะฤดูร้อนได้ผ่านพ้นไปกระมัง… ไม่หรอก นั่นไม่จริงเลย

เช้ด: ความจริงคือฉันถือกำเนิดในเดือนนี้น่ะ… เอาชาเพิ่มอีกมั้ย?

 

… ขณะเดียวกันชายคนหนึ่งกำลังวิ่งอย่างรีบร้อน

 

เช้ด: อย่าสนใจที่ฉันพล่ามเลยมิคาล ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับเรื่องที่เธอกลับมาเป็นสตาร์แมนอีกครั้ง ในที่สุดวีรบุรุษแห่งโอปอลก็หวนคืน เธอรู้มั้ยว่าฉันดีใจ… และภูมิใจในตัวเธอแค่ไหน? เธอน่าจะกลับมาให้เร็วกว่านี้

สตาร์แมน: ครับผม… คุณพูดถูก แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้ผมมีกำลังความสุขอยู่กับคนที่รัก กระทั่งโทนี่เสียไปนี่เอง…

สตาร์แมน: คงเพราะความเศร้าโศก มันเป็นเหมือนผ้าคลุมที่เก่าหมองซึ่งพวกเหนือมนุษย์อย่างเราทุกคนต้องเผชิญหน้าและแบกรับมันไว้บนบ่า

 

เช้ด: ร่าเริงไว้หน่อย ไหนบอกฉันทีว่าเธอกล่าววาทะเมื่อครู่นี้ให้เพื่อนกอริลล่าของเธอฟังแล้ว? เขาน่าจะชอบมัน มันฟังกินใจโดยเฉพาะคำว่า “ผ้าคลุมที่เก่าหมอง” โอ้ สวรรค์ ว่าแล้วฉันก็ชักรู้สึกเศร้าไปด้วย

เช้ด: ฉันหวังว่าวรรคทองของเธอจะไม่จริงเสมอไป เธอรู้มั้ยว่าฉันกำลังมีความรัก?

สตาร์แมน: กับแม่สาวโฮป โอ’แดร์ใช่มั้ยครับ? ผมรู้แล้ว ยินดีด้วย

แต่มิคาลก็ยังคงวกกลับมาเล่าเรื่องราวแสนดราม่าที่ค้างคาใจตัวเองอยู่ดี

สตาร์แมน: ผมคงต้องบอกว่า ผมดีใจที่ตัวเองมีลูกไม่ได้

 

เช้ด: ฉันจะพูดอีกครั้ง ช่วยคิดแต่เรื่องที่มีความสุขจะได้มั้ย ตอนนี้เธอทำให้ฉันหดหู่ยิ่งกว่าเดิมอีก ฉันว่าเราเลิกจิบชาแล้วไปเปิดหนังของอิงก์มาร์ เบิร์กแมน*ดูกันดีกว่า

สตาร์แมน: ผมขอโทษครับเช้ด ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร

เช้ด: ฉันคงผิดเอง ฉันไม่ควรพล่ามเรื่องเดือนตุลาคมเลย…

เช้ด: รู้มั้ย ฉันเคยคิดจะไปกินมื้อเย็นกับฮานส์ คริสเตียน แอนเดอเซ่น** ด้วยล่ะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะยอมให้ฉันร่วมโต๊ะทั้งที่ยังเป็น ๆ หรือเปล่า… เป็นไงมิคาลที่รัก มุขของฉันทำให้เธอยิ้มได้รึยัง

 

(*อิงก์มาร์ เบิรก์แมน – ผู้กำกับระดับปรมาจารย์ชาวสวีเดน **ฮานส์ คริสเตียน แอนเดอเซ่น – นักเล่านิทานชาวเดนมาร์ค ผู้แต่งนิทานเรื่องดังไว้เป็นจำนวนมาก ที่รู้จักกันดีได้แก่เรื่องลูกเป็ดขี้เหร่, เงือกน้อยผจญภัยและสาวน้อยไม้ขีดไฟ เป็นต้น)

 

 

… ขณะนั้น คนกลุ่มหนึ่งก็กำลังไล่ล่าเหยื่อของพวกมัน

 

 

สตาร์แมน: งั้นมาว่าเรื่องเมื่อกี้กันต่อดีกว่าครับ ดูเหมือนคุณกำลังจะเล่าว่าคุณกลายเป็น “เจ้าแห่งเงา – THE SHADE” ได้ยังไง เห็นคุณพูดถึง “ชาติกำเนิดเร้นลับ” ของคุณ

เช้ด: ฉันไม่ได้คิดจะเล่าเรื่องนั้นเลย… ฉันแค่บอกว่าเดือนตุลาคมคือเดือนที่ฉันถือกำเนิด แต่ฉันไม่ได้คิดจะเล่ารายละเอียดที่ทำให้ฉันกลายเป็นเช่นนี้และเรื่องราวสยองขวัญในคืนนั้นให้เธอฟังหรอกนะ

 

 

จู่ ๆ มิคาลก็วงกลับมาดราม่าอีกรอบ

สตาร์แมน: คุณคิดว่าคนอย่างเราจะหารักแท้ชั่วนิรันดร์เจอรึเปล่าครับ?

เช้ด: โอ้ ให้ตาย นี่เธอไม่คิดจะคุยเรื่องอื่นแล้วใช่มั้ย?

สตาร์แมน: ขอโทษครับ แต่เรื่องนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวผม

สตาร์แมน: และเรื่องครอบครัวก็เหมือนกัน ผมกำลังคิดว่าคนที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายทุกเมื่อเชื่อวันอย่างพวกเราจะดูแลลูกได้ยังไง? ถึงแม้แอนิม่อลแมนจะบอกว่ามันเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ผมก็เห็นแค่เขาคนเดียวที่ทำได้

เช้ด: ฉันรู้จักคุณเบเคอร์ผู้ยิ่งใหญ่ดี ก็แล้วยังไงล่ะ ฉันสนใจชีวิตของเขารึเปล่า? ไม่เลย ไม่สักนิด

 

 

… ชายคนนั้นยังคงหนี

 

“ลูก ๆ งั้นเหรอ”

 

สตาร์แมน: คุณพูดอะไรน่ะเช้ด? ผมได้ยินไม่ชัด…

เช้ด: ชาชืดหมดแล้ว

สตาร์แมน: ผมอุ่นมันได้ด้วยอัญมณีแห่งพลังที่หน้าอก

เช้ด: อย่าริทำเช่นนั้นกับชุดถ้วยชาจีนของฉันเชียวล่ะ

เช้ด: ลงไปข้างล่างกันเถอะ เดี๋ยวฉันชงให้ใหม่…

เช้ด: หวังว่าเดือนนี้ฉันจะไม่ต้องเจออะไรที่เลวร้ายไปกว่าบทสนทนาของเราเมื่อครู่อีกแล้วนะ

 

“กูเท่น อาเบินท์”

ตัดมาทางชายที่กำลังวิ่งหนีอยู่ในอีกที่หนึ่ง

 

“บองชูร์, สายัณห์สวัสดิ์”

“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมอยากพบทุกท่านในสถานการณ์ที่ดีกว่านี้ แต่เราคงจะสมหวังไปทุกเรื่องไม่ได้”

 

“แป๊บนึงนะครับ… นี่น่าจะเจ็บน่าดู”

 

 

“ผมพูดถึงไหนแล้ว? อ้อ ยังแนะนำตัวอยู่สินะ”

 

“ผมชื่อ…”

“ขอโทษที ขอเวลาอีกแป๊บ”

 

 

“ผมชื่อวิลเลี่ยม วอน แฮมเมอร์ ผมคือ…

         ก. ชายที่อยู่กลางดงทีนศัตรู

         ข. ชายที่กำลังทำงานแสนอันตราย

         ค. นักสืบรับจ้าง

         ง. คนที่กำลังทำงานเกินค่าจ้าง

         จ. คนเยอรมัน

         ฉ. ถูกทุกข้อ”

 

 

“ส่วนไอ้พวกที่ระริกระรี้หมายจะทำลายสวัสดิภาพของผมคือ…

         ก. กลุ่มทหารรับจ้างชาวเบลเยี่ยมที่รู้จักกันดีในนามเลส์ ไดโบลิคส์

         ข. พวกที่ไล่กวดผมอยู่

         ค. กลุ่มคนที่ได้รับการเพิ่มสมรรถภาพด้วยยาและยุทโธปกรณ์จนเทียบชั้นยอดมนุษย์

         ง. กลุ่มคนที่กำลังโกรธเพราะผมไม่ยอมตายสักที”

 

 

“ประเด็นคือ… ประเด็นคือพวกมันยังไม่รู้…”

“ว่าคืนนี้”

 

“ผมคือคนเดียวที่จะรอดชีวิตไปจากที่นี่!”

 

ฮานส์: เอาล่ะ คู่หูของแกอีกสองคนซี้ม่องเท่งไปแล้ว ที่แต่แกยังนั่งหน้าสลอนอยู่ตรงนี้ได้เพราะสองเหตุผล อย่างแรกเลยคือแกดวงดี…

 

ฮานส์: และอีกอย่างคือฉันยังไม่อยากเชือดแกทิ้ง ทีนี้แกอยากจะดวงกุดหรือเปล่า? ไม่สิต้องถามว่า ทีนี้แกอยากถูกเจาะกะโหลกหรือเปล่า? คงไม่สินะ ถ้างั้นก็บอกมาซะดี ๆ … ว่าใครจ้างพวกแกมาฆ่าฉัน?

นักฆ่า: ได้โปรด… เครื่องไอพ่นข้างหลัง… มันกำลังจะ… จะระเบิดแล้ว

ฮานส์: บอกมาก่อน

นักฆ่า: มันคือคาลด์

 

ตูมมม!!

 

“มันควรจะเปิดปากให้เร็วกว่านี้เพื่อตัวมันเอง… ช่างหัวมันเถอะ ตอนนี้ข้อสันนิษฐานของผมกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว”

 

“ต้องรีบเตือนเช้ดให้เร็วที่สุด”

 

“โอ้ โฮปที่รัก… ตราตำรวจนั่น ใบหน้างามงดนั่น… โอ้ โฮป โอ’แดร์ยอดรักของผม”


โฮป: ฉันจัดห้องเรียบร้อยแล้วนะ

เช้ด: ผมเห็นแล้ว ดูห้องคุณเป็นเหมือนปราการและท้องพระโรงเลยทีเดียว

โฮป: ช่วยเอาใจฉันหน่อยสิ ฉันอาจจะมีเวลาให้คุณอีกสักห้านาทีนะ

เช้ด: เราช่างต่างกันเหลือเกิน โฮป

โฮป: เอ๊ะ คุณคิดงั้นเหรอ?

เช้ด: ผมคิดว่าความแตกต่างนี้แหละ… คือผมคิดว่า…

 

 

เช้ด: ผมอยากบอกว่าถ้าเรายอมรับมันได้ รักของเราจะสวยงามที่สุดในชีวิต

โฮป: นี่ดิ๊กกี้เลิกทำตัวชวนเลี่ยนแบบนี้ได้มั้ย? ใครจะไปรู้ว่าเราจะได้อยู่ร่วมกันชั่วชีวิตรึเปล่า มีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเถอะ… เหมือนคุณกำลังวิตกว่าเราสองคนต้องเลิกกันทั้งทีมันยังไม่ได้เกิดขึ้นเลย… นี่แหละที่ทำให้ฉันหมดสนุก

โฮป: ฉันบอกตรง ๆ นะ คุณทำตัวได้ชวนเบื่อมาก ๆ ชายโฉดผู้แสนกรุ้มกริ่มคนเดิมที่ฉันหลงรักหายไปไหนแล้ว?

 

เช้ด: คงเพราะเดือนตุลาน่ะ… ที่จริงผมแค่อยากบอกว่า อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อผม

โฮป: โอย ไม่นะ เจ้าแห่งเงาผู้ชั่วร้ายดันพูดจาเหมือนบิลลี่ โจเอล*ได้ยังไงกัน

เช้ด: บิลลี่ไหนนะ?

โฮป: ฟังนะ ฉันชอบคำหวานซึ้งแบบนี้นะ แต่คุณพูดหวานเลี่ยนจนฉันจะแหวะ แค่เรารักกัน นั่นก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?

เช้ด: คุณยอมรับว่ารักผมแล้ว?

 

(*บิลลี่ โจเอล – ศิลปินชาวอเมริกัน ที่มีเพลงดังอย่าง Piano Man, Uptown Girl, New York State of Mine และ Just the Way you are)

 

โฮป: ก็ใช่น่ะสิ ฉันสาบานเลยก็ได้เอ้า… ฟังนะ ฉันมันเป็นสาวห้าวแก่นกะโหลกที่ชอบเจาะกะบาลวายร้ายและชอบกัดนิ้วตัวเอง ส่วนคุณไม่มีอะไรเหมือนกับฉันเลย

โฮป: แต่สิ่งที่คุณทำ ทุกครั้งที่คุณเข่นฆ่าศัตรูอย่างมีความสุข มันทำให้ฉันรู้สึกว่าคุณมีเสน่ห์

 

โฮปฉะนั้นคุณควรทำตัวให้เป็นคุณคนเดิม ไม่ใช่เพื่อฉัน… แต่เพื่อตัวคุณเองดิ๊กกี้

เช้ด: เป็นอาชญากรน่ะหรือ? มันสนุกสนานก็จริงแต่พิษของมันไม่ต่างจากยาเสพติดร้าย ผมกลัวว่าทางสายเก่าสายนี้จะพาผมไปพบหายนะน่ะสิ

โฮป: ไม่ได้หมายถึงอาชญากรรมย่ะ ฉันหมายถึง… คุณต้องผจญภัย

 

โฮป: ฉันต้องไปแล้ว จะว่างอีกทีก็อีกสองอาทิตย์นั่นแน่ะ

เช้ด: ผมคงต้องหาอะไรทำสักหน่อย

โฮป: ไม่ต้องตั้งใจขนาดนั้นก็ได้ดิ๊กกี้ คุณแค่ไปเดินเล่นทอดน่องสูดอากาศก็พอ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อฉันหรอก

 

เช้ด: แล้วผมจะลองทำตามคำแนะนำของคุณดู เรื่องการผจญภัยน่ะ

โฮป: แต่ต้องอย่าให้อะไรมาพรากเราจากกันนะ ตกลงมั้ย?

 

แล้วโฮป โอ’แดร์ก็จากไป

 

“โอ้! เมืองโอปอล! มันได้ตัวผมแล้ว เงื้อมเงาของมันได้ครอบงำใจผมจนหมดสิ้น… ทั้งวันนี้ พรุ่งนี้และตลอดไป”

 

“ยามสนธยาเยือน… ฟ้ากลายเป็นสีเทาหม่นพร้อมสุริยนที่เลื่อนลาลับ… แสงสุดท้ายสีชาดอำพันส่องสาดท้าทายแผ่ปกคลุมไปทั่วเมือง”

 

“โอ้ ผมอยากให้เจ.เอ็ม.ดับบลิว.เทอเนอร์*ฟื้นขึ้นมาเสียจริง เขาจะได้สะบัดฝีแปรงพรรณนาความงามพิลาศนี้ไว้”

 

(*เจ.เอ็ม.ดับบลิว.เทอเนอร์ – จิตรกรสายจินตนิยมชาวอังกฤษ มีผลงานสร้างชื่อเช่นภาพ The Shipwreck of the Minotaur, Calais Pier และ Chichester Canal เป็นต้น เขาเสียชีวิตในปี 1851)

 

 

เช้ด: จะทำอะไรดีหนอ ริชาร์ด สวิฟต์? จะทำอะไรดี?

 

“โฮปยอดรัก คุณพูดถูกแล้วล่ะ”

“ผมต้องหาอะไรทำ หาเรื่องราวใหม่ ๆ เป้าหมายใหม่ ๆ บางทีอาจจะเป็น…”

 

“หืมมม…”

 

“ดูเหมือนอะไรที่ว่าจะมาหาผมเองเสียแล้ว”

 

“เดธสโตรค”

 

เช้ด: มาพบปะเพื่อนฝูงหรือครับ? … ไม่สิ ผมนี่โง่เสียจริง คุณไม่มีเพื่อนสักหน่อย

เช้ด: หรือคุณมาชวนผม? มีงานที่ต้องพึ่งความสามารถปาหี่ของผมด้วยหรือนี่? ปลื้มใจจัง แต่ก่อนที่คุณจะบอกรายละเอียดที่ผมควรรู้… และบีบบังคับให้ผมทำตาม ผมอยากบอกว่าผมปรับปรุงตัวเองใหม่แล้ว…

 

เช้ด: และผมคงต้องปฏิเสธ

เดธสโตรค: พระเจ้า แกนี่พูดมากชะมัด

เดธสโตรค: ฉันมาที่นี่… เรื่องงานต่างหาก

เช้ด: อา คุณมาฆ่าผมสินะ

เช้ด: เช่นนั้นก็ขอให้โชคดี

เพียงพริบตาเดียว เดธสโตรคก็ถูกเงาของเช้ดสังหาร!

 

“ฉันไม่เชื่อเรื่องโชคลางว่ะ”

 

เดธสโตรคอีกคนพลันโผล่มาข้างหลัง!

 

ฉัวะ!!

..

เดธสโตรค: นั่นแค่หุ่นยนต์ว่ะ! สมนาคุณจากเพื่อนของแกคนหนึ่ง

“ส่วนนี่”

 

“สมนาคุณจากฉันเอง!”

 

“ผมรู้”

 

“ขอบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว”

“ผมพูดอย่างนี้ และคิดอย่างนี้ และรู้สึกอย่างนี้ซ้ำ ๆ มานับครั้งไม่ถ้วน”

 

“แต่ไม่มีครั้งไหนเหมาะกับประโยคดังกล่าวเท่ากับครั้งนี้”

 

ฉับบ!

“ย่างเดือนตุลา นำมาซึ่งความโหยหาอาลัย”

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

..

คุยกันท้ายเล่ม

SHADE (คนละคนกับ SHADE, The Changing Man ที่อยู่ในทีม JLD) เป็นหนึ่งในวายร้ายตลอดกาลของจักรวาลดีซีครับ เขาปะทะกับเหล่าฮีโร่เช่นเดอะแฟลช (เจย์) หรือกรีนแลนเทิร์น (อลัน) มาตั้งแต่ยุคแรกและยังอยู่ยาวมาจนถึงปัจจุบัน เขาคือวายร้ายสุภาพบุรุษผู้มีประวัติลึกลับมากอีกคนหนึ่งของจักรวาลดีซี เขามีความสามารถในการควบคุมเงา และเป็นอมตะ (เห็นอย่างนี้ เช้ดเองอายุเป็นร้อยแล้วครับ เขายังเป็นเพื่อนกับชาร์ลส์ ดิ๊กเก้น นักประพันธ์ชื่อดังอีกด้วย)

          เช้ดเป็นหนึ่งในตัวละครโปรดของผมครับ (ตอนรู้ว่าจะมีมินิซีรี่ย์ของตัวเองก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะทำ ฮ่า) ที่จริงผมเพิ่งรู้จักตัวละครนี้ในช่วงหลังจากเหตุการณ์ CRY FOR JUSTICE  นี่เองครับ ก่อนจะถึงยุค Crisis เช้ดไม่ได้ดังเท่าไหร่เลย เรียกได้ว่าเป็นแค่วายร้ายดาด ๆ สามัญ จนกระทั่งยุคหลังนี่เอง ดีซีถึงเริ่มเขียนให้เช้ดกลายเป็นตัวละครกึ่งร้ายกึ่งดี ดูลึกลับ และหลาย ๆ ครั้งก็ชอบช่วยพวกซุปเปอร์ฮีโร่แก้สถานการณ์

          จนต่อมา James Robinson ได้มาเขียนหัว Starman เขาจึงหยิบเช้ดมาเป็นตัวละครหลักของเล่ม ในตอนนั้นเช้ดคิดจะปักหลักอยู่อย่างสงบในเมืองโอปอลและได้พบรักกับโฮป สาวน้อยตระกูลโอ’แดร์ ที่ทั้งครอบครัวล้วนเป็นตำรวจเช้ดได้คอยชี้แนะสั่งสอนสตาร์แมนรุ่นที่สอง แจ็ค ไนท์ (ลูกชายของเท็ด ไนท์ สตาร์แมนในยุคทอง) เช้ดจึงเปรียบเหมือนกับเพื่อนและอาจารย์ของแจ๊ค เขาเป็นตัวละครสำคัญอย่างยิ่งของตระกูลสตาร์แมนนับแต่นั้น และเริ่มโด่งดังขึ้นมา

          สำหรับมิคาลนั้น เขาคือสตาร์แมนคนที่สองของจักรวาลถ้าผมเข้าใจไม่ผิดและเขาก็ปฏิบัติการมาจนถึงช่วงก่อนรีบู๊ท เขาเป็นเอเลี่ยนที่มายังโลกและใช้พลังจากอัญมณีที่หน้าอก เขาเป็นหนึ่งในตัวละครหลักของซีรี่ย์ CRY FOR JUSTICE (เขียนเรื่องโดย James Robinson) และหลังเหตุการณ์นั้นเขาก็ได้เข้าร่วมกับทีม JLA รุ่นใหม่ เพื่อนกอริลล่าที่เช้ดพูดถึงในเล่มนี้ก็คงหมายถึง ค็องโกริลล่า เพื่อนซี้และสมาชิกร่วมทีม JLA ของมิคาลนั่นเอง มิคาลเป็นเกย์ครับ ในจักรวาลเก่าคนรักของเขา โทนี่ ตายจากเหตุวายร้ายบุกในช่วง Final Crisis แต่คาดว่าในจักรวาลนี้จะมีการเปลี่ยนประวัติไปพอสมควร

          สำหรับ วอน แฮมเมอร์นั้น เขาเคยเป็นตัวละครสมทบอีกตัวหนึ่งในซีรี่ย์ซุปเปอร์แมน ซึ่งปรากฏตัวครั้งแรกในช่วง NEW KRYPTON (โดยมี James Robinson เป็นคนเขียนเรื่องอีกเช่นกัน :P) เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือพระกาฬที่จะรับแต่งานประหลาดเท่านั้น เขาได้ร่วมมือกับมัน-เอลในช่วงนั้นเพื่อจัดการคดีประหลาด

          เล่มนี้จึงจัดได้ว่าเป็นเล่มที่รวมรุ่นตัวละครเก่าของ James Robinson ก็ว่าได้ แถมเล่มนี้ยังมีแขกรับเชิญพิเศษอีกคนนั่นคือ เดธสโตรค เราจะเห็นได้เลยว่าเช้ดนั้นร้ายกาจขนาดไหน ถ้าลองเดธสโตรคไม่ใช้เดธบ็อทมาสู้ก่อนมีหวังแพ้ไปแล้วครับ

          เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป เช้ดจะคืนชีพท่าไหนคงต้องรอติดตามตอนหน้าครับผม

          ช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่างเลยครับ อาจจะยาวจนถึงอาทิตย์หน้า สปอยล์ของสัปดาห์ที่ผ่านมาคงต้องขอผลัดผ่อนไปก่อนนะครับ

          ขอบคุณที่รับชมครับ 🙂

19 thoughts on “The Shade #1

  1. DarkSoul

    เล่มแรกก็ตายเลยเหรอ แล้ว ใครส่ง DS มาสังหาร Shade ล่ะเนี่ย

  2. doc holliday

    โอ้ว มี มินิซีรี่ส์ ออกมาด้วย เรื่องนี้เพิ่งเคยรู้จัก Cry for Justice ก็อ่านไปนิดเดียว (สปอยล์ออกไม่จบ :-P) ฮิ_ฮิ
    กำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมหัวนี้กับ Huntress ถึงไม่มีคำว่า New 52
    เพราะว่าเป็น mini-series ไม่ใช่ on-going สินะ

    ว่าแต่จะมีใครทำ Huntress ไหม อยากอ่านจัง 😀

    ปล.ดาบของ Deathstroke นี่มันใช้งานหนักจนทื่อไปแล้วรึไงกัน ฟันมือขาดที แผลงี้กระจุยเชียว (- -“)

  3. BaaMzS

    เจอ Deathstroke ก็คงไม่รอดล่ะครับ เฮียแกไม่เคยพลาดง่ายๆอยู่แล้ว

    เขาคืออันดับ 1 !!!

  4. seventoon

    จริงด้วย หัวนี้ไม่มีคำว่า 52 แต่ถ้า เชด เจ้า้แห่งเงาเป็นตัวหลัก ความมันส์ก็บังเกิดแน่แน่

    เดธสโตรคเท่มากอ่ะ 55+

  5. bluewing_a23

    พี่ดอกครับ มันจะขึ้น New 52 ได้ไงครับ ก็ถ้าจะขึ้นก็กลายเป็น 53 54 55 สิ 🙂

  6. AceZx

    ทำไมผมอ่านสปอยของพี่mister-yไม่ได้เลยอ่ะครับ ภาพไม่ขึ้นเลยT_T

  7. Angry Nerd

    “after my head” แปลว่า “ตามล่าผม” นะครับไม่ใช่ “พวกที่อยู่ข้างหลัง” ครับ

  8. peTOUCHso

    …เดาว่าเล่มหน้าฟื้นแน่ๆ ไอ้งานรับจ้างฆ่าพวกอมตะนี่จะเก็บงานยังไงถึงจะจบนะ

    ป.ล อยากอ่าน Cry for Justice ต่อจัง ตัวร้ายตัวโปรดผมด้วยนะนั่น

  9. MISTER-Y Post author

    Huntress ผมกำลังทำครับพี่ 😛 เพิ่งปั่นเล่มแรกเสร็จคามือเลยครับ 555
    กำลังเร่งปั่นเล่มสองให้เสร็จ เดี๋ยวจะแปะพร้อมกันครับ เสร็จแล้วพรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวอย่างสบายใจสักที 😉

    เหมือนว่า mini/maxi – series ทุกเล่มจะไม่แปะโลโก้ New 52 นะครับ
    (ไม่งั้นมันจะมีมากกว่า 52 เล่ม เหมือนที่คุณ bluewing ว่า :P)
    แต่เรื่องราวก็คงอยู่ใน New Universe นี่แหละครับ เพราะ Huntress ก็จะครอสกับ Birds of Prey เหมือนกัน

    ที่จริงแล้ว Cry for Justice ผมอาสารับจากพี่ voeten เมื่อนานมาแล้วครับ 555
    ตอนนั้นอ่าน Rise & Fall แล้วชอบมากอยากสปอยล์ เลยว่าจะสปอยล์ CFJ ก่อน แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ไม่ได้ทำ 😛
    นี่กะว่าถ้าหาเวลาเหมาะ ๆ ได้จะทำต่อ (แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ ไม่รับปาก 555)

    @Angry Nerd แก้ไขแล้วนะครับ ขอบคุณมาก 🙂

  10. DOL

    บ๊ะ มาเล่มแรกก็โดนหั่นคอกระจุยซะงั้น!!!!

    แต่แบบนี้เดี๋ยวก็ฟื้นแน่นอน ดูว่าจะแถยังไงให้ฟื้นกันหนอ

    ปล. MISTER-Y ขยันจัง!! มีการแปลกี่เล่มแล้วนั่น! สุโก้ยยยย!!

    ขอบคุณมากนะครับ

  11. ooh

    ชอบครับดู เชด เป็นตัวละครที่นุ่มลึกดีครับ

  12. 13Hatesong

    มีเรื่องสนุกๆ มาประดับสมองอีกแล้ว ขอบคุณมากๆนะครับ

  13. Tatoo

    มาตอนเเรกนึกว่า Deathstroke จะมาโดนตบเกรียน(อยากเห็นพี่เเกโดนยำบ้าง) เเต่ที่ไหนได้ Shade คอกระจุยเลย -*- โหดจริง ๆพี่Deathstroke

  14. oatslomo

    DS โหดอย่างเดียวไม่พอต้องฉลาดด้วยสินะ นี่สินักฆ่าอันดับ1

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *