Uncanny X-Men #25

Uncanny X-Men #25

เรื่องโดย : Brian Michael Bendis | ภาพโดย : Chris Bachalo

วางจำหน่าย : 3 กันยายน 2014

สำนักพิมพ์ : Marvel Comics

ในที่สุดความลับของ Charles Xavier ก็ถูกเปิดเผย

และพบกับหนึ่งในมิวแทนส์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของ X-Men!


“ฉันรู้ว่าพวกเธอบางคนนั้นยกย่องฉันไว้สูงมาก และฉันก็ยินดีที่จะน้อมรับเกียรตินั้นไว้”

“และเพราะคำยกย่องนี้ เรื่องที่ฉันจะเล่าให้พวกเธอฟังมันจึงอาจจะทำให้พวกเธอต้องตกตะลึงและหวาดหวั่นไปกับมัน”

“แต่ได้โปรด ฟังฉันพูดให้จบ”

“ให้ฉันอธิบายให้เธอเข้าใจก่อนที่จะตัดสินเรื่องของฉัน”

“… มันเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อน มันเป็นเรื่องราวช่วงที่ฉันเพิ่งตั้งโรงเรียนเพื่อเหล่าเด็กผู้มีพรสวรรค์ขึ้นมา ซึ่งเป็นช่วงที่ฉันเพิ่งจะสร้างโมเดลของเซเรโบรที่สามารถใช้งานจริงได้”

“มันเป็นการรวมกันของเทคโนโลยีในการตามหามิวแทนส์ ร่วมกับความสามารถในพลังโทรจิตของฉัน ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่ทำให้มันเกิดขึ้นมาได้จริงๆ”

“ในที่สุดพวกเราก็สามารถที่จะรับรู้ตำแหน่งของเหล่ามิวแทนส์ที่เราต้องการ… หรือพวกมิวแทนส์ที่เป็นภัยกับเหล่ามนุษย์คนธรรมดา หรือสร้างปัญหาให้การอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างมนุษย์และมิวแทนส์”

“วันหนึ่งในระหว่างที่เอ็กซ์เม็นรุ่นแรกออกไปปฏิบัติภารกิจ ฉันได้ใช้เซเรโบรทำการตรวจสอบหาพวกแม็กนีโต้กับคนอื่นๆ แต่แล้วกลับพบเข้ากับสัญญาณแปลกปลอม

“มันเป็นบางสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน มันดูเหมือนสัญญาณของมิวแทนส์ แต่มันมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป… บางอย่างที่ทรงพลังกว่ากันมาก…”

“…ในตอนแรก ฉันกังวลว่าตัวเครื่องอาจจะเสียหาย หรือใช้การมันผิดพลาดไป”

“แต่มันไม่ใช่แบบนั้น แต่มันคือพลังมิวแทนส์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เซเรโบรเคยตอบสนองจริงๆ”

“ในตอนแรกมันเป็นเหมือนกับการค้นพบแห่งความหวัง… แต่แล้วจากนั้นจู่ๆกระแสแห่งความสับสนก็ก่อตัวขึ้นมา มันทำให้ฉันแทบจะหายใจไม่ออก”

“มันจะเกิดอะไรขึ้นหากแม็กนีโต้ค้นพบเขาก่อนฉัน? หรือหากเขาไปอยู่ที่นั่นแล้วล่ะ?”

“ฉันไม่สามารถที่จะติดต่อพวกเอ็กซ์เม็นคนอื่นๆได้ และฉันก็ไม่สามารถที่จะทนรอให้พวกเขากลับมาจากภารกิจได้”

“ฉันต้องไปพบกับมิวแทนส์คนนี้ด้วยตัวเอง และต้องไปถึงที่นั่นก่อนใคร”

“พวกเธอบางคนอาจจะคิดถึงหลักความจริงของฉัน ที่ว่ามิวแทนส์นั้นมักจะปรากฎตัวออกมากมายในช่วงวัยหนุ่มสาว”

“แต่สำหรับเขาคนนี้ เขาทรงพลังและเด็กกว่าคนไหนๆ”

“…ภายนอกนั้นเขาดูเหมือนเด็กธรรมดาทั่วๆไป”

“ชื่อของเขาคือ แมททิว มัลลอย”

Prof.Xavier ได้ไปถึงยังบ้านของเด็กชายที่เขากล่าวถึง และเริ่มบทสนทนากับเด็กคนนี้ซึ่งดูเหมือนจะไม่อยากคุยกับชายแปลกหน้าอย่างเขาเสียเท่าไร ตัว Mathew นั้นกำลังเล่นกับของเล่นของเขาอยู่ มันคือศึกแห่งการทำลายล้างระหว่าง Devil Dinosaur กับ Fin Fang Foom ทาง Xavier จึงลองเข้าถึงจิตใจของเขาดูแต่กลับพบว่า Mathew นั้นรู้สึกได้ถึงการเข้าถึงของเขาเขาอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะความสนใจไปเล่นต่อ และนี่ทำให้พลังของเขาทำงาน

พลังของเขาก่อให้เกิดทำลายล้างไปทั่วทั้งบริเวณอย่างรุนแรง จน Xavier ที่อยู่ใกล้ๆนั้นโดนลูกหลงไปด้วย

“เจ้าหน้าที่ได้มาถึง แต่ฉันได้ใช้พลังควบคุมจิตใจของพวกเขาให้ออกไปจากที่นี่ก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บ”

“ฉันไม่สามารถเข้าถึงจิตใจของเด็กคนนี้ ฉันไม่สามารถให้คำแนะนำใดๆแก่เขา หรือแม้กระทั่งทำให้เขาหลับหรือหมดสติก็เช่นกัน พลังของฉันไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้เลย”

“ทุกๆครั้งที่ฉันลองทำแบบนั้น เด็กคนนี้ก็จะตอบสนองด้วยสัญญาณและเปล่งพลังทำลายล้างเหล่านี้ออกมาขัดขวางไว้”

“ซึ่งมันแตกต่างจากที่ฉันเคยเห็นมาทั้งหมด พลังของเด็กคนนี้เหมือนกับโลกรอบๆตัวเขาถูกพลิกกลับไปจนหมด”

“สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ก็คือทำให้จิตใจของเด็กคนนี้คิดว่าฉันไม่อยู่ที่นั่นแล้ว แต่มันก็ยังหลงเหลือความกระวนกระวายในจิตใจของเขาอยู่… มันเหมือนกับว่าเขารู้ตัวว่ามันมีบางสิ่งที่ผิดแปลกไป”

“พูดตรงๆว่าตอนนั้นฉันถึงทางตันแล้วจริงๆ”

“มันเป็นความท้าทายที่ยากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา เด็กหนุ่มที่มีพลังทำลายล้างสูง และเป็นมิวแทนส์ที่หลุดการควบคุม”

Xavier : ถ้าหากว่าโลกใบนี้พบว่ามันมีมิวแทนส์ที่ถือครองพลังขนาดนั้นและไม่สามารถที่จะควบคุมไว้ได้ ความหวังที่พวกเราจะสามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ธรรมดาย่อมเป็นไปไม่ได้

Xaiver : และเมื่อฉันไม่สามารถเข้าใจในตัวของเขาได้ ฉันย่อมไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเขาให้ควบคุมพลังนี้ได้

Xaiver : และถึงแม้ฉันจะหาทางพบ แต่ด้วยการที่เขายังเด็กเกินไป ฉันก็เกรงว่ามันจะเป็นการยากเกินไปสำหรับเขา

Xavier : ตัวตนของเขาเป็นเหมือนกับฝันร้ายที่มนุษย์หวาดหวั่นที่สุด แล้วฉันจะทำอะไรได้?

Xavier : แล้วยิ่งถ้าหากแม็กนีโต้หรือใครก็ตามที่เดินในเส้นทางในชั่วร้ายได้พบกับเขาเข้าก่อนที่ฉันจะสามารถหนทางออกได้….

Scott : เจ้าโฮโลแกรมนี่มันมีปุ่มหยุดมั้ย?

Henry : ฉันว่าปุ่มนี้น่าจะได้นะ…

และเมื่อ Henry กดมันภาพก็หยุดนิ่ง โดย Kitty นั้นไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงบอกให้หยุดเพราะเธอต้องการจะฟังคำพูดของเขาจนถึงท้ายที่สุด แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ Scott ที่จะต้องมาฟังเรื่องนี้โดยการมองหน้าของ Xavier อีกครั้ง เขาต้องการเวลานอกสักหน่อย ทางคนอื่นๆจึงใช้เวลานี้พักด้วยเช่นกัน She-Hulk เห็นดังนั้นจึงให้เวลาพวกเขา 5 นาที

Scott ออกมาสูดอากาศด้านนอก โดยมี Storm ตามออกมา ซึ่งเธอก็เหน็บ Scott นิดหน่อยก่อนที่จะพูดถึงประเด็นของ Mystique ทาง Scott จึงยิงคำถามว่าหากXavier ยกโรงเรียนให้ Mystique พวกเธอจะทำยังไง Storm ก็ตอบทันทีว่าเธอไม่ยอมแน่ จากนั้น Scott จึงบอกว่าเขาเองก็ไม่มีวันให้มันกลายเป็นแบบนั้น

ทางด้าน Nightcrawler ก็สวมกอดกับ Kitty อีกครั้ง โดยนี่เป็นการพบกันครั้งที่สองของทั้งคู่เท่านั้น

(ทั้งคู่เจอกันแล้วใน Amazing X-Men หลังจากที่ Nightcrawler กลับมา)

ส่วน Hanry ก็ถามถึงการเปลี่ยนแปลงของ Dazzler ที่ดูเธอเปลี่ยนไปมาก ซึ่งสาเหตุที่เธอเข้าร่วมกับพวก Scott นั้นเป็นเพราะเธอต้องการจะต่อสู้ และสำหรับเรื่องของ Mystique นั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเคยเป็นภรรยาของ Xaiver หรือไม่ก็ตาม Dazzler สาบานว่าเธอจะต้องฆ่า Mystique ให้ได้ด้วยมือของเธอเอง

หลังครบเวลาพักทุกๆคนก็กลับมาที่ห้องอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าทุกๆคนยังเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่มีคำตอบ จากนั้น She-Hulk ก็ให้ Henry กดปุ่มให้โฮโลแกรมทำงานอีกครั้ง

Xavier : ฉันจะทำยังไง? ให้แม็กนีโต้ยื่นมือมาหามิวแทนส์ที่ทรงพลังแบบนี้เหรอ?

Xavier : ฉันจะยอมปล่อยให้เด็กคนนี้ต้องกลายเป็นฆาตกรสังหารหมู่งั้นเหรอ?

Xavier : ฉันขอสารภาพ ฉันยอมรับว่าฉันเคยมีความคิดอันน่ากลัว ว่าจะทำการกำจัดเด็กคนนี้

Xavier : เด็กคนนี้เป็นตัวตนแปลกปลอมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสายพันธุ์ของเรา

Xavier : มันเป็นความคิดที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนสำหรับพวกเธอทุกคน แต่อย่างที่ฉันบอกไปแล้ว ว่าตอนนั้นฉันอยู่ในสถานะที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…

Xavier : …แต่มันก็ชัดเจนมาก ว่าถ้าหากฉันเล่นงานเขาด้วยการโจมตีทางกายภาพหรือจิตใจ พลังของเด็กคนนี้อาจจะถูกปลดปล่อยออกมามากกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้

Xavier : …และนั่นมันจะกลายเป็นว่า ฉันได้ก่อให้เกิดห่วงโซ่แห่งการทำลายล้างและความตาย… ที่ฉันจะไม่มีวันแบกรับมันไว้ได้

Xavier : ฉันไม่สามารถที่จะควบคุมได้ ฉันไม่สามารถที่จะปลดพลังของเขาได้… ฉันจึงต้องหาหนทางใหม่ที่จะสื่อสารกับเขา

และเพื่อการนั้น Xavier ได้สร้างตัวตนของเขามที่มีอายุพอๆกับเด็กคนนี้ขึ้นมา เพื่อให้อีกฝ่ายยอมรับและพูดคุยกับเขา ซึ่งมันก็เป็นไปได้ด้วยดี จน Mathew เริ่มอยากจะแสดงอะไรให้เขาเห็น

Mathew แสดงพลังอันน่ากลัวของเขาออกมา และพบว่าเพื่อนใหม่ของเขา Charlie นั้นโดนลูกหลงไปด้วย

และจากที่ Mathew พูดเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าพลังนี้มันทำงานยังไง แต่ Xavier ก็เตือนว่าอย่าให้เขาใช้พลังนี้อีกโดยที่ไม่ได้เตือนตนเอง และเริ่มถามถึงครอบครัวของ Mathew

จากที่ Mathew บอกมาเขาน่าจะสังหารทั้งคู่ไปแล้วด้วยพลังของตัวเอง ในตอนที่ครอบครัวของเขาดุด่าใส่เขา เมื่อเห็นว่า Mathew เริ่มจะสับสน Xavier จึงพูดถึงเรื่องของมิวแทนส์ออกไป และปลอบว่าที่เขาทำลงไปนั้นเขาไม่มีเจตนาร้ายอะไร

Xavier : ฉันสามารถที่จะใช้ตัวตนในรูปร่างเด็กของฉันในการติดต่อสื่อสารโดยตรงกับเด็กหนุ่มแมททิว ฉันสามารถที่จะทำให้เขาเข้าใจได้ว่าเขาต้องทำอย่างไร

Xavier : และมันก็ตรงข้ามกับหลักการการสอนทั้งหมดของฉัน ไม่ว่าจะในฐานะด็อกเตอร์….หรือมิวแทนส์…หรือมนุษย์คนหนึ่ง ฉันใช้พลังของฉันในการค่อยๆลดการเข้าถึงพลังของเขาอย่างช้าๆ

จากนั้น Xavier ก็อธิบายว่าเขาใช้ความสัมพันธุ์แบบเพื่อนนี้ค่อยๆลดตัวตนของ Matthew ลงให้กลายเป็นแค่คนธรรมดา เขาปิดกั้นพลังทำลายล้างของเขาลง และจัดการเรื่องที่เขาสูญเสียพ่อแม่ไปให้เขากลายเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าในสถาบันที่เขารู้จัก เขาได้ลบตัวตนมิวแทนส์คนนี้ออกไปจากเผ่าพันธุ์ของเขาเอง และทั้งหมดนี่ก็เพื่อปกป้องโลกใบนี้ และหนทางที่จะนำไปสู่ความสงบสุขของมนุษย์และมิวแทนส์ให้คงอยู่ต่อไป มันไม่มีตัวเลือกอื่นอีกแล้ว

Xavier : แล้วทำไมฉันถึงไม่ลดพลังของเขาลงมาให้น้อยพอที่จะพาเขามาที่โรงเรียนนี้? นั่นเพราะพลังของเขามันมากเหลือล้นกว่าที่ฉันเคยเจอมา มันทำให้ฉันหวาดหวั่นถึงเรื่องเลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้

Xavier : แล้วทำไมฉันถึงไม่ส่งเขาให้กับชิลด์หรือเวนเจอร์?

Xavier : นั่นเพราะฉันไม่เชื่อใจพวกเขา ไม่ว่าโทนี่สตาร์ก หรือกัปตันอเมริกา ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะช่วยเหลือเขาได้ พวกเขาจะกักขังแมททิวไว้ ล่ามโซ่เขา แต่ทั้งหมดนั่นจะนำไปสู่ความอลหม่านและการทำลายล้าง

Xavier : และนี่ก็ไม่ใช่แค่การคาดเดา เพราะฉันได้ลองอ่านใจพวกเขาแล้ว พวกเขาจะไม่มีทางช่วยเหลือเราหรือแมททิวแน่ๆ มันยังไม่ถึงเวลานั้น มันยังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าที่พวกเขาจะคิดว่ามิวแทนส์เป็นสิ่งที่พวกเขาควรจะห่วงใย

Xaiver : และฉันก็ไม่มีทางที่จะยื่นมือไปหาเด็กมิวแทนส์ที่ไร้ซึ่งการป้องกันตัว และบอกว่าพวกเขาพูดถูกแล้วเรื่องของพวกเรา พวกเขาพูดถูกแล้วเรื่องที่จะหวาดกลัวพวกเรา หรือในแต่ละวันที่มิวแทนส์คนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกสักที่ใดที่หนึ่ง พวกเขาจะมีพลังที่จะพลิกโลกเปลี่ยนใบนี้ได้

Xavier : ฉันไม่มีทางที่จะยอมให้ทุกสิ่งที่พวกเราต่อสู้มาด้วยกันกลายเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ และนอกจากนี้ฉันยังทำในสิ่งที่ฉันคิดว่าจะทำกับเด็กคนนี้อย่างการจัดการกับเขาไม่ได้อีกด้วย ฉันทำไม่ได้จริงๆ

Xavier : สิ่งที่ฉันทำลงไปมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และไม่มีทางการันตีได้ว่ามันจะได้ผลจริงๆ 100 %

Xavier : ในทุกๆวันฉันจะตรวจสอบชีวิตของเขาผ่านทางเซเรโบร และในทุกๆปีฉันจะไปหาเขาเพื่อดูว่ากำแพงพลังโทรจิตที่ฉัน…

Scott : เจ้าคนจอมเสแสร้งเอ๊ย

Xavier : …ยังคงใช้การได้ และเด็กคนนั้นยัง…

Henry : สก๊อตต์!

She-Hulk : เอาจริงเหรอเนี่ย?

Scott : ทั้งชีวิตของฉัน ตั้งแต่ที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันได้… พวกเราได้ฟังมาโดยตลอดเกี่ยวกับคำสอนของเขาว่า “จะไม่มีการทิ้งมนุษย์กลายพันธุ์ไว้เบื้องหลัง” ….และพวกเราก็ร่วมมือกันสร้างสันติสุขด้วยการช่วยเหลือมิวแทนส์ทุกคนที่พบเจอ พร้อมช่วยให้พวกเขาตามหาศักยภาพที่แท้จริงของพวกเขาเอง

Scott : แต่ตอนนี้พวกเรากลับพบว่าโรงเรียนแห่งนี้นั้นแท้จริงแล้ว ถูกสร้างขึ้นมาด้วยถ้อยคำอันหลอกลวงงั้นเหรอ?

Storm : สก๊อตต์

Scott : มันเหมือนกับว่าทุกครั้งที่พวกเราหันหลังให้ เขาก็จะทำอะไรบางอย่างตามที่เขาต้องการให้มันเป็น?

Bobby : งั้นฉันมีความคิดดีๆแล้ว ทำไมนายถึงไม่ฆ่าเขาอีกสักรอบล่ะ?

คำพูดของ Bobby ทำให้ Scott เดือดขึ้นมาทันที

ลำแสง Optic Blast ถูกยิงออกมาจากห้องในทันทีจน Bobby ลอยออกไปด้านนอก

Henry : พวกเราไม่ควรจะทำแบบนี้

Scott : พวกเราฟังเขามาทั้งชีวิต แต่ทั้งหมดนั่นคือคำโกหก!

Rachel : สงบใจลงหน่อย!

Scott : ราเชลหยุดควบคุมฉันได้แล้ว

Kitty : ก็คุมตัวเองให้อยู่ก่อนแล้วเธอจะได้ไม่ต้องคุมนาย ฉันขอบอกเลยนะ สก๊อตต์ ซัมเมอร์ ว่านายกำลังทำให้ตัวเองต้องอับอาย

Bobby : ที่นายทำอยู่ตอนนี้น่ะ มันคือการทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นจากความผิดที่ฆ่าเขาลงไปใช่มั้ยล่ะ นายคงจะไม่เคยคิดเลยล่ะสิว่ามันจะเกิดขึ้นหลังจากที่ฆ่าเซเวียร์ไป

Bobby : ซึ่งทีแรกฉันก็ไม่คิดจะสนอะไร แต่ตอนนี้นายยืนอยู่ตรงหน้าของเขาที่ตายไปแล้ว นั่นหมายความว่านายจะต้องเชื่อฟังเขา แต่สุดท้ายที่นายทำกลับกลายเป็นการต่อต้านต่อความปราถนาสุดท้ายของเขา

Bobby : และฉันขอเตือนไว้เลย ว่าถ้าครั้งหน้านายยังเล็งเจ้าตาเลเซอร์นั่นมาที่ฉันอีก… ฉันสาบานเลย… ว่าฉันจะแช่แข็งนายซะ จำใส่กะลาหัวไว้ด้วย

Logan : ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันค่อนข้างเงียบดีเลยนะ และฉันก็อยากให้พวกเธอสักคนสังเกตมันสักหน่อยนะ

She-Hulk : นี่พวกเราต้องพักอีกรอบมั้ย?

Storm : ไม่ต้อง ต่อเลย

Xavier : ฉันไปเยี่ยมเด็กคนนั้นเป็นครั้งคราว ในฐานะเพื่อนของเขาชาร์ล และนั่นก็เพื่อจับตาดูพลังโทรจิตที่ปิดกั้นไว้

Xavier : และนั่นคือช่วงวัยแรกรุ่น ที่พวกเธอก็รู้ดีว่านั่นหมายถึงการกลายพันธุ์จะยิ่งแผ่ขยาย หรือเข้าสู่การกลายพันธุ์ช่วงที่สอง

Xavier : ดังนั้นเมื่อแมททิวโตขึ้น ชาร์ลเองก็ควรจะโตขึ้นด้วย

Xavier : และในหลายปี ทุกๆอย่างยังคงเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งวันหนึ่ง…

Xavier ได้ใช้ตัวตนของเขาไปหา Matthew ตามปกติ แต่ Matthew กลับจับได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหน้านั้นไม่มีตัวตนจริงๆ พร้อมให้อีกฝ่ายแสดงตัวออกมา

Xavier จึงได้แสดงร่างที่แท้จริงของเขาออกมาให้ Matthew เห็นอีกครั้ง

Xavier : ชื่อของฉันคือ ชาร์ล เซเวียร์

Matthew : ทำไมคุณถึงต้องกลายเป็นบางสิ่งที่ไม่ใช่ตัวคุณเองด้วย?

Xavier : นั่นเพราะในตอนแรกที่พวกเราพบกัน เธอยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

Xavier : การโกหกเล็กๆน้อยๆนั่นจึงเป็นหนทางเดียวที่พวกเราจะพูดคุยกันเพื่อให้ฉันสามารถที่จะช่วยเหลือเธอจากสิ่งที่เธอเป็นได้…ก่อนที่เธอจะทำร้ายตัวเธอเอง หรือคนอื่นๆ

Matthew : แล้วผมเป็นอะไรล่ะ?

Xavier : เธอเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไงล่ะ แมททิว เธอรู้มั้ยว่านั่นหมายความว่ายังไง?

Matthew : ใช่สิ….เอ่อ ผมหมายถึง ใช่ครับ

Xavier : การคาดเดาที่เป็นไปได้ที่สุดในตอนนี้ก็คือเธอได้ดึงเอาพลังงานจากมิติอื่นมา และเมื่อเธอทำแบบนั้นมันก็จะก่อให้เกิดพลังงานที่จะทำลายล้างสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวของเธอ

Xavier : ในช่วงที่เธอเป็นเด็ก เธอไม่สามารถที่จะเข้าใจมันได้ ฉันจึงช่วยเหลือเธอเท่าที่ฉันจะทำได้

Matthew : แล้วผม…. มีพลังมากแค่ไหน?

Xavier : จากที่เห็น การที่เธอสามารถมองทะลุพลังโทรจิตของฉันได้ นั่นแสดงให้เห็นถึงระดับพลังโทรจิตของเธอที่ก้าวไปอีกขั้น ตอนนี้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้นความทรงจำเก่าๆของเขาก็ย้อนกลับมา

Matthew : ผมฆ่าครอบครัวของตัวเอง

Xavier : ใช่เธอทำลงไป

Matthew : แล้วผมทำสิ่งนี้กับขาของคุณด้วยเหรอ?

Xavier : เปล่า นี่ไม่ใช่เธอเป็นคนทำ

Matthew : ผมเคยฆ่าคนอื่นๆบ้างมั้ย?

Xavier : ฉันไม่แน่ใจ แต่ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก มันเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุทางธรรมชาติ

Xavier : และฉันขอโทษด้วยที่ฉันไม่อาจจะช่วยเหลือมากไปกว่านี้ได้ พลังของเธอนั้นอันตรายและรุนแรงเป็นอย่างมาก

Matthew : ผมไม่ต้องการพลังบ้านี่… เอามันไปจากผมที

Xavier : ฉันทำไม่ได้…

Matthew : โดยที่ไม่ต้องฆ่าผมเหรอ

Xavier : นั่นฉันก็ยิ่งทำไม่ได้

Matthew : ถ้างั้น… ผมให้สิทธิ์กับคุณเต็มที่ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรกับผมก็ตาม ลบความทรงจำของผมทั้งหมดซะ ทำให้ผมเป็นโรคความจำเสื่อม ทำยังไงก็ได้ให้ผมลืมเรื่องนี้ไปให้หมด

Matthew : ผมไม่อยากรับรู้เรื่องพวกนี้

Matthew : ตอนนี้พวกมันกำลังย้อนกลับมาหาผม ดังนั้นได้โปรด ทำให้มันหยุดที

Xavier : นั่งลงข้างๆฉันก่อน แมททิว

Xavier : และนับจากนั้นฉันก็ได้สร้างรูปแบบของพลังโทรจิตที่ใช้ในการปิดกั้นที่แข็งแกร่งขึ้นมาหลายชุด รวมไปปรับแต่งความทรงจำของเขา ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตธรรมดาต่อไปได้ และฉันก็เฝ้าจับตามองดูเขาจากสถานที่อันห่างไกล

Xavier : แต่ด้วยพินัยกรรมฉบับนี้ ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องของพวกเธอแล้ว เหล่านักเรียนและเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของฉัน และคำขอนี้เองนั้นฉันก็ขอให้พวกเธอยกโทษให้ด้วยสำหรับความเชื่อใจที่พวกเธอเคยมีให้ฉัน…

Xavier : .. แต่ในขณะเดียวกันฉันก็อยากจะฝากฝังให้พวกเธอดูแลเขาต่อไป

Xavier : สก๊อตต์ ซัมเมอร์ ฉันอยากให้เธอร่วมมือกับวูฟเวอร์รีนจัดทีมเอ็กซ์เม็นเล็กๆขึ้นมาสักชุดนึง ซึ่งรวมเอาราเชลหรือใครก็ตามที่มีพลังโทรจิตสูงที่สุดในตอนนี้เข้าร่วมด้วย…

Xavier : และฉันขอให้พวกเธอไปที่ไหนก็ตามที่แมททิวเรียกมันว่าบ้านของเขา ฉันอยากให้พวกเธอค่อยๆเข้าไปอย่างเงียบๆและอย่าให้ถูกจับได้ เพื่อตรวจสอบว่ากำแพงพลังจิตที่ฉันสร้างไว้นั้นยังคงแข็งแกร่งอยู่หรือไม่

Xavier : ถ้าหากพวกเธอสามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องพบปะกับเขา นั่นถือว่าพวกเธอได้ช่วยเหลือเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของพวกเรา เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่น่าสงสารไว้ได้แล้ว และทำให้ความปราถนาของชายคนนี้ได้กลายเป็นจริง

Xavier : หลังจากที่พวกเธอกลับมาจากภารกิจในครั้งนี้ ฉันจะให้ทนายของฉันทำการบอกพินัยกรรมส่วนที่เหลือให้พวกเธอได้ทราบ

Xavier: ได้โปรด ทำให้คนของเราปลอดภัย ไม่ว่าภารกิจนี้จะทำให้พวกเธอรู้สึกรังเกียจมันมากแค่ไหนก็ตาม แต่จงเชื่อฉันถอะ

Xavier : และฉันขอเป็นครั้งสุดท้าย จงมาหาฉัน เอ็กซ์เม็น!

และหลังจากที่ Xavier ได้กล่าวถ้อยคำของเขาจนจบ ภาพของเขาก็จากไป พร้อมกับบรรยากาศในห้องที่กลับสู่ความเศร้าอีกครั้ง แต่ใช่ว่าพวกเขาทุกคนจะติดอยู่ในห้วงอารมณ์นี้

Storm : แมททิว มัลลอย

Storm : มาหวังให้เราหาตัวเขาเจอโดยง่ายเถอะ

เรื่องนั้นคงไม่ต้องห่วง เพราะตอนนี้พวกเขาน่าจะหา Matthew เจอได้โดยง่ายอย่างแน่นอน….

โปรดติดตามตอนต่อไป…

4 thoughts on “Uncanny X-Men #25

  1. lsriiK

    เก่งยิ่งกว่าวันด้าหรือจีนอีกหรือเนี่ย

  2. Tatoo

    วันนี้เอ็งปากมอมมากบ็อบบี้ น่าจะโดนอีกซักเปรี้ยง
    เซ็งที่มันยืดเรื่องพินัยกรรมอีกล่ะ

  3. red eye

    จะเอาบักคนใหม่นี้มามีบทบาทขนาดไหนในอนาคตกันหว่า

    บ็อบบี้โดนจัดไปเบาๆ1ดอก กัดไปขนาดนั้นคงเหม็นหน้าสก็อตเกินทนละ

  4. Aone

    ตอนแยกจากวูฟแรกๆบ๊อบบี้ไม่ได้มีท่าทีโกรธสก๊อตซักนิด(ดูเปนคนที่เชื่อมั่นสก๊อตมากต่างจากบีส) สงสัยแกคงเคืองเรื่องPro.X จริงๆ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *