Inhumanity #1

Inhumanity #1

เรื่องโดย : Matt Fraction | ภาพโดย : Oliver Coipel

วางจำหน่าย : 4 ธันวาคม 2013

สำนักพิมพ์ : Marvel Comics

ภายหลัง Infinity, Attilan ล่มสลาย Terigenesis แพร่กระจายสู่โลก Inhuman ที่แฝงกายอยู่กับมนุษย์ถูกเปิดเผยตัวตน

บัดนี้ Kranak จะพาเราไปพบกับ จุดกำเนิดของเหล่า Inhuman และแผนการลับของ Black Bolt

ที่จะเปลี่ยนแปลงเหล่า Inhuman และจักรวาล Marvel อีกครั้ง

.

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

มันได้มีสถานที่อันงดงามล่องลอยอยู่เหนือมวลเมฆ

มันคือบ้านของเหล่าเทพเจ้า, ผู้ปกป้อง, เหล่านักรบ, วีรบุรุษ และผู้ถูกจารึกเป็นตำนาน

เหล่าผู้คนบนนั้นเรียกมันว่า Attilan มันคือบ้านอันทรงเกียรติของพวกเขา

และมันก็อาจจะเป็นบ้านอันทรงเกียรติของคุณ เช่นกัน…

แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่มันจะร่วงหล่น…

นครอันงดงาม ย่อมมีจุดจบที่งดงามเฉกเช่นเดียวกัน

และกับ Attilan ก็ไม่ต่างกัน

แต่เมื่อ Attilan ร่วงหล่น… ความงดงามของมันก็ถูกแพร่กระจายออกไป

Attilan กระจัดกระจายออกเป็นคลื่นที่ปกคลุมทั่วทั้งโลก…

และเธอก็ได้ปลุกให้เหล่าประชากรที่หลับไหลของเธอ ให้ตื่นขึ้นมา

การร่วงหล่นของ Attilan ได้เปิดเผย ว่าผู้ใดกันแน่ ที่เป็นมนุษย์อย่างแท้จริง…

…และผู้ใดกันที่เป็น อมนุษย์ (Inhuman)

Karnak : สูญสิ้นแล้ว สูญสิ้นแล้ว สูญสิ้นไปหมดแล้ว…

“Karnak คือหนึ่งในวงตระกูลชั้นสูงของเผ่าพันธุ์ Inhuman เขาได้รับพลังที่เป็นดั่งพรสวรรค์ ในการตรวจสอบว่า สิ่งใดคือ ความผิดพลาด, ข้อบกพร่อง และเป็นจุดอ่อน ของสิ่งต่างๆ”

“นอกจากนี้ เขายังได้รับพรสวรรค์เป็นวิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เหมือนกับที่ Inhuman คนอื่นๆ ได้รับพลังอันมหาศาล, ความว่องไว และความอดทน”

“แต่ตั้งแต่การร่วงหล่นของ Attilan เขาก็เอาแต่นั่งร้องไห้ และบ่นพึมพำ อย่างควบคุมไม่ได้”

Banner : เหมือนว่าจะเป็นงานของฉันนะ

Black Widow : ระวังตัวด้วยนะ ดร.แบนเนอร์

Banner : ผมระวังอยู่เสมอนั่นแหละ

Banner : คาร์นาค นี่ บรู๊ซ แบนเนอร์ นะ พวกเราเคยเจอกันแล้ว ครั้งนึง… แล้วนายรู้อะไรมั้ย นั่นมันไม่สำคัญหรอก ฉันมาที่นี่พร้อมกับ อเวนเจอร์นะ คาร์นาค

Banner : แล้วนี่มันอะไรกัน…? กระดูกหมาป่าที่ดูดุร้ายเหรอ? มันก็ดูไม่เลวนะ

Banner : นี่คู่หู นายจะว่าไง ถ้าพวกเราพานายกลับไปยัง ตึกอเวนเจอร์ และ…

แต่ก่อนที่ Bruce Banner จะพูดจบ Karnak ก็อัดเข้าใส่เรียบร้อย

Karnak : มันสูญสิ้นไปหมดแล้ว!

และพวก Avengers ที่เห็น Banner โดนอัด ก็กรุกันเข้าไปทันที

Kranak : พวกเจ้าไม่เห็นหรือไร? พวกเจ้าไม่เข้าใจอย่างงั้นหรือ?

Kranak : ว่าสิ่งคั่นระหว่างทั้งสองโลกไว้ ได้สูญสลายไปแล้วตลอดกาล… และตอนนี้ยุคมืดแห่งการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ก็กำลังก่อตัวขึ้นทั่วโลก…

Kranak : ข้าไม่ใช่ศัตรูของพวกเจ้า…

Kranak : …แต่ข้าไม่อาจจะถูกขัดขวางการทำงานโดยเหล่าเด็กๆเช่นพวกเจ้า

Kranak : ใครจะเป็นรายต่อไป?

และ Kranak ก็ซัด Black Widow กับ Ironman จนร่วงไป แต่เขาก็ต้องแพ้แก่ธนูสายฟ้าของ Hawkeye

Hawkeye : ตรงนี้น่าจะเป็นที่ที่มองเห็น Attilan ของนายได้

Kranak : ใช่แล้ว และมันยังคงเหลือร่องรอยความเกรียงไกรของมันอยู่

Kranak : ข้าขอขอบคุณเจ้ามากสำหรับทิวทัศน์จุดนี้

Hawkeye : หือ? อ้อ ไม่เป็นไรหรอก อืม…แล้วเจ้านี่ก็คือระบบป้องกันภัยของเรา ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ แค่กันไว้ก่อนน่ะ

Hawkeye : ว่าแต่นาย… รู้สึกดีขึ้นหรือยังล่ะ ครานาค? นายจะอยู่กับพวกเราไปนานแค่ไหน?

Kranak : เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวหรอก คลินท์ บาตั้น เพราะปราศจาก Attilan อินฮิวแมน จะไม่มีบ้านเรือน หรือมหานคร หรือราชา อีกต่อไป

Hawkeye : โอเค…แล้วนี่ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับพวกนาย? ฉันรู้แล้วว่า Attilan นั้นระเบิดจนแหลกเป็นชิ้นๆ… แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่านอนไม่ค่อยหลับอยู่ดี

Hawkeye : จริงๆแล้วที่ฉันอยากรู้ก็คือ เมื่อไหร่เรื่องบ้าๆพวกนี้จะจบลงซักที

Kranak : สำหรับเรื่องนั้น… มันไม่มีคำตอบที่ง่ายๆหรอก

และจากนั้น Kranak ก็เล่าถึงจุดที่มาของเหล่า Inhuman

“ในยุคประมาณ 25,000 ปีก่อน ได้มีผู้มาเยือนโลกเป็นครั้งแรก”

“และพวกเขาชอบสิ่งที่พวกเขาเห็น”

“พวกนักพันธุกรรมชาวครี ที่พบว่าเผ่าพันธุ์ของตนเองเริ่มมีความซบเซาทางพันธุกรรม และถูกทำลายล้างเผ่าพันธุ์จากพวกอื่น ได้ออกเดินทางไปยังดวงดาวที่มีอยู่นับไม่ถ้วน เพื่อเสาะหาร่างกายที่คิดว่าเหมาะสมกับที่พวกมันกำลังมองหาอยู่”

“พกมันได้ค้นพบโลก, จิตวิญญาณของเธอ และมนุษย์วานรที่แสนจะงุ่มง่าม ซึ่งเหมาะสมที่จะใช้เป็นห้องทดลองของพวกมัน”

“พวกมันลักพาตัวเหล่ามนุษย์วานรพวกนั้นไป”

“และจากนั้นพวกมันก็นำเมล็ดพันธ์ของมันใส่ไปในรหัสพันธุกรรมของมนุษย์นีแอนเดอร์ธาล เหล่านั้น และจากไปเพื่อจับตาดูว่ามันจะเติบโตขึ้นมาอย่างไร”

“แต่พวกมันไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่า พวกมันได้สร้างอะไรขึ้นมา”

“และมันต้องใช้เวลากว่าหลายศตวรรษ กว่าเหล่าเผ่าพันธุ์โฮโมเซเปี้ยน จะสามารถออกจากถ้ำ และไล่ตามเผ่าพันธุ์อินโฮโม ซูพรีมิส ที่ก้าวหน้ากว่าได้”

“อินฮิวแมน นามว่า แรนแดค ได้เข้ายึดครองสถานที่ที่พวกครีจากไป”

“พวกเขาได้ ผลักดัน, ตรวจสอบ, วิเคราะห์ และเรียนรู้”

“เขาเสาะหาอาวุธที่จะทำให้เหล่า อินฮิวแมน สามารถต่อกรพวกครี ซึ่งไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย”

“และมันก็เป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยข้อถกเถียงระหว่างกัน”

“ว่าสิ่งนี้มันจะไม่เติมเต็ม โชคชะตาที่พวกครี มอบให้อย่างงั้นหรือ?”

“มันจะไม่เป็นการปฏิบัติตามความปรารถนาของพวกครี งั้นหรือ?”

“สิ่งที่เกิดขึ้น สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในเผ่าพันธุ์ที่เคยรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน”

“แต่ แรนแดค ไม่เคยสนใจพวกครี ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด หรือความตั้งใจของพวกนั้นอยู่แล้ว”

“แรนแดค เชื่อว่าเขาสามารถที่จะชี้นำโชคชะตาของเหล่า อินฮิวแมน ได้…”

“…และต้องการให้พวกเขา เชื่อฟังเขา”

“จากนั้น แรนแดค ก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ด้วยสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมา ซึ่งถูกเรียกว่า เทอร์ริเกน มิสต์…”

“…มันได้ทำให้ร่างกายที่พัฒนาอย่างรวดเร็วของเขาไปถึงจุดสุดท้ายของการวิวัฒนาการ”

“มันเปลี่ยนแปลงเขาให้กลายเป็นสิ่งที่เทียบเคียงกับ พระเจ้า”

Hawkeye : โอเค สรุปแล้วนั่นคือสิ่งที่แพร่กระจายออกมาภายหลังการล่มสลายของ Attilan ใช่มั้ย? สิ่งที่ทำให้พวกนายได้รับพลังระดับยอดมนุษย์มา?

Kranak : ผิดแล้ว มันไม่ได้มอบพลังพิเศษให้เราหรอก คุณ บาร์ตั้น?

Kranak : แต่มันได้มอบชะตากรรมให้แก่เรา

Kranak : แรนแดค อาจจะเป็นคนแรกแต่คนสุดท้ายคือ พีทราส พีทราก้อน และเขามีอายุเพียงแค่ 9 ขวบ เท่านั้น

Kranak : และเขาเป็นบุตรชายของเพื่อนรักของข้า

“พ่อที่เข้าตาจนจากการที่นครของเขากำลังล่มสลายรอบๆตัวเขา ต้องการให้ลูกชายของเขามีสิ่งที่จะปกป้องตัวเอง เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆที่จะต้องพบเจอต่อไป…”

และ Gorgon ได้นำบุตรชายของเขามายัง วิหารที่เก็บ Terrigen Mist ไว้ แต่เด็กชายนั่นดูจะรู้ตัวว่าเขายังเด็กเกินไป

“เทอร์ริเจเนเซิส คือตัวเลือกที่เหล่าผู้คนของข้าเลือก… แต่นั่นคือเมื่อถึงวัยที่พวกเขาพร้อม มันเรียกได้ว่าเป็นพิธีกรรมก็ว่าได้”

“มันคือเส้นทางที่พวกเราบางคนเลือกที่จะก้าวเดินไป”

“และ พีทราส นั้นพูดถูก เขายังเด็กเกินไป และบางทีเขาอาจจะได้ยินความกลัวที่แทรกมากับเสียงของพ่อของตนเอง”

“และภายในวิหาร เมื่อเทอร์ริเจนเริ่มทำงาน อินฮิวแมน ที่ได้รับมันเข้าไป จะกลายร่างเป็นดักแด้”

“ที่ด้านนอกก็จะทำการควบคุมกระแสและการปลดปล่อยพลังงานของมัน”

“กว่าศตวรรษที่ผ่านมา กระบวนการขั้นตอนเหล่านี้นั้นมีการทำงานที่เสถียร และเชื่อถือได้ …แต่แท้จริงแล้ว มันก็คือแค่เกือบจะเชื่อถือได้…”

และเด็กชายก็กลายร่างไป เป็นบางสิ่งที่แม้แต่ Gorgon และตัวเขาเองก็จินตนาการไม่ถึง

Petras : ท่านพ่อ…เสียงของข้า…หัวของข้ามันรู้สึกเหมือน…

Gorgon : ชู่— ทุกๆอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น

Gorgon : จริงมั้ยล่ะ คาร์นาค?

Karnak : ข้าโกหก แต่อย่างน้อย เด็กชาย ก็มีโอกาสที่จะต่อสู้เพื่อความอยู่รอดต่อไป…

“…จากความตายที่ก้าวเข้ามาที่หน้าประตูบ้านของเรา”

“และความตายนั้นก็มาเพื่อตามหาเครื่องบรรณาการของมัน”

“การเดินทางหลบหนีจากสรวงสวรรค์ซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายก็เริ่มขึ้น…”

Medusa : เอลดราค จะส่งพวกเราไปที่ไหนกัน แม็กซิมัส?

“เอลดราค คือประตูมิติของ อินฮิวแมน ที่จะพาผู้ที่ก้าวข้าวผ่านมันไป มันไปยังสถานที่ที่มันคิดว่าต้องการพวกเขาที่สุด”

Maximus : สถานที่ที่ท่านไป …จะเป็นที่ที่ต้องการท่าน เมดูซ่า

“ซึ่งนั่นทำให้พวกเรานั้นดูจะเฉื่อยชากันเกินไป เพราะพวกเรามัวแต่คิดว่าการหลบหนีจะพาพวกเราไปยังสถานที่อันปลอดภัยร่วมกัน…”

Maximus : แต่พอท่านไปถึงนั่น ขอให้ท่านมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เพราะมันจะมีการแสดงโชว์ให้ดูสักนิดหน่อย

“แต่พวกเราคิดผิดไป”

“มันคือความผิดพลาดที่พวกเราทำเช่นนั้น และนั่นก็เป็นเพียงสิ่งแรกเท่านั้น”

“โอ ท่าน เมดูซ่า ราชินีของข้า”

“สถานที่ปลายทางของท่าน จะสร้างความกลัวอะไรให้แก่ท่านบ้างหนอ”

“แล้วเหล่าบริวารที่ก้าวข้ามประตูนรกนั่นไป เมื่อมองเห็นสิ่งต่างๆเช่นเดียวกับท่านแล้ว… พวกเขาหวาดกลัวหรือไม่? พวกเขาได้แสดงความกลัวออกมาหรือไม่?”

“เหล่าผู้สืบสายเลือดอันสูงศักดิ์ของท่าน ได้เสนอทางออกให้ท่านหรือไม่?”

“หรือพวกเขาเพียงแค่พูดกันด้วยเสียงอันดังเท่านั้น? แล้วมันทำให้ท่านสับสนหรือไม่?”

“และเมื่อท่านมองไปยังท้องฟ้า ท่านได้เห็นวาระสุดท้ายของอาณาจักรอันแสนวิเศษของท่านหรือไม่?”

“ท่านถูกบังคับให้เห็นบ้านของท่านและพระสวามีของท่าน ต้องสิ้นไปในชั่วขณะเดียวกันหรือไม่?”

“มันเป็น เจ้าธานอส ใช่หรือไม่ที่ทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้?”

“เป็น เจ้าธานอส ใช่หรือไม่ ที่ทำให้พระนางต้องมองเห็น ชีวิตของพระนางสลายเป็นประกายแสงและเถ้าถุลี”

Hawkeye : นายจะบอกว่า ธานอส ทำลายเมืองของนาย ทั้งๆที่มันอยู่บนนั้นเนี่ยนะ? ไม่ฟังดูบ้าไปหน่อยหรือไง

Kranak : ไม่หรอก ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายการลงมือของเจ้าทรราชนั่น

Kranak : เอาล่ะ พอแล้ว ข้าปล่อยให้ความรู้สึกมาครอบงำความคิดมากเกินไปแล้ว และทั้งหมดก็เป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้น และ ครานาค จะยอมรับเฉพาะความเป็นจริงเท่านั้น

Tony : ขอเถอะ… นายไม่มีการระดมความคิดบน Attilan หรือไงกัน? นายไม่เคยเอาความคิดเรื่องต่างมาหลอมรวมกันเพื่อดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างใช่มั้ย?

Tony : การคาดคะเน มันก็เหมือนกับ ศิลาฤกษ์ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ

Kranak : ไม่จริง การคาดคะเน มันก็เป็นแค่การแต่งเรื่องเท่านั้น

Tony : งั้นมาลองถกอะไรกับฉันดูสักประเดี๋ยวได้มั้ย มาช่วยฉันนึกดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกคนของนาย

Tony : พวกเรากระจัดกระจายไป ทั้งที่นี่…ที่นั่น…นอกโลก…ทุกหนแห่ง…

Hawkeye : เกือบตายอีกด้วย

Tony : อาฮะ

Tony : แล้วทีนี้ Attilan ล่มสลายได้อย่างไร? การที่มันถูกทำลายจะเป็นเพราะผลกระทบที่มันได้รับหรือเปล่า? หรือการที่มันถูกทำลายจะเป็นหนึ่งในแผนการวันสิ้นโลกนี่?

Kranak : …มันน่าจะเป็นเพราะ ราชาแห่งห้วงราตรี แบล็คโบลท์ และอนุชาผู้บ้าคลั่งของท่าน

“เพราะมันมีเพียงคลื่นเสียงประดุจดั่งสายฟ้าฟาดของ ท่านแบล็ค โบลท์ เท่านั้นที่มีพลังพอที่จะทำลายทั้งนครได้”

“แต่ส่วน แม็กซิมัส… มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่สามารถประดิษฐ์อาวุธ…และวางแผน…ที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้”

“ระเบิดไม่ใช่อุปกรณ์ที่เกิดการระเบิดเอง”

“และการล่มสลายของ Attilan ก็ไม่ใช่เป้าหมายในครั้งนี้ แต่มันเป็นผลกระทบจากการทำงานของอุปกรณ์เหล่านั้นต่างหากเล่า”

“มันคือระบบที่จะกระจายตัว เทอร์ริเจน ออกไป”

“แม็กซิมัส ได้มอบอาวุธที่จะทำลายล้างอาณาจักรของเขาเอง แก่ราชาของข้า”

“แต่มันก็เป็นการทำลายฐานที่มั่นของกองกำลัง อินฮิวแมน”

“และนั่นแทบจะเรียกได้ว่า หมัดของธานอส ได้บดขยี้ หัวใจของชาวเราไปแล้ว…”

Kranak : แต่การที่ แม็กซิมัส รู้ นั่นก็แปลว่า แบล็คโบลท์ ก็ต้องรู้ ดังนั้นความลับก็ต้องอยู่ที่ ราชาองค์ปัจจุบัน

และบัดนี้ illuminati ก็มากันครบองค์ เว้นแต่เพียง Black Bolt เท่านั้น

Beast : แล้วปริมาณของ เทอร์ริเจน ขนาดนี้มันเป็นไปได้ยังไงกัน? เพราะจากข้อมูล หมอกนี่เป็นพิษกับมนุษย์ไม่ใช่เหรอ แล้วยังกันการเปิดเผยนั่นอีก…

Kranak : นั่นมันไม่ใช่หมอก และนั่นก็ไม่ใช่มนุษย์ด้วย

Kranak : พวกเขาคือ อินฮิวแมน ที่ปะปนอยู่กับพวกเจ้ามาตลอด พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มมนุษย์ และเรื่องนี้มีเพียง ท่านแบล็คโบลท์ เท่านั้นที่รู้

Kranak : ตลอดเวลาที่ผ่านมา เหล่าอินฮิวแมน นั้นอยู่ในทุกหนแห่ง แต่ตอนนี้พวกเขาถูกปกคลุมด้วย เทอร์ริเจเนซิส ที่ถูกปลดปล่อยออกมา โดยไร้ซึ่งวิหารที่จะคอยควบคุมมัน และข้าก็ไม่คาดคิดว่า ท่านเมดูซ่า จะทราบเรื่องนี้ด้วย

Medusa : เจ้ากล่าวถูกแล้ว ข้าไม่รับรู้จริงๆ

Medusa : ครานาค เอ๋ย ข้าเหน็ดเหนื่อยและปวดร้าวที่จะต้องยืนอยู่ในงานพิธีศพมามากพอแล้ว จงหยุดทำตัวโง่ๆและลุกขึ้นมาเถอะ

Kranak : เมดูซ่า องค์ราชินี… ข้า ทำให้ท่านต้องผิดหวัง

Medusa : ข้าสั่งให้เจ้าลุกขึ้นนะ ครานาค… ผู้คนของเจ้า… อาณาจักรที่กำลังระส่ำระสายของเจ้า… ต้องการเจ้า และสติปัญญาของเจ้า

Medusa : ตอนนี้ ข้าขอให้เจ้าได้ใช้สติปัญญานั้น ไม่ใช่เพื่อหาจุดอ่อนของผู้ใด หากแต่เป็นเพื่อค้นหาความเป็นจริง

Medusa : บอกข้ามา แบล็คโบลท์ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?

Karnak : องค์ราชินี ข้า…

และจากนั้น Karnak ก็ครุ่นคิดด้วยสติปัญญาของเขา และเขาก็คิดอะไรได้

Karnak : แม็กซิมัส ต้องการราชบัลลังก์

“การทำลายมันไม่ได้ส่งผลดีอะไรกับเขาเลย”

“ต้องเป็น 2 พี่น้อง องค์ราชา และอนุชาผู้บ้าคลั่ง ที่ร่วมมือกัน”

เพราะการกระทำนี้ ต้องใช้ความมุ่งมั่นและการทำงาน ที่หนักหนาเกินกว่าที่คนเพียงคนเดียวจะทำได้”

“ถ้าจะให้คิดง่ายๆ เรื่องราวทั้งหมดนี้อยู่ในการคำนวณของ ท่านแบล็คโบลท์ ทั้งหมด”

“ท่านรู้ดี ว่าการเสียสละตัวเองให้แก่อุปกรณ์นี้ จะทำให้โลกกลายเป็นสวนที่พวกเราจะเติบโตขึ้น”

“ท่านรู้เรื่องทั้งหมดนี่”

“องค์ราชาองค์ปัจจุบัน พระสวามีของท่าน…”

“และจากจำนวนเหล่าอินฮิวแมน ที่ปลดปล่อยร่างที่แท้จริงออกมาด้วยคลื่นเทอร์ริเจนนั้น…”

“ย่อมแสดงให้เห็นว่ามันมีการแยกตัวออกไปเป็นจำนวนมากในช่วงประวัติศาสตร์ก่อนหน้านี้”

“และมันได้ถูกลบทิ้งออกไป ด้วยจิตวิญญาณแห่งความโกรธของเหล่าคนที่ยังคงรั้งอยู่”

“แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เลี่ยงไม่ได้ถ้าจะบอกว่า มันเกิดจากความผิดพลาดของข้อบกพร่องของ แรนแดค”

“และบางทีมันอาจจะเป็นเพราะ เทอร์ริเจเนซิส เอง ที่ทำให้ก่อให้เกิดรากฐานแห่งความแบ่งแยกนี้ขึ้น”

“สำหรับกลุ่มคนที่ยังคงคิดจะทำตามประสงค์แห่งชะตากรรมของพวกครีนั้น ได้คิดว่าหากมันเป็นการนำเอาสิ่งที่เลวร้ายจากภายในความมืดของตนออกมาแล้วล่ะก็”

“พวกเขาก็เลือกที่จะออกไปอาศัยอยู่ภายนอกสรวงสวรรค์แห่งนั้น”

“แต่การเดินทางนั้นก็ช่างยากลำบาก และเต็มไปด้วยความโหดร้าย”

“มันย่อมต้องเกิดอุบัติเหตุ และการละทิ้งคนที่ไปต่อไม่ได้”

“แต่มันก็ทำให้เหล่าผู้ที่รอดชีวิตต้องพยายามอย่างหนัก และนั่นทำให้พวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้น”

“พวกท่านลองจินตนาการถึงสภาพพื้นที่ที่เต็มไปด้วยซากศพ มันกลายเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับใครก็ตามที่คิดจะเข้ามายุ่งกับพวกเขา”

“ลองจิตนาการถึงพวกเขาที่อยู่บนยอดสูง แล้วมองลงมาดูพวกเราที่ทำเรื่องต่างๆโดยง่าย”

“เมื่อพวกเขาออกไปไกลจาก Attilan พวกเขาได้สร้างรากฐานใหม่”

“พวกเขาได้เตรียมสิ่งต่างๆไว้ ให้พร้อมถ้าหากสักวันหนึ่งผู้คนจาก Attilan ออกมาตามหาพวกเขา”

“และการที่พวกเขาหลบซ่อนตัวจากพวกเรามาได้เนิ่นนานขนาดนี้ เหล่าคนกลุ่มนี้ย่อมต้องเป็นกลุ่มคนที่ยอดเยี่ยมเป็นที่สุดเป็นแน่แท้”

“พวกเขาสมควรจะเป็น ผู้ที่อยู่รอด”

“แต่บางกลุ่มก็แยกตัวออกไป พวกเขาไม่คิดที่จะหลบซ่อนตัว”

“พวกเขาได้ขอลี้ภัยไปยังสถานที่ที่พวกเขาคิดว่าดีที่สุด นั่นก็คือในมวลหมู่มนุษย์”

“และจากนั้น ลูกหลานของพวกเรา และลูกหลานของมนุษย์ ก็มีลูกหลาน สืบต่อกันมาอีกหลายชั่วอายุคน”

“และจากหลายศตวรรษที่ผ่านมา ข้าแน่ใจ ว่าเมล็ดพันธุ์ของ อินฮิวแมน ได้กระจัดกระจายไปทั่วทั้งโลก”

“รอคอยประกายแสงแห่งความวินาศของ ท่านแบล็คโบลท์…”

Kranak : …องค์ราชินี…ท่านลองไตร่ตรองดูเถิด ว่าช่วงเวลากว่าแสนปี ระหว่างตอนนั้นจนถึงตอนนี้… มันอาจจะมีพวกเขาเป็นจำนวนหลายล้าน…”

Cap : หลายล้าน หรือหลายสิบล้าน และบางทีอาจจะมากกว่านั้น ใช่มั้ย ครานาค… แต่สิ่งที่เกิดขึ้นพวกนี้เกี่ยวอะไรกับ ธานอส และการล่มสลายของ Attilan?

Kranak : ท่านไม่เห็นจริงๆงั้นหรือ กัปตันผู้เก่งกาจของข้า? ธานอสต้องการหัวของบุตรแห่ง อินฮิวแมน ทุกตน…ด้วยจำนวน อินฮิวแมน ที่มากขนาดนี้ ท่านคิดว่ามันต้องการดาบจำนวนกี่เล่มกัน

Medusa : นี่เจ้าบังอาจ ใส่ร้ายองค์ราชาของเจ้าเองงั้นหรือ!

Kranak : ข้าไม่ได้ต้องการจะละเมิดท่านเลย องค์ราชินี แต่ข้าไม่ได้ใส่ร้ายใคร อย่างที่ข้าได้กล่าวไปแล้ว

Kranak : นี่คือสิ่งที่องค์ราชาของข้าได้กระทำลงไปแล้ว

Reed : นายบอกว่า แบล็คโบลท์ รู้มาตลอดว่ามันมี อินฮิวแมน ปะปนอยู่กับมนุษย์งั้นเหรอ?

Tony : และอุปกรณ์ที่ทำลายล้าง Attilan ก็ถูกออกแบบมาให้ปลุกพวกเขาขึ้นมา

Kranak : ข้ามองไม่เห็นความผิดพลาดในการคิดครั้งนี้เลย องค์ราชาของข้า ได้ทำลายล้างปราสาทของตน เพื่อจุดประกายไฟแห่งยุคใหม่ของอินฮิวแมน

Kranak : ท่านอาจจะเข่นฆ่าไปมาก แต่ก็ช่วยเหลือได้มากด้วยเช่นกัน

Kranak : และในตอนนี้ ท่านก็ยังคงหายตัวไปอยู่

Medusa : และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ ธานอส เชื่อว่าเขามีบุตรเป็น อินฮิวแมน ซึ่งนั่นก็จริง หากแต่ว่ามันไม่ได้อยู่บน Attilan

และนั่นก็ถูกต้อง เพราะ Karnak ได้คิดไว้แล้ว ว่าแม่ของ Thane นั้นน่าจะออกเดินทางไปยังอวกาศและพบรักกับ Thanos ก่อนที่สุดท้ายจะโดนมันไล่ล่า เพื่อเด็ดชีพบุตรคนสุดท้ายของมัน แต่เธอก็สามารถหลบหนีมาได้ และน่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านลึกลับของเหล่า Inhuman

Karnak : การทำลาย Attilan นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราเลย ท่านเห็นหรือไม่?

Karnak : ท่านแบล็คโบลท์ ไม่ได้จมอาณาจักรของพวกเราเพื่อปกป้องเหล่าอินฮิวแมนที่เกิดบนนั้น แต่ท่านทำการซ่อนหนามแหลมคมอันหนึ่ง ด้วยการเปิดเผยอันอื่นๆออกมา!

Medusa : ขออภัยด้วย อเวนเจอร์ เพื่อนของข้า เนื่องจากความไม่เข้ากันของพวกเราที่ถือกำเนิดบน Attilan และสภาพบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมลพิษของพวกท่าน… มันทำให้พวกเราไม่เป็นตัวของตัวเอง

Beast : เลิก เฉไฉเถิด ท่านหญิง… เพราะเขาพูดถูกแล้ว

Beast : สามีของท่าน… ได้ทำให้มวลมนุษย์เกิดสภาวะวิกฤตทางสภาพอากาศ ในอัตราส่วนที่แทบจะไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่ช่วงไข้หวัดใหญ่ระบาดในสเปน

Beast : และมันก็มี อินฮิวแมน กลุ่มใหม่เกิดขึ้นมาทั่วโลก และไม่มีใครรู้เลย ว่าควรจะต้องทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้…

Kranak : ท่านแบล็คโบลท์ ทำลายอาณาจักรของท่านเอง และทำให้เหล่าคนของท่านอยู่ในความสับสน

Kranak : แต่พวกเจ้ากลับหงุดหงิด ว่าสมควรจะทำเช่นไรกับพวกเรา… ช่างงี่เง่าจริงๆ

Kranak : แล้วเรื่องของบัลลังก์ล่ะ? ท่านแบล็คโบลท์ และแม็กซิมัส ต่างสิ้นไปแล้ว

และ Kranak ก็ใช้มือเปล่าๆกรีดกระจกจนเป็นรอย

Black Panther : นี่ฉันควรจะเตือนพวกนายหรือเปล่า ว่าเขากำลังวาดเขียนอะไรบนกระจกคริสตัลของวากานด้าด้วย เล็บมือเปล่าๆน่ะ?

Tony : ไม่เอาน่า ทิ’ชาลล่า ให้เขาพูดต่อไปก่อน เพราะเขาจะไปไหนได้? ในเมื่อเขาบินไม่ได้

Kranak : เมื่อปราศจากราชา พวกเราก็ต้องพึ่งพาองค์ราชินี

Medusa : แต่เอลแดรค ประตูนั่นแยกพวกเราออกจากกัน มันทำไปเพื่ออะไรกัน?

Medusa : กอร์ก้อนและทริต้อนอยู่ที่ไหน? และสุนัขของราชาล่ะ? เหตุใดพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่ และพวกเขาถึงไปอยู่ที่อื่น?

Kranak : เหล่าราชวงศ์อยู่ที่ใด และเหตุใดพวกเขาจึงต้องแยกจากมารดาของพวกเขา?

Kranak : แล้วเรื่องของบุตรชายผู้ถูกสาปของธานอสล่ะ? และยังเรื่องของ อินฮิวแมน กลุ่มใหม่ที่ปรากฏตัวขึ้นมาเรื่อยๆในทุกๆวัน?

และสิ่งที่ Kranak วาดก็คือสัญลักษณ์ของ Black Bolt

Kranak : จงดูเถิด

Kranak : มันคือการหลอมรวมสองสิ่งที่ไม่เข้ากันให้เป็นหนึ่งเดียว สิ่งที่เคยอยู่ร่วมกัน ตอนนี้ได้แยกออกจากกันและ…

Kranak : … โอ ไม่

Medusa : ครานาค… เกิดอะไรขึ้น?

Kranak : โอ องค์ราชินี องค์ราชินีของข้า… ข้ามองเห็นข้อผิดพลาดในทุกสรรพสิ่งแล้ว

Kranak : และข้าทำให้ท่านต้องผิดหวังเสียแล้ว องค์ราขีนีของข้า

Medusa : ไม่หรอก ครานาค ไม่ใช่เจ้า… แบล็คโบลท์ เขา… เพราะความกดดันของราชบัลลังก์ และความหนักของมงกุฎที่เขาสวมอยู่… เขาเลย…

Kranak : องค์ราชินี ท่านเข้าใจผิดแล้ว

Kranak : สิ่งที่ข้าเห็น นั่นก็คือ…

Kranak : สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เส้นแบ่งของความผิดพลาดของแห่งชะตากรรมของมวลมนุษย์…ข้ามองเห็นมัน องค์ราชินี

และสิ่งที่ Kranak เห็นก็คือ เหล่า Kree ที่ให้กำเนิดเขา, Thane บุตรแห่ง Thanos และ Inhuman ที่กำลังจะถือกำเนิดใหม่

Kranak : ท่านเห็นมันหรือไม่ การออกแบบและจุดด่างพร้อยอันร้ายแรงของมัน

Medusa : บอกข้าสิ ครานาค บอกข้ามาว่าเจ้าเห็นอะไร

Kranak : มันคือข้าเอง

และ Kranak ก็ใช้เล็บมือของเขาสะกิดไปยังกระจกที่เขากรีดไว้

และกระจกคริสตัลที่ Wakanda ภูมิใจก็แตกร้าวไปทั้งบาน

Cap : โทนี่…

Tony : กำลังพยายามอยู่… มันคือห้องขังที่ออกแบบมาเพื่อขัง ฮัลค์ ได้เลยนะ… เพราะแบบนั้นเลยล็อคมันเฉยๆไม่ได้ และ…

Medusa : ครานาค… ไม่นะ….

Kranak : องค์ราชินี ถ้าท่านอยากจะช่วยเหลือเหล่าอินฮิวแมนจริงๆแล้วล่ะก็… ท่านจะต้องลืมเลือนทุกๆสิ่งที่ท่านเคยคิดว่าท่านรู้ ปฏิเสธทุกสัญชาตญาณของท่าน และลืมเรื่องราวในอดีตให้สิ้น อีกนัยหนึ่งก็คือ ท่านต้องปลดปล่อยสิ่งต่างๆที่สูญเสียไปแล้ว

Kranak : แต่องค์ราชินี มันสายไปแล้วสำหรับข้า ที่จะเลิกเรียนรู้สิ่งต่างๆที่ข้าคิดมาตลอดทั้งชีวิต ช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วยความผิดพลาด

Kranak : และข้าก็ทำให้ท่านผิดหวังจนถึงท้ายที่สุด…

และ Kranak ก็เลือกที่จะโดดออกไปจากตึก เพื่อจบชีวิตของเขาเอง

“ความหวาดกลัว และความกลัดกลุ้ม แต่เมื่อบาเรียได้จางหายไป ครานาค ก็ออกเดินทางไปตามเส้นทางของเขา เส้นทางสู่โลกหน้า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

“อย่างที่คิดว่าฉันไม่สามารถรู้สึกช็อคได้จริงๆ แต่ฉันนิ่งเงียบเพราะความเลวร้าย”

“ฉันขยับไม่ได้ พูดไม่ออก”

และทาง Avengers ก็รีบไปดู Kranak และ Cap ก็พูดได้เพียงว่า

Cap : โอ้ พระเจ้าช่วย

Crystal : หนู….เขา… พวกเขาเป็น….

“อากาศ, อาหาร และน้ำ ของที่นี่ทำให้พวกเราเจ็บป่วย”

“โศกนาฏกรรมนี่อาจจะทำให้พวกเรามึนงง”

“แต่ความจริงก็คือ… สิ่งที่ทำให้ฉันหยุดนิ่ง ความคิดที่ทำให้หัวใจของฉันแทบจะหยุดเต้น…”

Crystal : พวกเราจะทำอย่างไรดีเพคะ องค์ราชินี?

“…นั่นไม่ใช่การสูญเสียสวามี, อาณาจักร หรือราชบัลลังก์อีกต่อไป…”

“…แต่มันคือการที่ฉันรับรู้ว่า ฝันร้ายของพวกเรานั้นเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น”

และบัดนี้ Kranak ได้จากไปแล้ว เป็นอีกหนึ่งการสูญเสียของราชวงศ์ Inhuman หากแต่ว่าความเลวร้ายอะไรกันที่เขามองเห็น และรอคอยเหล่า Inhuman อยู่

เล่มหน้า

ภายหลังจากอาณาจักรล่มสลาย, ราชาหายสาบสูญ ภาระอันหนักอึ้งก็ตกเป็นของ ราชินีแห่ง Inhuman

Medusa!

<—————————————————–>

เผยแพร่ครั้งแรกที่ : Bank-Comics For Fun

5 thoughts on “Inhumanity #1

  1. mr robot

    ว่าแต่พวก Eternals กับ Inhuman นี่พวกไหนมาก่อนกันละเนี่ย?……

  2. FreedomOne

    ฆ่าตัวตายซะงั้น แทนที่จะอยู่ช่วยๆ กัน -__-

  3. DOL

    ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ Black Bolt หวังเอาไว้กลายเป็นไม่เป็นไปตามหวังซะอย่างงั้น

    บอกตามตรงว่า ผมสนใจมากๆ เลยว่า สงครามสามฝ่าย
    ระหว่าง Inhuman เดิม Inhuman ใหม่ แล้วก็ พวก Kree มันจะเป็นยังไงน้อ แถมอิ Thane โผล่มาซะด้วย

  4. doc holliday

    พวก Eternals น่าจะมาก่อน Inhumans นะ เพราะสร้างโดยพวก Celestials เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว
    และเหมือนจะเป็นต้นแบบการดัดแปลงพันธุกรรมที่พวก Kree ใช้ทดลองจนเกิด Inhumans ขึ้นมาอีกที

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *