Earth-2 #10

Earth-2 #10 : The Tower of Fate : Part 1

เรื่องโดย: James Robinson | ภาพ : Nicola Scott | วางจำหน่าย : 6 มีนาคม 2013

สำนักพิมพ์ : DC Comics

Wotan ศัตรูเก่าของ Nabu ได้ปรากฎตัวขึ้นและบอกกล่าวเรื่องราวของเวทมนต์ และหมวกเกราะแห่งนาบู มันต้องการให้ Khalid และ The Flash นำหมวกเกราะมาให้แก่มัน อีกด้านนึง Alan Scott ได้ค้นพบความจริงเบื้องหลังการตายของ Sam แฟนหนุ่มของเขา

บทนำ อียิปต์ เมื่อ 2 ปีก่อน
ชายหนุ่มคู่หนึ่งที่เราคุ้นหน้ากำลังวิ่งหนีบางอย่าง

Kendra : ให้ตายสิ คาลิด ก้มหัวนายลงไป ให้มันต่ำพอที่จะทำให้นายมีชีวิตรอดต่อไปน่ะ

และ 59 นาทีต่อมา
Kendra ได้ปีกที่เธอชิงชังคู่นี้มา

Kendra : คาลิด…ฉันเพิ่งจะ… คิดไม่ออกเลย… มันเหมือนกับร่างกายของฉันมันเปลี่ยนไป… ฉัน… เจ้านั่น… มัน… ดูสิว่ามันทำอะไรกับฉัน

Khalid : ฉันก็ด้วย พูดตรงๆเลยนะ เค็นดร้า ฉันก็ด้วย…

Khalid : …แต่ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไรในตอนนี้

สิ่งที่ Khalid พบก็คือหมวกสีทองใบหนึ่ง ที่เปล่งรังสีอันน่าหวาดเกรง

Earth-2
Tower of Fate : Part 1

ภายในมิติของ Nabu

Woton : เอาล่ะไม่ต้องยืดเยื้อให้มากละกันนะ ฉันขอพูดเอาไว้ ณ ที่นี้เลยสำหรับสิ่งที่พวกเจ้าได้เห็นไป ใช่แล้ว เวทมนต์มีอยู่จริง

Wotan : และแก่นแท้ของมันก็คือพลังงาน ซึ่งก็คือสิ่งที่ค่อนข้างผิดหลักการของธรรมชาติ… วิทยาศาสตร์…หรือแม้แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง จากเหตุผลกลายมาเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล สิ่งที่เป็นลำดับกลับแตกแยกออกจากกัน ความสงบกลายมาเป็นความโกลาหล

Wotan : และทุกๆอย่างที่มันต้องใช้ก็คือพลังงานอันเป็นปริศนาของเจ้าสิ่งนี้—แก่นแท้—พรสวรรค์—ใช่แล้ว นั่นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นคำที่มีความหมายเหมาะสมที่สุดที่จะสื่อมันออกมาได้ …มันก็คือ การให้คุณค่าแก่ความสามารถของตัวเองเพื่อที่จะสร้างสรรค์ในสิ่งที่มหัศจรรย์เหนือล้ำยิ่งกว่าสิ่งไหนๆ

Wotan : และในกาลครั้งหนึ่ง ในช่วงยุคสมัยเก่าก่อนของอียิปต์ มันได้มีจอมเวทอาศัยอยู่ในยุคนั้น… และจากหลักฐานทั้งหมด เขาคือจอมเวทผู้เก่งกาจที่สุดแม้แต่การร่ายคาถา

Wotan : นาบู นั่นแหละคือนามของเขา …ชายผู้ใช้มืออันคล่องแคล่วของเขาที่มาพร้อมกับ “พรสวรรค์” กวัดแกว่งทำลายความขัดแย้งและความสับสน นำมาซึ่งความเป็นระเบียบ แต่สุดท้ายนาบูก็ต้องตายเหมือนกับทุกสรรพสิ่งที่ควรจะเป็น และพลังของเขาก็สาบสูญไป…

Wotan : …แต่ข้ากลับพบว่า… มันเหมือนจะถูกนำมาใช้ตามโอกาส… โดยเจ้าหนุ่มผู้ขลาเขลาและหวาดกลัวในพลังของนาบูจนโยนมันทิ้งไป และซ่อนมันไว้ในที่ที่จะไม่มีใครหรือสิ่งใดจะหามันพบ

Wotan : ชื่อของข้าคือ คาเรล โวตัน และแม้ข้าจะพูดถึงสิ่งนั้น… สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุถึงพลังของนาบู… แต่ข้าก็ยืนยันที่จะที่จะทำเช่นนั้น

แม่ของ Jay : เอาเถอะไม่ใช่ว่าฉันจะเชื่อในเรื่องที่คุณพูดออกมาหรอก เรื่องเวทมนต์หรือแม้แต่นาบบูอะไรนั่นน่ะ คุณ โวตัน

Jay : แม่ครับอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ไม่งั้นแม่จะทำให้มันเลวร้ายลงได้นะ

แม่ของ Jay : อย่ามาบอกให้แม่หุบหากจะ เจย์ แม่จะไม่ยอมอยู่เงียบๆแน่ เพราะพ่อตัวเขียนคนนี้ลักพาตัวพวกเรามา และแม่อยากจะรู้ว่าทำไม? และตอนนี้พวกเราอยู่กันที่ไหน?

Wotan : ได้เลย จริงๆข้าก็กำลังจะบอกเจ้าอยู่พอดีตอนที่เจ้ามาขัดจังหวะของข้า ท่านหญิง ถ้าอย่างงั้นข้าขออธิบายทุกๆอย่างเลยละกัน ที่แห่งนี้นั่นคือสถานที่ที่ถูกลบออกไป คุณนาย การ์ริค มันไม่ใช่ทั้งมิติอื่นๆ หรือแม้แต่สวรรค์ หรือนรก แต่มันก็เป็นพวกมันทั้งหมด ที่นี่คือสถานที่ที่เต็มไปด้วยเวทมนต์ และบางทีนั่นคงจะดีที่สุดแล้วที่พวกเจ้าจะเข้าใจได้

Jay : คุณ โวตัน ขอร้องล่ะ—คุณจะปล่อยแม่ของผมไปได้มั้ย ได้โปรดส่งเธอกลับไปเถอะ

Wotan : อย่างแรกเลยนะ ไม่ต้องมีคำว่า “คุณ” ชื่อของข้าคือ โวตัน และอย่างที่สอง แม่ของเจ้าต้องอยู่ที่นี่

Jay : แต่ที่นี่มันไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเธอเลยนี่

Wotan : เจ้าด้วยนั่นแหละ แฟลช เว้นแต่ว่าเจ้าจะเป็นผู้วิเศษ และนี่คือหนึ่งในเส้นทางที่เจ้าคิดจะก้าวต่อไป

Jay : จะใช้ฉันเป็นนักโทษน่ะย่อมได้ แต่สำหรับแม่ของฉันน่ะเหรอ? ไม่มีทางซ่ะล่ะ ไม่อยากจะเป็นแขกที่แย่จริงๆนะเนี่ย

พูดจบ Jay ก็พุ่งออกไปทันที

และเขาหมายจะวิ่งเข้าไปเล่นงาน Wotan หากแต่ว่าทางด้าน Wotan นั้นก็เตรียมการไว้แล้ว เขาร่ายเวทเสร็จก่อนที่ Jay จะถึงตัวจึงโดนเล่นงานไปตามระเบียบ

นอกจากนี้เขายังใช้พลังของเขาเล่นงาน Jay อีก

Wotan : นั่นมันเจ็บใช่มั้ยล่ะ คาถานี้มีชื่ออันหลังไหลว่า “คาถาเพลิงโกรธาจากดวงใจทมิฬ” ฉันคิดว่ามันต้องเจ็บปวดรวดร้าวแน่นอน

แม่ของ Jay : เจย์ ไม่นะ โวตัน ได้โปรด…

Wotan : เจ้าหนุ่ม ถึงแม้เจ้าดูสงบเรียบร้อย แต่ข้าเข้าใจแล้วว่าจริงๆแล้วเจ้าก็เป็นแค่คนโกหกหลอกลวง และข้าก็ไม่ใช่คนที่ดีอะไรนัก หรือถ้าจะให้พูดออกมาเป็นคำพูดที่แม้แต่พวกโง่ยังเข้าใจแล้วละก็…
Wotan : อย่า คิด จะ หือ กับ ฉัน

และ Wotan ก็โยน Jay ลงไปอย่างแรง

Wotan : และถ้ามันจะทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้วละก็นะ ข้าได้เวทเชื่อมต่อกับเจ้า และมันจะเปลี่ยนให้เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเรา และถ้าเจ้าจะอาสา… บอกข้ามาละกันถ้าเจ้าคิดว่าตัวเองใช้การได้…มากกว่าเป็นแค่ตัวประกัน

แม่ของ Jay : ตัวประกัน? จะเป็นตัวประกันไปทำไมกัน? นี่แกต้องการอะไรกันแน่ เจ้าตัวประหลาด

Wotan : ไม่จำเป็นต้องหยาบคายหรอกน่า หรือจะให้ฉันต้องพูดอีกครั้ง ว่านี่น่ะพวกเจ้ากำลังพอกับด้านดีของฉัน…ด้านที่เปรียบได้ดั่งแสงสว่าง…

Wotan : แต่ข้าเองก็มีด้านมืดเช่นกัน

Wotan พูดออกมาพร้อมกับใช้พลังเวทสร้างสัตว์ร้ายขึ้นมาข่มขู่พวกเขา

เมื่อข่มขู่เสร็จ Wotan ก็หันมาพูดกับ Khalid ถึงความสำคัญของเขาและหอคอยนั่น ซึ่งทำให้ Khalid ทราบได้ทันทีว่า Wotan หมายปองหมวกของเขา จากนั้น Wotan จึงบอกว่า Khalid คนนี้คือคนที่ถูก “ชะตากรรม” กำหนดให้รับสืบทอดพลังของนาบู

Khalid : “ชะตากรรม” ฉันล่ะเกลียดคำนั้นจริงๆ

Wotan : และข้าก็ผิดเองที่พูดถึงชะตากรรม สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นโอกาสนั่นจริงๆแล้วก็คือการออกแบบของจิตวิญญาณของนาบู ที่สัมผัสได้ถึงตัวตนของคาลิดในที่สุด จากการรอคอยอย่างยาวนานหลายศตวรรษ… สำหรับภาชนะที่เหมาะสมกับพลังของเขา

Wotan : แต่ยังไงก็ตาม มันก็ยังมีปัญหาอยู่ นั่นคือเมื่อระบบประสาทของคาลิดได้สัมผัสถึงพลังเวทของนาบู เขาก็ถูกพลังของมันเข้าควบคุมอย่างรวดเร็ว และอันที่จริง ข้าว่าควรจะให้เจ้าบอกกล่าวด้วยตัวเองจะดีกว่านะ คาลิด

Khalid : พลังของนาบูปรากฏอยู่ในรูปของหมวกวิเศษ และเมื่อฉันพยายามจะสวมมันลงไป จิตวิญญาณของนาบู… ทั้งความคิดและบุคลิกของเขาได้เข้าควบคุมร่างของฉัน

Khalid : ซ้ำร้าย เมื่อฉันถอดหมวกออก ฉันต้องเผชิญกับการเสียสติอย่างหนัก และมันไม่มีรูปแบบหรือแบบแผนใดๆกำหนดเลยว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่… แต่ที่ทำให้ฉันหวาดกลัวนั่นคือฉันอาจจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปจนหมดในสักวัน

จากนั้น Khalid ก็บอกว่าในจังหวะที่เขาสามารถที่จะควบคุมตัวเองและใช้พลังของ Nabu ได้ ก็ใช้พลังที่เขามีในการส่งหมวกใบนั้นไปยังที่ที่จะไม่มีผู้ใดพบเจอได้อีก และเขาได้ตัดสินใจที่จะสร้างบางสิ่งขึ้นมาเพื่อเก็บมันไว้ ซึ่งเขาสามารถเก็บมันไว้ที่ใดก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะทำตามที่เขาศึกษามา เขาได้สร้างหอคอยๆหนึ่งขึ้นมา ซึ่งมันมีอยู่หลากหลายชื่อ ทั้ง “หอคอยแห่งเทพเจ้า” หรือ “หอคอยบาเบล” และนอกจากนี้เขายังมีการสร้าง “สัตว์อสูรผู้แข็งแกร่งและดุร้ายที่สุด” ขึ้นมาคอยคุ้มกันหมวกเกราะใบนั้นไว้ด้วย ซึ่งถึง Nabu จะยังคงพูดคุยอยู่ในหัวของเขาบ้าง… แต่อย่างน้อยๆ หมวกเกราะใบนั้นก็อยู่ห่างจากเขาไปแล้ว

Khalid : หรืออย่างน้อยๆมันก็เป็นแบบนั้น ก่อนที่โวตันจะส่งฉันมาที่นี่

Wotan : ใช่ และนั่นแหละคือสาเหตุที่ข้าทำแบบนั้น นอกจากนี้ข้ายังมีกลุ่มสมาพันธ์เล็กๆ ที่ปราถนาจะได้ครอบครองพลังของนาบูอีกด้วย

Wotan : จริงๆแล้วข้าเองก็มีส่วนได้ส่วนเสียกับนาบูด้วยนิดหน่อย แต่นั่นมันนานมาแล้วและข้าไม่คิดว่าจำเป็นต้องเล่าให้พวกเจ้าฟังด้วย แต่อย่างไรก็ตาม หอคอยนั่นปฏิเสธตัวตนของข้า แต่โชคดีนัก ที่ข้าสามารถอ่านกระแสพลังเวทของผู้ที่ลงอาคมป้องกันมันได้ ว่าใครกันที่มันจะเปิดรับให้เข้าไปภายในนั้นได้

Wotan : และขอตัดบทไว้ก่อน ว่าแม่ของแฟลชนั้นไม่ได้รับอนุญาตแน่นอน แต่ช่างย้อนแย้งนัก เพราะสำหรับเจ้าแฟลชนั้นมันกลับตรงกันข้ามเลย พลังของเจ้าเป็นพลังเวทที่ได้รับมาถูกมั้ย… และด้วยกระแสพลังอันแปลกประหลาดนั้นทำให้เจ้านั่นสามารถเข้าไปกับแกได้

Khalid : ทำไมถึงเป็นเขาล่ะ และทำไมฉันต้องเข้าไปด้วย

Wotan : ก็เพราะข้าจะให้คุณนายการ์ริครออยู่ข้างนอกนี่กับข้ายังไงล่ะ และข้าจะสังหารเธอด้วยความยินดีเลยล่ะ ถ้าเจ้าคิดจะปฏิเสธข้า

Jay : ก็ได้ฉันจะเข้าไป และจะเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่อยู่ในนั้น ก็เพราะอย่างที่นายพูดไงล่ะ ฉันคือผู้วิเศษ

Wotan : โง่เง่าเอ๊ย, แกนี่มันเป็นเด็กที่โง่จริงๆ… แกคิดว่าแกจะต่อรองอะไรกับข้าได้งั้นหรือไง?

ว่าแล้ว Wotan ก็ยิงพลังใส่ Khalid กับ The Flash ทันที

และมันได้ส่งทั้งคู่เข้ามาในหอคอย Tower of Fate “หอคอยแห่งชะตากรรม”

เมือง อู๋ซี, มณฑล เจียงซู, ประเทศจีน

Alan Scott มาเยี่ยมหลุมศพของ Sam เดี๋ยวความเสียใจ และแสดงความเสียใจต่อ Mr.Zhao ที่เขาไม่ได้มาร่วมงานฝังศพของลูกชายของเขา แต่ตัว Mr.Zhao ก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาเลย

และภายหลัง Alan ในคราบ Green Lantern ก็ไปอาละวาดกับเหล่ามาเฟียในจีน

Alan : บอกฉันมา

ที่สุสาน

Alan : แต่ผมพลาดงานศพของลูกชายของคุณนะครับ

Mr.Zhao : ก็ใช่ บางครั้งงานศพของเรามันก็อาจจะใช้เวลากว่าสัปดาห์ และถ้าพวกเราทำแบบนั้นเธอก็อาจจะมีเวลามากกว่านี้ แต่แซมนั้นชอบอะไรที่มันง่ายๆ ฉันจึงทำในสิ่งที่คิดว่ามันดีที่สุด

Alan : ถ้าอย่างงั้น ผมต้องขอบคุณมากเลยครับ จริงๆแล้วผมไม่เคยคิดว่าคุณยอมรับในเรื่องของพวกเราเลย… หมายถึงแซมกับผม นั่นต้องขอบคุณมากจริงๆครับ ที่มาใช้เวลานี้กับผมและแซม

Mr.Zhao : ใช่แล้ว คุณสก๊อตต์ ฉันไม่ยอมรับมัน และไม่เคยคิดจะทำด้วย แต่จะให้ฉันบอกตัวเองว่า ลูกชายของฉันเป็นเกย์ เขามีชีวิตแบบนั้น และตายไปแล้วงั้นเหรอ แน่นอนว่าคำตอบของฉันมันยึดตามแบบแผนเก่า ว่าฉันไม่ใช่คนที่โหดร้ายอะไรแบบนั้น และฉันยอมรับว่าถึงฉันจะไม่ยอมรับความรักของพวกเธอ แต่มันก็แน่ชัดแล้วว่าเธอทำให้เขามีความสุขมากแค่ไหน

และที่รังของมาเฟียแห่งหนึ่ง Alan กำลังบ้าคลั่ง

Alan : บอกฉันมาว่าใครเป็นคนสั่งการลงมา และเพราะอะไร?!

ที่หลุมศพ

Alan : ผมรู้สึกเจ็บปวดมากจริงๆครับ มันคือความเศร้าโศกที่มาพร้อมกับความรู้สึกผิด และผมกลัวที่จะบอกมันกับคุณ… ผมกลัวว่าผมนี่แหละคือเป้าหมายของการระเบิดรถไฟในตอนนั้น และใช่ ผมยังมีชีวิตอยู่ในขณะที่แซมและเหล่าคนที่โชคร้ายและน่าสงสารไม่เป็นแบบนั้น

Mr.Zhao : ไม่ใช่หรอก คุณสก๊อตต์ เธอคิดผิดแล้ว ฉันอยากจะหาคำตอบให้ตัวเองมาตลอด… เกี่ยวกับสาเหตุของเรื่องนี้… และแม้จะด้วยความมั่งคั่งของฉัน จากสิ่งที่พวกนักสืบได้รวบรวมมาได้ มันกลับมีเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น แต่ข่าวลือเหล่านั้นมันกลับตรงกันอย่างเหลือเชื่อ

Mr.Zhao : ว่าเป้าหมายในครั้งนี้ไม่ใช่เธอ… แต่เป็นตัวแซมเองต่างหาก

และที่รังของพวกมาเฟีย

Alan ก็ยังคงไม่สามารถหาคำตอบเกี่ยวกับฆาตรกรได้เลย เพราะคนเหล่านี้ไม่รู้เรื่องอะไรแม้แต่น้อย

หลุยเซียน่า
Hawkgirl ทำการสังหารเหล่า Parademon จนหมดสิ้น

??? : ดูเหมือนเธอจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากฉันเลยนะ

Hawkgirl : ฉันรับรู้ถึงกลิ่นเซลล์ของพวกพาราเดม่อนพวกนี้จากกระแสลมที่พัดมาเมื่อไม่นานมานี้… และมันก็ใช้เวลาเล็กน้อยกว่าฉันจะหาพวกมันพบ และนั่นก็เป็นเพราะฉันสามารถหลบซ่อนตัวอยู่ได้แค่ส่วนนี้จากทั้งโลกก็เท่านั้น

Hawkgirl : และฉันไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับนายด้วยเลยนะ นายมาทำบ้าอะไรที่นี่กันแน่

จากทิศทางที่ Hawkgirl พูดถึง ประกายแสงสีเขียวก็สว่างขึ้น

Alan : ก็นะ คือ ตอนที่ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือของเธอน่ะ (ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันต้องพูดอะไรแบบนี้เลยจริง) แต่… ตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองคิดผิดไปแล้วน่ะ

พวก The Flash และ Khalid ยังคงเดินอยู่ภายในหอคอยแห่งนี้ และในระหว่าง The Flash ก็พูดถึงเรื่องราวที่เขาได้รับพลังนี้มาจาก Mecury ให้ Khalid ฟัง ก่อนที่จะเข้าเรื่อง Khalid นั้นจะเชื่อมต่อกับหมวกของ Fate ได้ยังไง แต่ Khalid ก็เปรียบเทียบได้แค่ว่า

Khalid : มันเหมือนกับตอนที่นายฟังวิทยุในขณะที่กำลังวิ่งผ่านภูเขานั่นแหละ นายจะต้องพยายามปรับจูนมันไปมาและบางทีอาจจะต้องเปลี่ยนช่องด้วย

แต่แล้วทั้งคู่ก็พบกับบางอย่างที่น่าตกใจเป็นที่สุด

Khalid : โอ้ เจย์

Jay : ใช่ ฉันเห็นแล้ว

Khalid : นั่นแหละที่ฉันพูดถึงก่อนหน้านี้

Khalid : สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งและดุร้ายที่สุด

เบื้องหน้าของ Khalid และ The Flash มันคือสัตว์ร้ายตัวสีแดงที่คอยปกป้องหอคอยแห่งนี้ไว้ เพื่อป้องกันผู้รุกรานไม่ให้อย่างกรายเข้าใกล้หมวกเกราะแห่งนาบูได้ แล้วพวกเขาจะสามารถผ่านมันไปได้หรือไม่

เล่มหน้า

Doctor Fate

และพรุ่งนี้เราจะได้เห็นการตัดสินใจของ Khalid ที่จะทำให้เขาเลือกที่จะสวมหมวกเกราะแห่งนาบูที่เขาเกลียดลงไป ว่าเพราะอะไรเขาถึงเลือกที่จะสวมมัน รอติดตามการเปิดตัวของ Doctor Fate ได้ในวันพรุ่งนี้ครับ

เผยแพร่ครั้งแรกที่ : Bank-Comics For Fun

5 thoughts on “Earth-2 #10

  1. SKDragon

    รอติดตามครับผม earth-2 เนื้อเรื่องเข้มข้นมาก

  2. DOL

    Doctor Fate กำลังจะมาแล้ว เย้ๆๆๆ

    ฮีโร่ตัวโปรดรองจาก Star Girl เลย

  3. com

    อ่านรวดเดียว 2 ตอนสนุกจริง ๆ ขอบคุณครับ

  4. mysterious

    อยากรู้จังถ้ากรีนแลนเทิร์นทั้ง2จักวาลมาเจอกันจะแถเรื่องแหล่งพลังที่ต่างกันยังไง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *