Red Lantern #12

DC Comic : Red Lantern 12 : Red Lantern Corps Rebirth!!!

เรื่อง : Peter Milligan
ภาพ : Miguel Sepulveda
วางจำหน่าย: 1 สิงหาคม 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics

ในช่วงเวลาวิกฤติที่สุดของเหล่า Red Lantern มันขึ้นอยู่กับ Atrocitus และ Rankorr แล้ว ในการจะรักษาชีวิตของคนในองค์กรเอาไว้ได้

.
.
.
เปิดฉากมาที่ดาวเคราะห์ Akimedes ในเขตอวกาศ 1939

Atrocitus ผู้นำของ Red Lantern กำลังถูกเล่นงานโดย Abysmus อดีต Red Lantern ต้นแบบที่เขาสร้างขึ้น ผู้ซึ่งได้ทำให้เกิดการบนเปื้อนใน Central Power Battery และทำให้ Red Lantern ทุกคนได้รับพิษจนใกล้ตายไปด้วย

ทว่าในครั้งนี้มันแข็งแกร่งและร้ายกาจกว่าเดิมมาก

Abysmus : ข้าสงสารท่านจริงๆ เพราะความโกรธแค้นของท่านมันคือทางตัน มันเป็นดุจดังเทพเจ้าจอมปลอม

Abysmus : เพียงเพราะข้ามีความโกรธแค้นไม่เพียงพอ ข้าก็โดนท่านกลบฝังลงในพื้นดินไปนานนับศตวรรต

Abysmus : แต่ในท้ายที่สุด ความโกรธของท่านมันก็ไม่ให้อะไรท่านเลย

Atrocitus ในตอนนี้นั้นอยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างที่สุด ทั้งโดนพิษจนใกล้ตาย อีกทั้งพลังงานของแหวนของเขาก็กำลังจะหมดลง เขาไม่มีโอกาสที่จะชนะ Abysmus ได้เลย

แม้ Dex-starr แมว Red Lantern จะพยายามเข้าช่วย แต่พลังของมันก็สู้ Abymus ไม่ได้

“ท่าทางที่เด็กซ์-สตาร์ร่วงลงไปนั่น”
“ดูไร้ชีวิต ราวกับตุ๊กตา”
“มันทำให้ข้าหวลนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนานแสนนานมาแล้ว”
“ที่ดาวเคราะห์ไรอัท วันที่พวกแมนฮันเตอร์มาที่เขตอวกาศ 666”
“ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า ตุ๊กตาถูกๆที่แสนรักของเธอ”
“ร่วงหล่นลงไป”
“ร่วงหล่นลงไปเรื่อยๆ”

Atrocitus : ข้า ส…สาบานว่าข้าจะความแค้นของข้าจะต้องได้รับการชำระ สาบานว่าเลือดของคนผิดจะต้องหลั่งริน ความโกรธแค้นของข้า…มันคือสิ่งที่จริงแท้ มันคือสิ่งที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง

“แม้แต่ตอนนี้ข้าก็ยังเห็นมันร่วงหล่นลงไปอยู่”

Atrocitus รวบรวมพลังทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่ แหวนพลังของเขาส่องแสงเรืองออกมา

Abysmus : โอ้! ข้าทำให้ท่านโกรธแล้วสินะ! แต่ท่านไม่เหลือความโกรธมากพอจะทำร้ายข้าได้หรอก

ทันใดนั้นเอง Atrocitus ก็หันแหวนขึ้นฟ้าแล้วยิงแสงออกไป?!

Abysmus : สัญญาณแสงงั้นรึ? ท่านใช้พลังสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ของท่านในการส่งสัญญาณของความช่วยเหลือเนี่ยนะ?

[คำเตือน ระดับพลังงานลดต่ำสู่ระดับอันตราย]

Abysmus : อโตรซิตัสผู้น่าสงสาร อโตรซิตัสผู้ทุกข์ทนและหลอกตัวเอง ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ? พวกเรดแลนเทิร์นของท่านมันตายหมดแล้ว เช่นเดียวกับความฝันของท่านนั่นแหละ พวกมันถูกพิษของข้า พวกมันจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ และสิ้นชีวิตไป

ตัดมาที่เขตอวกาศ 1418

Rankorr (Jack Moore) Red Lantern ชาวโลกกำลังอยู่ท่ามกลางซากศพของพวกพ้องของเขา

Rankorr : พวกนายต่างตายไปแล้ว แต่ฉันขอบอกอะไรให้ฟังนะ เหล่าพวกพ้องเรดแลนเทิร์นทั้งหลาย ว่าฉันอิจฉาพวกนายจริงๆ

Rankorr : ฉันพยายามจะยึดเหนี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “ความเป็นมนุษย์” ม…มันเป็นการต่อสู้ระหว่างความเป็นแจ็ค มัวร์ ก…กับแรนคอร์ ระหว่างมนุษย์กับเรดแลนเทิร์น

Rankorr : ถ้าเพียงว่าฉันสามารถเป็นเหมือนกับอโตรซิตัส ถ้าฉันสามารถเปิดใจรับความโกรธแค้นได้เหมือนกับเขา ต…ตอนนี้ที่ฉันต้องการก็คือ…

ทันใดนั้นเขาก็เห็นดวงแสงสีแดงพุ่งผ่านเขาไป

Rankorr : สัญญาณแสง…?

ที่อื่นๆในจักรวาล เหล่า Red Lantern ที่สูญสิ้นพลังต่างโดนเหล่าคนชั่วที่พวกเขาตามไล่ล่ารุมทำร้าย

ที่ Zamaron ดาวหลักของ Star Sapphires Corps

Star Sapphires Fatality กำลังพยายามเกลี้ยกล่อม Bleez ให้ทิ้งความเป็น Red Lantern และเข้าร่วมกับ Star Sapphires

หากว่า Bleez ทิ้งความเป็น Red Lantern และสวมแหวนพลังสีม่วง มันก็อาจรักษาชีวิตของเธอจากความปนเปื้อนของแหวนพลังสีแดงได้

แต่สำหรับพวก Red Lantern คนอื่นๆนั้น ในขณะที่ Atrocitus หายไปแบบนี้ การสูญเสีย Bleez ไปในสถานการณ์ที่พวกเขากำลังจะตายกันหมดแบบนี้ก็ไม่ผิดกับโดนคำพิพากษาประหารไปแล้ว!!

ตัดมาที่ Atrocitus

Abymus : พูดออกมาสิ พูดออกมาว่าความเห็นใจ และความรู้สึกอื่นๆนั้นมันดีกว่าความรุนแรงบ้าคลั่งของความโกรธแค้น

ทันใดนั้นก็มีบางอย่างพุ่งลงมาจากฟ้า

Abymus : เอ๋…?

Atrocitus : เจ้า! เจ้ามันเรดแลนเทิร์นชาวโลก…

Rankorr : ตอนนี้เหลือแค่บางส่วนเท่านั้นแหละ ข้าเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ แล้วก็…

Atrocitus : นี่เจ้า…เป็นคนเดียวที่ยังเหลืออยู่งั้นรึแรนคอร์?

Rankorr : ท…ท่านไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทางผิดหวังขนาดนั้นหรอก…

Abymus : ช่างน่าสมเพชเสียจริง เจ้าลากสังขารมาถึงที่นี่ เพียงเพื่อจะมาตาย

Rankorr : แกอยากให้เรดแลนเทิร์นตายงั้นเรอะ…?

Rankorr : งั้นข้าก็จะให้แกได้เจอกับเหล่าเรดแลนเทิร์นที่ตายไปแล้วเอง!!

สิ่งที่ออกมาจากแหวนของ Rankorr คือ “สิ่งก่อสร้าง” ที่ก่อรูปเป็นร่างของเหล่า Red Lantern ที่ตายไปแล้วที่เขาไปพบศพลอยกระจัดกระจายอยู่ในอวกาศก่อนหน้านี้นั่นเอง

Abymus : ข้ารู้สึกได้ ค…ความเจ็บปวดของพวกมัน ความกลัวของพวกมัน มัน…มันเป็นเพราะข้า พวกมันเป็นเหยื่อ…ของความโกรธแค้นของข้า

ตอนนั้นเอง Atrocitus ก็ลุกขึ้นมาจับหัวของ Abysmus เอาไว้

Atrocitus : เจ้าพูดถึงความเห็นใจ ทีนี้ลองมองดูผลที่เกิดจากการกระทำของเจ้าดูสิ

Atrocitus : พวกเรดแลนเทิร์นเหล่านั้นเคยทำอะไรกับเจ้ากันล่ะอบิสมัส? หืม? พวกนั้นสมควรจะต้องตายแบบนั้นงั้นรึ? ต้องถูกแผดเผาอวัยวะภายในร่างโดยพิษสีดำที่ร้อนแผดเผานั่นน่ะ?

Abymus : ม…ไม่…อึก…นี่มันมากเกินไป พ..พวกการ์เดี้ยนสัญญาว่าจะให้รางวัลข้าหากข้าฆ่าท่านได้ ส..สัญญาว่าจะคืนความรู้สึกเห็นใจให้กับข้า

Atrocitus : การ์เดี้ยนงั้นรึ?

Abymus : ต…แต่ พ…พวกนั้นให้ข้ามามากเกินไป มันกำลังฆ่าข้าเสียเอง

เมื่อเห็นว่า Abysmus อ่อนแรงลง Atrocitus ก็ไม่ยอมให้โอกาสทองเสียไป และแทงกรงเล็บเข้าไปที่อกของ Abysmus!!

Atrocitus : ข้ามีเรื่องอยากให้เจ้ารู้ สมัยก่อนที่ข้าจะสร้างเจ้าคนใจเสาะสารเลวอย่างเจ้าขึ้นมานั้น ข้าได้ทำพิธีทำนายเลือดเอาไว้ มันบอกให้ข้ารู้ว่าสักวันแบตเตอร์รี่ศูนย์กลางของเรานั้นจะถูกทำลาย…

Atrocitus : ข้าจึงได้ฝังบางสิ่งลงในตัวเจ้า ผลงานสร้างสรรค์ชิ้นแรกของข้า มันได้เติมโตอยู่ภายในนี้มานานแสนนาน และตอนนี้ข้าก็จะเก็บเกี่ยวมันซะทีล่ะ

แล้ว Atrocitus ก็ควักเอาก้อนวัตถุเรืองแสงสีแดงออกมาจากร่างของ Abysmus!!

Atrocitus : นี่คือ “เมล็ดพันธ์” ที่ข้าสร้างขึ้นมาจากเลือดของเหล่า “Four Inversions”

Atrocitus : พวกพ้องผู้เหลือรอดจากการฆ่าล้างเขตอวกาศ 666 เช่นเดียวกับข้า ที่ข้าใช้เลือดของพวกนั้นในการดึงเอาพลังของแสงสีแดงมาใช้งาน และในตอนนี้…เมล็ดโลหิตนี้…อาจสามารถใช้ช่วยชีวิตเหล่าเรดแลนเทิร์นได้ด้วย ข้าจะเอามันกลับไปยังยาซมาลต์ และใส่มันลงในแบตเตอร์รี่ศูนย์กลางที่กำลังจะดับลง เมล็ดโลหิตนี้จะมอบพลังให้กับแบตเตอร์รี่ในการจุดประกายขึ้นอีกครั้ง

Abymus : ด…ดูสิว่าความโกรธแค้นได้เปลี่ยนแปลงท่านไปเป็นเช่นไร… ก..ก่อนที่ข้าจะตาย…โปรดแสดงความรักต่อข้า หยุดความโกรธ…ที่บดบังดวงตาท่านอยู่…

Abymus : ท…ท่านจะทำเพื่อข้าได้หรือไม่ ท่านพ่อ?

แต่คำตอบของ Atrocitus ก็คือ…

Atrocitus : เด็กซ์-สตาร์เอ๋ย…ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว

เมื่อสิ้นคำสั่งของ Atrocitus เจ้าแมวก็แยกเขี้ยวกางเล็บเข้าใส่ Abysmus!!!

Abymus : อ๊า!!!!!!!

หลังจากนั้น ที่ Ysmault ดาวหลักของ Red Lantern Corps

“ดาวที่เป็นบ้านของเรดแลนเทิร์นได้กลายเป็นขุมนรกที่แปดเปื้อนไปด้วยพิษ”
“เต็มไปด้วยเสียงของสสารที่กำลังแตกสลาย และวิญญาณของผู้ที่สิ้นชีวิตไป”
“แต่ไม่มีอะไรจะหยุดอโตรซิตัสได้”
“บางที…อาจมีเพียงส่วนที่เหลืออยู่ของเหตุผลในฐานะมนุษย์ของข้า”

Rankorr : ท่านอโตรซิตัส รอก่อน!

Rankorr : เราสามารถจะทำให้มันจบลงได้ ทั้งความโกรธแค้นและความเจ็บปวดที่เราได้รับอยู่นี้ มันจะสำคัญขนาดไหนกัน…หากว่าเหล่าผู้สมควรถูกลงโทษไม่ได้รับโทษทัณฑ์…มันสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือกับการที่พวกคนบาปรอดพ้นจากความผิดไปได้น่ะ?

Atrocitus : เจ้าถามว่ามันสำคัญขนาดไหนงั้นรึ?

Atrocitus : มันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้วยังไงล่ะ

แล้ว Atrocitus ก็โยน “เมล็ดโลหิต” เข้าไปในซากของ Central Power Battery และทำให้มันส่องประกายขึ้นอีกครั้ง!!

และมันก็ส่งผลทันที พลังของเหล่า Red Lantern กลับคืนมาแล้ว!!!

รวมถึง Bleez ด้วย เธอปฏิเสธที่จะรับแหวนพลังสีม่วง

Bleez : ข้าจะไปจากที่นี่พร้อมกับเหล่าเรดแลนเทิร์นของข้า และข้าจะฆ่าทุกคนที่มาขวางทางข้า

Bleez : และข้าจะขอบอกอะไรให้รู้นะ…

ว่าแล้ว Bleez ก็ยิงเลือดเพลิงใส่แหวนพลังสีม่วงที่เกือบจะได้สวมลงบนนิ้วของเธอก่อนหน้านี้จนกระจุย!!

Bleez : สีม่วงมันไม่ใช่สีที่เหมาะกับข้าหรอก

ตัดกลับมาที่ Ysmault

“หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง การไหลเวียนพลังงานของแบตเตอร์รี่ศูนย์กลางดูจะช้าลง มันไม่ทำงานอย่างที่ควรจะเป็น”

Atrocitus : ไม่ ข้าจะไม่ยอมรับความล้มเหลว แบตเตอร์รี่ศูนย์กลางจะต้องทำงานสิ

ทันใดนั้น Rankorr ก็สังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง

Rankorr : ท่านอโตรซิตัส ดูนั่น

จากบนฟากฟ้า ปรากฎร่างของ Red Lantern มามากขึ้นเรื่อยๆ

Atrocitus : พวกนั้นกลับมาแล้ว

Rankorr : บางทีพวกเขาอาจเห็นสัญญาณแสงของท่านเหมือนกับข้า

“แต่ข้าก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่เหตุผลนั้น…”

Red Lantern : เรามาเพื่อส่งมอบเลือดของเหล่าคนบาปให้กับแบตเตอร์รี่ศูนย์กลาง

“มันคงไม่มีประโยชน์ที่จะถามพวกนั้นว่าทำไมจึงทำแบบนั้น มันดูจะเป็นว่าพวกเขาจะถูกดึงดูดมาที่นี่โดยสัญชาติญาณ ในขณะที่แบตเตอร์รี่ศูนย์กลางต้องการความช่วยเหลืออย่างที่สุด”
“ข้ารู้สึกได้ว่าชีวิตของข้ากลับคืนมา”
“และในตอนนี้เอง ข้าก็หยุดการขัดขืนที่ข้าทำมาตั้งแต่ตอนที่ข้าจากโลกมา”
“แจ็ค มัวร์ตายไปแล้ว ข้าคือแรนคอร์”
“ในขณะที่เรดแลนเทิร์นมาถึงมาขึ้นเรื่อยๆ ดุจดังผึ้งที่นำน้ำหวานกลับมายังรังของมัน ข้าก็เข้าใจว่าอโตรซิตัสคิดถูกต้อง”

“จักรวาลนี้ต้องการพวกเรา”

Atrocitus : ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาจนถึงตอนนี้…มันเป็นเพียงการเตรียมการสำหรับภารกิจที่จะมาถึง

Atrocitus : เหล่าคนผิดทั้งหลายกำลังรอคอยเราอยู่ แม้พวกมันจะไม่รู้ตัวเลยก็ตาม และบัดนี้ ด้วยอำนาจแห่งสัจจะของความโกรธแค้นทั้งมวล…

Atrocitus : เรดแลนเทิร์นจะเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

“แหวนของข้า…มันเป็นแค่ข้าคิดไปเอง หรือว่ามันจะ…พูดอะไรออกมาอยู่?

[ปล่อยข้าออกไป]

ขณะเดียวกันนั้น…โดยไม่มีใครรู้….

ที่ข้างใต้พื้นดินของ Ysmault…บางอย่างได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง…!!

{นานเหลือเกิน}
{เรารอคอยมานานแสนนาน}
{ถูกฆ่าอย่างทารุณ…เมื่อนานมาแล้ว}
{เลือดปีศาจของเรา…ถูกใช้อย่างผิดๆ…}
{บัดนี้ โดยไม่มีใครรู้ เหล่าอินเวอร์ชั่นได้เกิดใหม่อีกครั้ง}
{เราใช้พวกมันในการฟื้นฟูพลังของเรา}
{เราจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ}
{และเราจะรอให้เวลามาถึง…}

โปรดติดตามตอนต่อไป!!

12 thoughts on “Red Lantern #12

  1. genesis

    เรดแลนเทิร์นจบบทแรกที่เล่ม -*- ยาวจริงๆเลย แต่สนุกมากๆ

    green lantern Annual #1 นี่คือเล่มใหม่ใช่มั้ยครับ

  2. 13Hatesong

    สนุกมากๆ พี่อโตรยังเท่ และฉลาดเหมือนเดิม ศัตรูในวันข้างหน้า นักหนาแน่ๆ
    แต่จะเชียร์ต่อไป สู้ๆ

  3. Tatoo

    Abymus : ด…ดูสิว่าความโกรธแค้นได้เปลี่ยนแปลงท่านไปเป็นเช่นไร… ก..ก่อนที่ข้าจะตาย…โปรดแสดงความรักต่อข้า หยุดความโกรธ…ที่บดบังดวงตาท่านอยู่…

    Abymus : ท…ท่านจะทำเพื่อข้าได้หรือไม่ ท่านพ่อ?

    แต่คำตอบของ Atrocitus ก็คือ…

    Atrocitus : เด็กซ์-สตาร์เอ๋ย…ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว
    ^
    ^
    ^
    ฮามาก 5555

    ปล.พอเป็นชาวโลกเเล้วบทมันส่งจริง ๆ Rankoor เท่มาก

  4. St.Valentinus

    Rankorr หล่อโคตร

    ว่าแต่การ์เดี้ยน? หรือว่าจะเป็นพวก Third Army ที่กำลังจะเป็นอีเวนท์ใหญ่?

  5. Neet

    สงสัยอีเวนท์หน้ากาเดี้ยนจะโดนตบเกรียนแตกกระจายน่าดู

  6. Judas

    ท่านอโตรซิตัส โคตรเท่!!
    และแล้ว เหล่าแหวนแดงก็กลับมาอีกครั้ง!

  7. animalmaru00

    มันส์โคดๆ
    ชักชอบแหวนแดงมากกว่าแหวนสีอื่นแล้วซี่

  8. DOL

    การ์เดี้ยนโดนถล่มยก 7 สีแน่ ก่อวีรกรรมไว้ซะขนาดนี้

    แต่อยากรู้จริงๆ ว่าไอ้ตัวใต้ดินนี่ มาไงฟระเป็นเผ่าของ อโตรซิตัส ที่รอดชีวิต แล้วถูกฝังไว้รึเปล่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *