The Fury of Firestorm: The Nuclear Men #1

THE FURY OF FIRESTORM: THE NUCLEAR MEN #1

เรื่อง : ETHAN VAN SCIVER และ GAIL SIMONE
ภาพ : YILDIRAY CINAR
วางจำหน่าย: 28 กันยายน 2554
สำนักพิมพ์ : DC Comics

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไฟร์สตอร์มมีสองคน!

อิสตันบูล, ห่างจากแกรนด์บาซาร์สี่ช่วงตึก

ความร้อน 95 ฟาเรนไฮต์ ความชื้นสัมพัทธ์ 92%

 

“เอาล่ะ ฉันคิดว่าพวกแกคงไม่เข้าใจเรื่องที่เรากำลังคุยกัน”

 

หน่วยปฏิบัติการพิเศษนานาชาติที่นำโดยคลิฟฟอร์ดกำลังทรมานครอบครัวหนึ่ง

 

คืนนี้ โลกของพวกเขาลุกเป็นไฟ

 

คลิฟฟอร์ด: เอาล่ะทุกคน ฉันกำลังพูดเรื่องการก่อการร้าย

 

ตัวประกัน: แต่ลูกชายฉันเป็นแค่เด็กนักเรียนนะ เขาไม่ใช้ผู้ก่อการร้าย!

คลิฟฟอร์ด: นั่นเราแค่เรียกตามเทคนิคน่ะ เอาแอ๊ปเปิ้ลมั้ย? ไม่เหรอ?

 

คลิฟฟอร์ด: คืออย่างนี้นะอาเด็ม ขอเรียกแกว่าอาเด็มได้มั้ย? เรากำลังมองหาของธรรมดา ๆ ชิ้นหนึ่ง ขนาดมันเท่าลูกฟุตบอล… ฉันคิดว่าแกรู้ว่าเราต้องการอะไร?

 

คลิฟฟอร์ดชักปืนมาจ่อหน้าเด็กหนุ่มผู้ชื่อว่าอาเด็ม

คลิฟฟอร์ด: แค่บอกว่ามันอยู่ที่ไหน แล้วเราจะปล่อยแกไป นี่จะเป็นแค่ฝันร้ายชั่วคราวเท่านั้น

 

อาเด็ม: ผมไม่รู้จริง ๆ ศาสตราจารย์ท่าน… ท่านตายเสียก่อนที่…

คลิฟฟอร์ด: ชู่ ฉันเชื่อแกว่ะ แต่ฉันต้องการความแน่นอน โลเร็นเชือดคอหอยพ่อของเจ้าหนูนี่ทีซิ

 

พ่อของอาเด็มถูกเชือดอย่างไร้ความปราณี

เกเบรียล: จุ๊ ๆ ความทรมาณจะสิ้นสุดแล้ว

 

เกเบรียลกระชับปืนเตรียมสังหาร

เกเบรียล: “ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า”*

คลิฟฟอร์ด: ยังไม่ใช่เวลานะเกเบรียล

(*จากฟิลิปปี 4:13, คัมภีร์ไบเบิ้ล)

 

คลิฟฟอร์ด: เอาล่ะ อาเด็ม ต่อไปเป็นแม่ของแกหรือน้องสาวของแกดีล่ะ?

อาเด็ม: ฉันบอกว่าฉันไม่รู้ไงเล่า ฉันไม่มีมัน พวกแกมันปิศาจร้าย! แกคิดว่าแกจะมีชีวิตรอดอยู่รึไงถ้าฉันมีมันอยู่น่ะ?

คลิฟฟอร์ด: ก็จริงว่ะไอ้หนู ทีนี้บอกมาว่าแกติดต่อกับใคร กระซิบบอกฉันเบา ๆ แล้วทุกอย่างจะจบ

 

คลิฟฟอร์ด: ไม่ยากใช่มั้ยล่ะหา?

เมื่อหมดประโยชน์แล้ว พวกเขาก็ยิงสังหารทั้งครอบครัวอย่างไร้ความปราณี

คลิฟฟอร์ด: เอาล่ะ เหลือเวลา 180 วินาที อย่ามัวแต่หาของที่ระลึก เกเบรียลเก็บปลอกกระสุนให้เรียบร้อยด้วยล่ะ… ส่วนแก แม็คดรูรี่ รู้ใช่มั้ยว่าต้องทำอะไร

แม็คดรูรี่: อย่าทิ้งอะไรที่สาวไปถึงเราได้ เผาบ้านดีมั้ย?

คลิฟฟอร์ด: เราต้องทิ้งอะไรที่ชี้ให้เจ้าหนูนั่นดูเหมือนผู้ก่อการร้าย เราต้องทำให้มันมีมลทิน ฉันว่าจะให้ดีควรทำลายทิ้งทั้งช่วงตึกเลย พระเจ้า หิวชะมัด แถวนี้มีมีดบ้างรึเปล่านะ

 

โลเร็นยื่นมีดอาบเลือดมาให้

คลิฟฟอร์ด: เอาจริงเหรอ โลเร็น

 

คลิฟฟอร์ด: ตลกนักเหรอ ยัยบ้าเอ๊ย

โลเร็น: นายโมโหที่ฉันหยอกนายสินะ นายน่าจะได้เห็นหน้าตัวเองนะคลิฟฟอร์ด!

คลิฟฟอร์ด: ไปหาอะไรสนุก ๆ ทำดีกว่า

 

โรงเรียนมัธยมวอลตั้น มิลส์

 

โอเค ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่เด็กที่ฉลาดที่สุดในโรงเรียน และการเรียนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฉัน ไม่ใช่ว่าฉันไม่พยายามนะ ฉันพยายามเป็นบ้าเป็นหลังเลยเชียวล่ะ แต่เอาเถอะ ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นทนายความหรือหมออยู่แล้ว เข้าใจใช่มั้ย? มันเป็นไปไม่ได้ ขอโทษจริง ๆ นะแม่…

 

อย่างนั้นก็เถอะ มีอย่างหนึ่งที่ฉันทำได้เจ๋งสุด ๆ เลยล่ะะ ขนาดโค้ชยังเอ่ยปากชมเลยว่า: “เจ้าหนูเรย์มอนด์นั่นปาบอลได้ยอดเยี่ยมกระเทียมดองจริง ๆ”

 

 

และถ้าฉันเรียนจบไปได้ ต้องมีคนแย่งคว้าตัวฉันแน่ ใครเห็นอนาคตที่กำลังมาของฉันบ้างเอ่ย? อ้าวเฮ้ย โอ้

 

ระหว่างพร่ำอยู่ เขาก็ถูกแท็กล้มลงไปพอดี

เทรฟ: ส่งสวยนะ รอนนี่

รอนนี่: ขอบใจ เทรฟ แต่นายอย่าคิดว่าจะได้แตะกระดูกสันหลังของฉันอีกเป็นครั้งที่สองเชียวนะ คราวหน้าฉันจะวิ่งให้ฉลุยให้ดู

 

พระเจ้าช่วย อย่าให้ผมต้องมายุ่งเกี่ยวกับพวกนักกีฬาที่ใช้แต่กำลังพวกนี้เลย

 

เจสัน: ทอนย่า อย่าให้ฉันทำงานนี้เลย

ทอนย่า: ทำไมล่ะ รัช เธอทำให้ฉันเสียใจนะเนี่ย เธอคิดว่าฉันโยนงานมาให้เพราะอยากแกล้งเธองั้นเหรอ? … นี่ฉันมีแซนวิชสลัด เอาสักหน่อยมั้ย?

เจสัน: ไม่ทั้งสองอย่าง

ทอนย่า: งั้นก็ดี เห็นผู้ชายที่ยืนดูอยู่เงียบ ๆ ตรงนั้นมั้ย? นั่นน่ะผู้ช่วยโค้ชของทีมมหาวิทยาลัยเซาธ์เทิร์นแคลิฟอร์เนียเชียวนะ เขามาดูแววเรย์มอนด์ นี่จะเป็นข่าวใหญ่ระเบิดเถิดเทิง และนายเป็นหนี้ฉันสำหรับพาดหัวข่าวนี้แล้วน้า เจสัน

 

นั่นก็สมเหตุสมผลดี… ข่าวดาวรุ่งผู้ได้ทุนการศึกษา

 

 

เพียงแต่เขาดูไม่มีการศึกษาเลยสักนิด เขาลืมด้วยซ้ำว่าเรามีนัดสัมภาษณ์กัน แปลกใจชะมัด

 

เจสัน: รอนนี่ เรย์มอนด์ ฉันมาสัมภาษณ์นาย

รอนนี่: อ้อ ใช่! เอาไปลงอะไรแล้วนะ เอ่อ หนังสือพิมพ์โรงเรียนใช่มั้ย … แต่วันนี้ขอฉันพักก่อนดีกว่า ฉันซ้อมหนักน่ะ โทษทีเพื่อน

เจสัน: ไม่นานหรอก อัดเทปล่ะนะ โค้ชอาร์เม็ตติบอกว่านายเป็นกุญแจสู่ชัยชนะในระดับภูมิภาค

รอนนี่: เป็นเพราะทีมต่างหาก จาร็อด

 

ดูเหมือนเจ้าหนุ่มนี่จะถูกสอนให้สุภาพกับคนอื่นให้น้อยที่สุดล่ะมั้ง

 

เจสัน: ฉันชื่อเจสัน

รอนนี่: ว่าไงนะ?

เจสัน: ช่างมันเถอะ… จะถามอะไรดีนะ เวลาคนอื่นเขาสัมภาษณ์นักกีฬาแบบพวกนาย เขาถามอะไรบ้างล่ะ? ต้องถามประมาณว่านายรู้สึกยังไงที่เป็นที่จับตามองในเกมอาทิตย์นี้ด้วยมั้ย? หรือฉันต้องเต้าเรื่องขึ้นมาถามด้วย?

 

เฮอะ พวกแอนตี้นักกีฬา คนพวกนี้มันต้องโผล่มาประจำเลยน้า

 

รอนนี่: นายรู้เปล่า ดูหน่วยก้านนายน่าจะลงเล่นได้นะเนี่ย เคยมาคัดตัวบ้างเปล่า? หรือว่าใจป๊อดกลัวกระดูกหักล่ะหา?

เจสัน: หน่วยก้านที่ว่าหมายถึง ‘สีผิว’ รึเปล่า? ขอบอกให้รู้นะว่าตลอดสี่ปีที่ผ่านมาโรงเรียนของเรามีเด็กลูกครึ่งแอฟริกันอเมริกันตั้ง 45% แต่พวกเขาไม่เคยได้ตำแหน่งควอเตอร์แบ๊คเหมือนนายสักคน

รอนนี่: งี่เง่าน่ะ นายเต้าข่าวเองสิท่า

เจสัน: ฉันน่ะเหรอ?

รอนนี่: เอาล่ะ ฉันเข้าใจสถิติที่แกว่าแล้ว แต่บนสนามน่ะไม่มีใครเขาสนใจว่าหน้าแกจะดำจะขาวหรอก แกไม่พอใจสินะ ใช่มั้ย? และคนพวกนั้นน่ะคือพี่น้องของฉัน

เจสัน: อ้อ พี่น้องของนาย นายเคยไปค้างที่บ้านพวกเขาบ้างมั้ยล่ะ รอนนี่? หรือนายเป็นแค่ในเกม?

รอนนี่: ฟังให้ดี แกมันก็แค่เด็กเรียนซังกะบ๊วย… เจสัน

เจสัน: ก็ดี หมดหน้าที่ฉันแล้ว นายนี่น่ายกย่องชะมัดเลย

 

ณ เครื่องชนอนุภาคขนาดยักษ์ขององค์กรวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป (CERN), ลึกลงไปใต้ดิน ระหว่างพรมแดนสวิส/ฝรั่งเศส

 

ดร.ดูแปงกำลังแยกจากผู้ช่วยของเขา และคิดจะเข้าห้องไปพักผ่อน

 

แต่เขาต้องประหลาดใจเมื่อพบคนกลุ่มหนึ่ง

ดูแปง: พวกแกมาทำอะไรที่นี่? พวกแกเป็นใครกัน? แกเข้ามาได้ยังไง เราอยู่ลึกลงมาใต้ดินตั้งร้อยเมตร!

คลิฟฟอร์ด: เฮ้ เฮ้ เฮ้ สังเกตปืนที่จ่อกะบาลหน่อยสิ เรารู้ว่าแกได้รับคำสั่งจากศาสตราจารย์สไตน์มา ก่อนที่มันจะโดนเจี๋ยนน่ะ… ทีนี้ เรารู้ว่ามีบรรจุภัณฑ์พลังแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่สี่ชิ้น เราเจอแล้วสาม ชิ้นสุดท้ายอยู่ที่ไหน มีน้ำใจหน่อยแล้วบอกเรามาเสียดี ๆ

 

ที่บ้านของรอนนี่และที่บ้านของเจสัน ทั้งสองครอบครัวกำลังทานมื้อเย็น

 

ที่บ้านเจสัน เขาอาศัยอยู่กับพ่อที่สูญเสียแขนไปจากอุบัติเหตุ

อัลวิน: เครียดเรื่องอะไรเหรอ ไอ้หนู?

เจสัน: เปล่าครับ ผมแค่เจอ… เอ่อ ผมเพิ่งเถียงกับเพื่อนที่โรงเรียนน่ะครับ

 

พ่อของผม ชีวิตเราลำบากตั้งแต่ท่านประสบอุบัติเหตุที่โรงงานที่ท่านทำงานอยู่เมื่อนานมาแล้ว เราสองคนกินแต่ผลิตภัณฑ์อาหารเจจำนวนมาก

 

ส่วนรอนนี่นั้น เขาอาศัยอยู่กับแม่

เอเลน: ลูกไม่เห็นกินเลย ไม่ชอบเหรอ?

รอนนี่: อ้อ เปล่าฮะ แม่ มันอร่อยเหาะไปเลย ผมแค่คิดถึงเรื่องที่โรงเรียนน่ะฮะ

ฉันรักแม่นะ ฉันเป็นความหวังของเธอตั้งแต่พ่อหนีไปแต่งงานใหม่

 เธอเลี้ยงดูให้ฉันสุขสบายเท่าที่เงินที่พ่อส่งเสียมาจะเอื้ออำนวย… แต่ทุกครั้งที่เจอคำถามยาก ๆ เธอมักจะตอบฉันไม่ได้ทุกที

 

อัลวิน: แล้วลูกอยู่ข้างฝ่ายที่ถูกต้องรึเปล่าล่ะ?

เจสัน: แน่สิครับ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกแย่ทั้งที่ผมก็พูดเรื่องจริงทั้งนั้น

อัลวิน: เรื่องจริงก็เหมือนกับสัมภาระอันหนักหน่วงน่ะ เจสัน บางทีคนที่พูดก็ต้องแบกรับมันไว้ไม่ต่างจากคนฟังหรอกนะ กินผักในจานสิลูก

รอนนี่: แม่ฮะ ทำไมเราไม่มีเพื่อนผิวดำบ้างล่ะฮะ?

เอเลน: ฟังดูเศร้าจัง… แม่ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ รอนนี่ มันคงเป็นเพราะอะไรสักอย่าง

 

 

กลับมาที่ดร.ดูแปงที่ตอนนี้สารรูปแทบไม่เหลือเค้าเดิม…

ดูแปง: มาร์ติน สไตน์ เขาคือนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะเท่าที่โลกเคยมี

คลิฟฟอร์ด: ดีมาก ดูแปง ว่าต่อไป

ดูแปง: เขาสามารถพิสูจน์การมีอยู่ของอนุภาคฮิกส์*ได้

คลิฟฟอร์ด: ไอ้ที่เขาเรียกกันว่า “อนุภาคแห่งพระเจ้า” นั่นน่ะเรอะ?

 

(*Higgs Boson หรือเรียกกันทั่วไปว่า อนุภาคแห่งพระเจ้า เป็นทฤษฎีของปีเตอร์ ฮิกส์ ว่าด้วยปัญหาเรื่องการไม่เท่ากันของมวลในอนุภาคบางตัว นายฮิกส์คนที่ว่าจึงเสนอทฤษฎีว่ามีสนามพลังที่เรียกว่า Higgs Field อยู่ ซึ่งอนุภาคต่าง ๆ จะเกิดมวลได้เพราะทำปฏิกิริยากับสนามพลังที่ว่านี้ และถ้าสนามพลังนี้มีอยู่จริงมันต้องมีตัวอนุภาคเฉพาะที่ทำให้เกิดสนามพลัง นั่นก็คืออนุภาคฮิกส์นั่นเอง ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามค้นหาการมีอยู่ของอนุภาคที่ว่านี้เช่นหน่วย CERN เป็นต้น และยังไม่มีคำยืนยันว่ามันจะมีอยู่จริงหรือไม่ แต่หลายคนเชื่อว่ามันมีอยู่จริง)

 

ดูแปง: คน… คนทั่วไปเรียกมันแบบนั้น… ตามทฤษฎี มันอาจจะเป็นกุญแจสู่ความรู้ทั้งมวลของมนุษยชาติ ทั้งหลุมดำ, การข้ามเวลา และฟิสิกส์ในขั้น… ขั้นสูงขึ้นไป

คลิฟฟอร์ด: แล้วบรรจุภัณฑ์ล่ะ?

ดูแปง: สไตน์ได้คิดค้นวิธีเก็บกักอนุภาคที่สามารถเปลี่ยนอนุภาคคว้ากส์ของวัตถุหนึ่งไปเป็นอย่างอื่น มันก็คือบรรจุภัณฑ์แม่เหล็กไฟฟ้า

โลเร็น: เอาเนื้อ ๆ สิ ด็อกเตอร์ นี่เราคุยเรื่องอะไรกันอยู่?

ดูแปง: มันสามารถเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบวัตถุ เช่นตึกหรืออะไรก็ตามที่ตาพวกแกมองเห็น ทุกอย่างเลย… มันสามารถแปรสภาพสิ่งเหล่านั้นได้

 

 

เมื่อคลิฟฟอร์ดได้ข้อมูล จึงรีบติดต่อไปหานายใหญ่ สาวลึกลับผู้อยู่เบื้องหลัง

คลิฟฟอร์ด: มีปัญหาแล้วครับท่าน มีบรรจุภัณฑ์ชิ้นหนึ่งหลุดไปอยู่ในมือของผู้ที่มีโครงสร้างยีนเหมาะสมที่ไหนสักแห่ง แต่เราคิดว่าเราจะหาตัวมันพบ

?: คุณคาร์ไมเคิ่ล คุณรู้มั้ยว่าปฏิบัติการไฟร์สตอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุมสามารถสร้างความเสียหายได้เท่าไหร่

คลิฟฟอร์ด: ผมว่า…

?: ไม่หรอก คุณไม่รู้หรอก มันจะทำลายระบบธุรกิจทั้งหมด คลิฟฟอร์ด และชื่อเสียงขององค์กรของเราก็จะ… คุณต้องจัดการเรื่องนี้จบ ไม่เกี่ยงว่าคุณจะใช้วิธีสกปรกแค่ไหน แต่คุณต้องจัดการมันให้จบโดยที่ไม่มีใครรู้ เข้าใจใช่มั้ย… ทำให้จบ

 

บนจอภาพเบื้องหน้าหญิงสาวนั้นฉายภาพของไฟร์สตอร์มมากมายทั้งชายหญิงที่อยู่ในประเทศต่าง ๆ !

 

 

ในช่วงเย็นของวันต่อมา

ทอนย่า: เจสัน นี่เธอคิดอะไรของเธออยู่?

เจสัน: ก็เธอต้องให้ฉันตรวจสอบต้นฉบับก่อนพิมพ์ก่อนเสมอไม่ใช่เหรอ

ทอนย่า: ไม่หรอก ไม่ใช่หลังจากที่นายตีพิมพ์ไอ้ข่าวปัญญาอ่อนที่ว่าควอเตอร์แบ็คดาวรุ่งของโรงเรียนเป็น “เด็กเอาแต่ใจที่มีปัญหากับเรื่องการแบ่งสีผิวและทรงผม” แน่ ๆ บ้าที่สุด เจสัน! ข่าวของนายจะทำให้ฉันอดได้ทุน!

 

เธอไม่เคยพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน ผมคงทำให้เธอผิดหวังมาก!

 

และผมก็ไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกของผมให้เธอรู้… เหมือนทุกครั้ง

 

เจสัน: ก็ใช่… เธอพูดถูก ฉันพลาดเอง ฉัน… ฉันขอโทษแล้วกัน บางทีฉันอาจเกลียดหมอนั่นมากไปหน่อย

 

คู่กรณีโผล่มาพอดี

รอนนี่: ไอ้ง่าว! แกอยากพูดแบบนี้กับฉันใช่มั้ย? ทำไมไม่พูดต่อหน้าล่ะวะ ไอ้ขี้แพ้! มาเจอกันหน่อยมา!

เทรฟ: รอนนี่ ไม่เอาน่า ช่างมันเหอะ

 

 

แต่รอนนี่กำลังฉุนขาดไม่ฟังใครอีกต่อไป!

รอนนี่: ฉันไม่ได้ทำอะไรให้นายสักนิด และฉันก็ไม่ได้พล่ามอะไรแบบในข่าวนี่ด้วย

เจสัน: นายมั่นใจเหรอ พ่อคนหล่อ?

เทรฟ: โอย นายสองคนยอม ๆ กันบ้างได้มั้ยเนี่ย?

 

ฉันก็อยากนะ เทรฟ…

… แต่ผมไม่คิดว่าเราจะทำได้หรอก

 

ท่ามกลางฝนที่ตกกระหน่ำ โลเร็นปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูโรงเรียน

ยาม: ขอโทษครับ แต่โรงเรียนปิดแล้ว

 

โลเร็นเลยตอบด้วยกระสุน!

 

ทอนย่า: นั่นเสียงอะไร?

เจสัน: เสียงปืนไงเล่า ทอนย่า เธออย่าไปไหนนะ

ทอนย่า: นายล้อเล่นใช่มั้ย?

 

เมื่อพวกเขาออกมาก็เจอโค้ชใจกล้ายืนประชันหน้ากับหน่วยของคลิฟฟอร์ด ซึ่งผลที่ได้ไม่ต่างจากยามหนุ่มเท่าไหร่

 

เจสัน: วิ่ง ๆ ๆ วิ่งงง!!!

 

รอนนี่: พวกมันเป็นใคร? มันต้องการอะไร?

เจสัน: ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง นายไม่เข้าใจหรอก ฉันจะไปที่ล็อคเกอร์ของฉัน นายรีบพาเธอหนีไปเร็ว

รอนนี่: แกรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะงั้นบอกมาว่านี่เรื่องอะไรกัน?

เจสัน: ก็ได้ แกคิดว่าฉันฉลาดแค่ไหน? เอาที่แกคิดได้น่ะคูณสองเข้าไป แล้วจากนั้นก็คูณสองอีกที… เพราะอย่างนั้นแหละ ศาสตราจารย์สไตน์ผู้โด่งดังจึงติดต่อมาหาฉัน เขาเอาไอ้นี่ให้ฉัน เขาว่ามันจะเกิดเรื่องขึ้น

 

เจสันหยิบแคปซูลประหลาดออกมาจากล็อคเกอร์!

 

เจสัน: เผื่อไว้ในยามฉุกเฉินน่ะ… เจ้านี่มันสามารถสร้างทุกอย่างที่ฟิสิกส์นิวเคลียร์สามารถสร้างได้

รอนนี่: แกจะบอกว่านั่น… มันคือระเบิดนิวเคลียร์งั้นเหรอ?

เจสัน: ไม่ใช่ มันเป็นมากกว่านั้นอีก

 

โลเร็น: ’โทษทีหนู ๆ ฉันเกรงว่าวิชาเรียนจบแล้ว

โลเร็นปรากฏตัวขึ้นแล้วยิงเข้าที่กลางศีรษะของเทรฟ!

 

 

โลเร็น: เจ้าหนูผู้น่าสงสาร หม่าม้าอยากได้ของในมือนั่นน่ะ โอเคนะจ๊ะ? มีอะไรสั่งเสียงมั้ยเอ่ย?

“ขอคำเดียว”

..

ร์ร์!

 

เกิดความผิดพลาดขึ้น แรงระเบิดนั้นฝังโลเร็นไปทั้งเป็น…

 

นอกจากนั้นมันยังทำให้รอนนี่กลายเป็นไฟร์สตอร์มไปอีกคนหนึ่ง!

รอนนี่: พระเจ้า นี่เรา? เรากลายเป็นตัวอะไรวะ? แกทำอะไรกับพวกเรา รัช?

 

รอนนี่: แกทำอะไรรรรร!!?

เจสัน: ช่วยชีวิตแกไงเล่า เข้าใจรึเปล่า?

รอนนี่: แกเรียกสภาพของเราตอนนี้ว่าชีวิตงั้นเหรอ เรายังเป็นมนุษย์อีกรึเปล่า?

เจสัน: ช้าหน่อยน้องช้าหน่อย ถอยไปเถอะ อย่าให้ฉันต้องตรึงนายไว้เลย เรย์มอนด์!

 

เจสันแปรสภาพดินให้กลายเป็นอุ้งมือคว้าข้อขาของรอนนี่ไว้

 

ส่วนคลิฟฟอร์ดนั้นเพิ่งตามมาถึง และได้พบเพียงร่างที่ถูกฝังไว้ของโลเร็น!

คลิฟฟอร์ด: โลเร็น! ไม่ ที่รัก เราจะช่วยเธอ เราจะช่วยเธออกมา

เกเบรียล: “จงละวางเถิด นี่คือเวลาที่ต้องยอมรับ”

คลิฟฟอร์ด: หุบปากไปซะ ไอ้โง่

 

แต่ทันใดนั้นมือของโลเร็นก็คว้าข้อมือของคลิฟฟอร์ดเอาไว้!

 

รอนนี่: เราไม่ใช่มนุษย์แล้วใช่มั้ย? เรากลายเป็นปิศาจร้าย… และแก… แกเยาะเย้ยทรงผมของฉัน! … “มันคงเป็นเพราะอะไรสักอย่าง”

รอนนี่สติแตกจนจิตหลุด เริ่มพูดประโยคที่แม่ของเขาพูดกับเขาไว้

เจสัน: แกพล่ามอะไรอยู่น่ะ?

 

คลิฟฟอร์ด: พระเจ้าทรงโปรด… เธอยังไม่ตายรีบขุดเธอขึ้นมาเร็ว

คลิฟฟอร์ด: เสร็จแล้วเราไปค้นหาเป้าหมายที่หนีไปกัน

คลิฟฟอร์ด: หมดเรื่องแล้ว เราค่อยระเบิดโรงเรียนนี้ทิ้งด้วยระเบิดทำมือ จะได้โยนความผิดให้เด็กพวกนั้น อย่าเสียเวลา ลงมือเลย

 

เจสัน: เรย์มอนด์… เฮ้ย! รอนนี่ ฉันรู้ว่าแกกำลังช็อคแต่ตั้งสติหน่อย ร่างกายแกกำลังผันผวน แกจะฆ่าเราทั้งคู่เข้าใจมั้ย?

รอนนี่: อย่าพูดเหมือนฉันเป็นเด็ก อย่าทำอย่างนั้นกับฉัน

 

ร่างของพวกเขาระเบิดกลางท้องฟ้า!

ทอนย่า: เจสัน? รอนนี่? … พวกนาย?

 

ทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็พุ่งลงมาตรงหน้าทอนย่า!

..

“ไม่มีคำว่า ‘พวกนาย’ อีกแล้ว ยาหยี ไหนลองทักทายฟิวรี่หน่อยซิ”

 

..

ตอนต่อไป:

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเหลืองและแดงรวมเป็นหนึ่ง

..

คุยกันท้ายเล่ม

รอนนี่ เรย์มอนด์เป็นตัวละครชั้นผู้น้อยอีกตัวหนึ่ง (ฮ่า) เขาถูกสร้างมาร่วมสามสิบปีได้แล้ว แต่ไม่รุ่งสักที ผมเห็นเขาครั้งแรกใน Crisis on Infinite Earths ตอนเขาบินไปปล่อยตัววายร้ายที่เป็นผู้หญิงมีพลังน้ำแข็ง (จำชื่อไม่ได้ครับ :P) ตอนนั้นความรู้สึกแรกเลยคือทำไมเหมือนปาร์คเกอร์จังฟะ (ฮ่า) เพราะเขาบินไปบ่นไป

          พอมาลองติดตามถึงรู้ว่าเขามีความสามารถคล้ายกับ Dr. Manhatton ในวอชเม็นเลย แต่ตัวรอนนี่นั้นไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับสูตรฟิสิกส์เคมีเท่าไหร่ แต่โชคดีที่เขารวมร่างกับดร.มาร์ติน สไตน์ นักฟิสิกส์อัจฉริยะเลยพอใช้พลังทำนู่นนี่นั่นได้ เขามาถูกเหล่าร้ายแทงในเหตุการณ์ Identity Crisis (เหตุการณ์การตามหาคนร้ายที่สังหาร Sue Dibny ซึ่งตอนจบหักมุมสุด ๆ และเหตุการณ์นี้เองชนวนที่ก่อให้เกิดวิกฤติโอแม็คในภายหลัง) ร่างของรอนนี่ที่ถูกแทงนั้นจะก่อให้เกิดการระเบิดนิวเคลียร์ขึ้น เขาเลยแยกร่างของดร.สไตน์ออกไปแล้วเสียสละชีวิต ขึ้นไประเบิดบนท้องฟ้า

          หลังจากนั้นดีซี สร้างไฟร์สตอร์มขึ้นมาใหม่อีกคนหนึ่ง นั่นคือเจสัน รัช ซึ่งชะตากรรมก็ไม่ต่างจากรอนนี่เท่าไหร่ เจสันก็ยังคงเป็นตัวละครรองในจักรวาลอยู่ดี จนกระทั่ง Blackest Night กับ Brightest Day นี่เองที่ดีซีพยายามปั้นตัวละครนี้ให้กลับมาอีกครั้งจนได้มีหัวหนังสือออกมาในจักรวาลใหม่ในที่สุด

          ดูเหมือนคู่นี้จะถูกเปลี่ยนประวัติใหม่ทั้งหมดครับ คงต้องรอดูว่าจะมีอะไรเหมือนเดิมบ้าง ส่วนตัวร้ายในเล่มนี้ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นหน่วยงานอะไร (ชักรู้สึกว่าดีซีมีหน่วยงานเยอะเหลือเกิน) ก็คงต้องรอดูต่อไป

          ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ 🙂

15 thoughts on “The Fury of Firestorm: The Nuclear Men #1

  1. BaaMzS

    เหลือง + แดง = หายนะคูณ 2 (กลายเป็นยักษ์ไปแว้วว!!!!)

  2. NetNN

    ค่อนข้างวุ่นวายเอาเรื่องนะเนี่ย แต่ผมว่าผมชอบเจสันกับรอนนี่ในจักรวาลเก่ามากกว่าแฮะ

    ว่าแต่ตกลงว่าทั้งแฟนของเจสันและศจ.สเตนก็ฟื้นขึ้นมาทั้งคู่เลยสินะ ก็นับว่าดีเหมือนกัน

  3. comic

    ไฟสตอร์มเยอะจังเลย
    เหลืองเเดงรวมกันประเทศล่มจม
    กลายเป็นเดดสตอร์มเลย

  4. boss5400

    ฮาเเดงเหลืองรวมกันซุปเปอร์หายนะ 555 คงเป็นสีส้มสินะ

  5. seventoon

    รู้สึก อ่า เซ็งนิดเดียว แค่นิดเดียวนะ ใตตอนดราม่า ไบร์ทเทอร์เดย์
    ถ้ารู้ว่ารีบูท คงไม่ดราม่่า55+

    ไฟร์สตอร์ม ตัวใหม่จะโหดขึ้นไหมเนี่ย

  6. DOL

    ดีที่แฟนของเจสันไม่ตายแล้ว จำได้ว่าตอน Blackest Night นี่หดหู่มาก

    แถมตัวร้ายนี่ เลวได้โล่ห์สุด ลูกเด็กเล็กแดงก็ไม่เว้น

    ว่าแต่ไอ้ Fury นี่มันอาร๊ายยยย

  7. BoatmasterZZZ

    สรุปมีคนเป็นไฟร์สตอร์มได้หลายคนเหรอครับ เห็นในจอ มันมีหลายตัวมากๆ แล้วจะเรียกว่าเป็นฮีโร่ชื่อเดียวได้ยังไงครับ แอบงง

  8. MISTER-Y Post author

    @BoatmasterZZZ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด อนุภาคฮิกส์จะมีปฏิกิริยาเมื่อได้รับคำสั่ง Firestorm ครับ เพราะผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าองค์กรก็เรียกการแปลงร่างเป็นไฟร์สตอร์มโดยที่นอกเหนือการควบคุม (แบบรอนนี่และเจสัน) ว่า “unauthorized firestorm protocol” ผมคิดว่าองค์กรนี้พยายามรวบรวมอนุภาคมาเพื่อสร้างไฟร์สตอร์มมาปฏิบัติการ 😀

    ซึ่งถ้าคิดถูก ท่าทางในจักรวาลใหม่จะมีไฟร์สตอร์มเป็นขบวนการเลยล่ะครับ 😛

  9. Tatoo

    เล่มนี้สนุกมาก ๆ รู้สึกชอบขึ้นมาล่ะ 2 คนรวมเป็น 1 ยังกะ Rider W เลย 555

  10. BoatmasterZZZ

    @MISTER-Y ผมว่า มันอารมณ์ ไอ่มดแดง V1 V2 ที่เป็นมนุษย์ดัดแปลงที่ผิดพลาดแล้วกลายเป็นฮีโร่ ซึ่งจริงๆแล้ว มนุษย์ดัดแปลงที่ว่าแล้วกลายเป็นสมุนกี้ๆ ช่วงแรก ก็มีรูปร่างหน้าตาแบบ V1 เลย ซึ่งไฟร์สตอร์ม อาจจะมีเนื้อเรื่องแบบเดียวกัน

    @Tatoo มาเรื่องมดแดง แล้วก็เห็นด้วยว่า มันเหมือน Rider W จริงๆ มีรวมร่างด้วย 55+

  11. Aone

    แล้วความสามารถของไฟสตอร์มคือไรกันแน่คับผมงง

  12. MISTER-Y Post author

    @Aone ความสามารถของไฟร์สตอร์มคือการแปรสภาพวัตถุครับ เขาสามารถแปรสภาพสิ่งที่มีวลสารสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งได้ แต่การจะแปรสภาพได้ต้องรู้สูตรเคมีของวัตถุนั้น ๆ ก่อนครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *