X-Men #141: Days of Future Past #1

X-Men #141 อนาคตที่เกิดขึ้นไปแล้ว
เรื่องและภาพ: Chris Claemont ร่วมกับ John Byrne
วางจำหน่าย: มกราคม 1981
สำนักพิมพ์: Marvel Comics

เปิดเรื่องมาในเมือง New York ที่มีแต่ซากปรักหักพัง เคท (Kate Pryde) เดินหอบหิ้วกล่องเครื่องหมายกาชาด กำลังเดินทางไปพบ โลแกน (Logan – Wolverine) ที่จุดนัด

ขอต้อนรับสู่ศตวรรษที่ 21
(ปีที่หนังสือเล่มนี้ออกคือ 1981 ดังนั้นฉากนี้คือนิวยอร์คในอนาคตนั่นเอง)

พอดูใกล้ๆ จะเห็นว่าเคทสวมปลอกคอแปลกๆ อยู่

เธอเดินผ่านเข้ามาในเขตอันธพาล แล้วเผลอตกกับดักไปเจอกับพวกที่ดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ แถมพวกมันก็เกลียดมิวแทนต์ซะด้วย

เคทใช้พลังมิวแทนต์ไม่ได้ เพราะปลอกคอนี้ควบคุมพลังไว้ แต่เธอก็ยังสู้เป็น ไอ้ตัวหัวหน้าโดนเตะผ่าหมากเข้าให้ เลยเรียกลูกน้องอีกสองมาช่วย

แต่ โลแกน โผล่มาสอยพวกมันไปเรียบร้อยแล้ว

ในยุคนี้ คือปี 2013 มนุษย์ถูกแยกเป็น 3 กุล่ม โดยมีสัญลักษณ์ติดตัว

H คือคนปกติธรรมดา สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และอนุญาตให้มีลูกได้
A คือคนธรรมดาที่มียีนส์กลายพันธุ์แต่ยังไม่แสดงออก พวกนี้จะถูกห้ามไม่ให้มีลูก
M คือมนุษย์กลายพันธุ์ ตั้งแต่มีกฎหมายควบคุมมนุษย์กลายพันธุ์ กลุ่มนี้ถูกตามล่าและฆ่าทิ้ง ตายไปนับล้าน ส่วนที่เหลือถูกจับอยู่ในค่ายกักกัน

เคทเดินทางมาถึงแคมป์ ซึ่งมี Sentinel เฝ้าประตูอยู่ เธอต้องอธิบายกับมันว่าทำไมมาถึงช้า หุ่นมีระบบตรวจสอบคำพูด เห็นว่าเธอพูดจริง จึงให้เธอเข้าไปได้ (มาช้าเพราะเจอพวกอันธพาล แต่ไม่ได้บอกว่าเจอโลแกน)

ทางเข้าแคมป์ เคทต้องเดินผ่านสุสานที่มีป้ายหลุมศพเรียงรายอยู่จำนวนมาก จากป้ายเท่าที่พอมองเห็น จะมี

จอห์นนี่ สตอร์ม – The Human Torch
เบน กริมม์ – The Thing
ซูซาน ริชาร์ด – Invisible Woman
ชาร์ล เซเวียร์ – Professor X
ลอร์น่า เดน – Polaris
รี้ด ริชาร์ด – Mr.Fantastic
สก็อต ซัมเมอส์ – Cyclops
บ๊อบบี้ เดรค – Iceman
วอร์เรน เวิร์ทธิงตัน – Angel
เคิร์ธ แวกเนอร์ – Nightcrawler
ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ – Spider-Man
แฮงค์ แม็คคอย – Beast

เคทมาสมทบกับพวกที่เหลือ เหล่า X-Men ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ มีเพียง 4 คน รวมเธอด้วย

โลแกน – Wolverine
เคท – Sprite
โอโรโร่ มันโร – Storm
ปีเตอร์ รัสปูติน – Colossus

ส่วนคนอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ X-Men) คือ แฟรงคลิน ริชาร์ด ลูกชายของ รี้ด กับ ซูซาน
และแฟนสาวของเค้า เรเชล ผู้มีพลังจิต และหัวใจสำคัญของภาระกิจต่อต้านเซนติเนลในครั้งนี้

   

เคทบอกว่าได้ชิ้นส่วนที่เหลือชิ้นสุดท้ายมาแล้ว คืนนี้จะเริ่มปฏิบัติการ โลแกนจะลงมือตอนเที่ยงคืน

ส่วนปีเตอร์นั้นก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ (ในยุคนี้ สองคนนี้เป็นสามีภรรยากัน)

แม็กนีโต (กลายมาตาลุงนั่งรถเข็นซะแล้ว) ก็ออกมาย้ำว่ายังไงก็ต้องทำ

ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรดีขึ้นแต่ก็คงไม่มีทางแย่ไปกว่านี้

ไม่งั้นมิวแทนต์หรือแม้แต่มนุษยชาติอาจต้องถึงจุดจบ ทุกอย่างขึ้นกับพลังของ เรเชล*     

ปีเตอร์กับเคทร่ำลากันซักพัก ทำให้เรารู้ว่านอกจากเพื่อนๆ ฮีโร่ที่ต้องตายเพราะ Sentinel แล้ว ยังรวมถึงลูกๆ ของทั้งคู่ด้วย

แฟรงคลินติดตั้งเครื่องกวนสัญญาณปลอกคอ เพื่อให้สามารถใช้พลังได้เต็มที่ให้ห้องนี้

ทุกอย่างก็พร้อม เรเชลเตรียมตัวใช้พลังจิตส่งเคทกลับไปหยุดยั้งต้นเหตุแห่งอนาคตอันมืดมนนี้

*Rachel Anne Summers ลูกสาวของ สก็อต กับ จีน ของอนาคตนี้
*ลุงแม็กนีโตเรียกโคลอสซัสว่า Piotr Alexandreivitch ซึ่งเป็นชื่อรัสเซียของ Peter Rusputin

ณ วันที่ 31 ตุลาคม 1980

เหล่า X-Men กำลังฝึกฝนอยู่ใน Danger Room คิตตี้ (Kitty Pryde – Sprite) เพิ่งเข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ ดันเผลอเข้ามาในห้องฝึก

แองเจิ้ล (Warren Worthington III – Angel) รีบบอกให้คิตตี้ใช้พลังเดินทะลุห้องออกไป

แต่คิดว่าไม่ทันการณ์ เลยจะบินไปช่วย

โลแกน (Logan – Woverine) ห้ามไว้ เพราะจะทำให้โปรแกรมของห้องสร้างอันตรายติดตามแองเจิ้ล ไปหาคิตตี้ด้วย

ไม่ทันแล้ว ระเบิดพุ่งไปหาสาวน้อย สตอร์ม (Ororo Munroe – Storm) ใช้พลังสร้างลมช่วยให้หลบระเบิดไปให้พ้นทาง

ปีเตอร์จะโผไปรับ แต่กลัวคิตตี้จะได้รับบาดเจ็บจากร่างเหล็กของตน เลยคืนร่างกลับเป็นปกติก่อน

เคิร์ธ (Kurt Wagner – Nightcrawler)  มากดปุ่มหยุดฉุกเฉินได้ทันก่อนแท่งเหล็กจะลงมาทับทั้งคู่ (สองคนนี้ถึงเนื้อถึงตัวกันตลอดเชียว)

คราวนี้เลยโปรแกรมห้องฝึกใหม่ ให้คิตตี้ได้ฝึกการบังคับพลังทะลุผ่านสิ่งของ

เธอผ่านการฝึกได้

แต่พอจะออกจากห้อง เธอถูกจิตมาปะทะ เธอก็ได้พบกับตัวเองที่สูงวัยกว่า โศกเศร้ากว่า ฉลาดกว่า แข็งแกร่งกว่า จิตเธอหลุดไป แล้วร่างก็ล้มลง

เหล่ารุ่นใหญ่ตกใจ นึกว่าการฝึกทำร้ายเธออย่างไม่คาดคิด เคิร์ธรีบใช้พลังเข้าไปเอาตัวคิตตี้ออกมา

ผลการสแกนร่างกายดูปกติดี แต่โลแกนพบว่ารูปแบบคลื่นจิตเธอไม่เหมือนข้อมูลเดิมที่เคยมี
เขาคิดว่าศาสตราจารย์เซเวียร์ หรือมอยร่า แม็คแท็กเกิร์ธ อาจจะช่วยให้คำตอบเรื่องนี้ได้

แล้วคิตตี้ก็ฟื้นขึ้นมา เธอกอดเคิร์ธอย่างดีใจที่ไม่ได้พบมานาน
ทำให้ทุกคนแปลกใจ

เคทย้อนเวลามาได้สำเร็จแล้ว
เธอบอกว่าเธอคือเคท ไม่ใช่คิตตี้แล้ว เธอมาจากอนาคต
เธอว่า สตอร์ม ในอนาคตก็บอกเธอไว้แล้วว่า สตอร์ม ในอดีตคนนี้ต้องไม่เชื่อเรื่องที่เธอพูดแน่

เรื่องก็คือวันนี้
วันฮาโลวีน ปี 1980 พวก Brotherhood of Evil Mutants จะลอบสังหารวุฒิสมาชิก โรเบิร์ต เคลลี่
พร้อมกับชาร์ล เซเวียร์ และมอยร่า
ผลของการลอบสังหารนี้ทำให้เกิดผลร้ายแรงต่อเนื่อง จากนี้ไปอีก 30 ปี โลกจะถูกทำลายด้วยนิวเคลียร์

เธอมาเพื่อหยุดยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้น

โลแกนเชื่อว่าเธอคือเคทจากอนาคตจริงๆ
ทุกคนรีบไปที่วอชิงตันทันทีด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของแองเจิ้ล (พี่แกรวยมาก)

ระหว่างอยู่บนเครื่อง เคทเล่าเรื่องราวในอนาคตให้ทุกคนฟัง
พวก Brotherhood ฆ่า สว.เคลลี่ เพื่อให้มนุษย์กลัวและยำเกรงมิวแทนต์
แต่แผนการนี้ย้อนกลับมาทำร้ายพวกมิวแทนต์ซะเอง
เพราะมนุษย์นั้นทั้งกลัวและเกลียดชังมนุษย์กลายพันธุ์

พอปี 1984 ผู้สมัคร ปธน. ที่เกลียดมิวแทนต์ได้รับเลือกตั้ง
ต่อมา กฎหมายควบคุมมนุษย์กลายพันธุ์ฉบับแรกก็ผ่านสภา
มีการเปิดการใช้งานหุ่น Sentinel ขึ้นมาใหม่
คราวนี้การกวาดล้างเริ่มต้น ไม่ใช่แค่เพียงมิวแทนต์เท่านั้น
เหล่าผู้มีพลังเหนือมนุษย์ทุกคน ทั้งฮีโร่และวายร้าย ก็โดนกำจัดไปด้วย

เคทเล่าไปก็สะเทือนใจ ยิ่งได้มาเจอทุกคนยังมีชีวิตอยู่แบบนี้ด้วย จนกลั้นน้ำตาไม่อยู่
เธอร้องไห้จนหายสะอื้นแล้วก็เล่าต่อว่าส่วนที่เหลือของโลกล้วนอยู่อย่างหวาดกลัว
ผู้คนกลัวเซนติเนลยิ่งกว่าที่เคยกลัวมิวแทนต์ จึงเกิดสงครามขึ้น

พวกเธอจึงคิดแผนการส่งจิตย้อนเวลากลับมาหาตัวเองในอดีตเพื่อนแก้ไข

เคทถูกเลือก เพราะในยุคนี้ เธอยังเป็นเด็กใหม่
และยังไม่ได้ฝึกป้องกันการโจมตีทางจิต
ส่วนตอนนี้ ที่อนาคต วูฟเวอรีนคงกำลังช่วยพาทุกคนหนีอยู่

ตัดกลับไปที่อนาคต เมืองนิวยอร์ค ปี 2013

โลแกนกำลังพาทุกคนหลบหนีมาในทางน้ำใต้ดิน
ปีเตอร์อุ้มร่างเคทมาด้วย พลางบ่นว่าน่าจะพาแม็กนีโตมาด้วยกันได้
แต่โลแกนก็บอกว่า แม็กนีโต รู้ดีว่าถ้ามาจะเป็นตัวถ่วง เลยอาสาช่วยป้องกันทางหนีให้
แต่พวกหุ่นเซนติเนลก็ตามมาทันจนได้

*จุดนี้เป็นครั้งแรกที่มีการเรียก แม็กนีโต ว่า แม็กนัส  (Magnus)

แฟรงคลินจบชีวิตไปเป็นคนแรก
เรเชลแทบใจสลาย แต่สตอร์มเตือนสติไว้ เพราะทุกคนยังต้องการเธอ

เรเชลเปิดฉากสู้ ยิงพลังใส่หุ่นยักษ์นักล่าไร้จิตใจ
สตอร์มก็บังคับสายฟ้ายิงใส่
โคลอสซัสกับโลแกนงัดท่าไม้ตายเก่าแก่ออกมาใช้อีกครั้ง Fast Ball Special

 ปีเตอร์โยนโลแกนใส่เซนติเนล
อย่างที่ไนท์ครอว์เลอร์เคยว่าไว้ บินไปเลย “Up, up, and away!” (คุ้นๆ นะ)

กรงเล็บและกระดูกอะดาแมนเที่ยมของเขาแข็งแกร่งกว่าร่างหุ่นยนต์ที่ทำด้วยโลหะออมเนี่ยม
โลแกนจึงเฉือนมันได้สบาย เปิดช่องให้สตอร์มยิงสายฟ้าเข้าไปทำลายวงจรสมอง

แต่เซนติเนลมันยังมาเพิ่มเรื่อยๆ ปีเตอร์ตัดสินใจพังตึกไปทับพวกมัน

สตอร์มนำทัพต่อ เตรียมตัวไปบุกตึกแบ็กซ์เตอร์บิลดิ้งที่เป็นฐานบัญชาการควบคุมหุ่นพวกนี้
ปีเตอร์ได้แต่อวยพรให้เคทอยู่ในใจ

กลับมาที่ วันที่ 31 ตุลาคม 1980 กรุงวอชิงตันดีซี ที่เพนตากอน

เรเวน ดาร์คโฮล์ม แฝงตัวทำงานอยู่ที่นี่กับ รมว.กลาโหม ทำให้สามารถเข้านอกออกในได้สบาย
โดยไม่มีใครรู้ว่าเธอคือ Mystique มิวแทนต์ที่สามารถแปลงโฉมเป็นใครก็ได้

ตอนนี้ เธอคือผู้นำของ Brotherhood of Evil Mutants ที่ตั้งขึ้นใหม่ มีสมาชิกคือ

Destiny สาวใหญ่ตาบอดที่สามารถมองเห็นภาพอนาคต คนเดียวที่มิสทีคเรียกว่าเพื่อน
Avalanche ผู้มีพลังสลายวัตถุต่างๆ และสร้างคลื่นบนพื้นราบได้
Pyro ผู้ควบคุมไฟ
Blob เจ้าอ้วนผู้มีร่างกายแข็งแกร่งแบบยืดหยุ่น ที่เพิ่งแหกคุกมาจากเล่มก่อนหน้านี้

มิสทิคถามเดสตินี่ว่าอนาคตที่เธอเห็นเป็นยังไง
เดสตินี่บอกว่ามันไม่ชัดเจน มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อแผนการของกลุ่มเธอ
และบอกว่าบล๊อบไม่ค่อยชอบใจที่มิสทิคเป็นผู้นำกลุ่ม
เพราะบล๊อบ เคยอยู่กลุ่มเดิมของแม็กนีโตมาก่อน

หนุ่มใหญ่ใจร้อนทั้งหลายก็หวิดจะฟาดปากกันเอง

มิสทิกบอกให้ทุกคนหยุด เธอยอมรับว่าเธอไม่ใช่แม็กนีโตแต่ถ้าล้ำเส้นกัน เธอก็จะไม่ปรานี
และสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมจู่โจม

ที่ตึกวุฒิสภาสหรัฐ

สว.เคลลี่ กำลังยืนพูดในที่ประชุม โน้มน้าวถึงอันตรายของมิวแทนต์
โดยยืนยันว่าไม่ใช่การล่าแม่มด แต่เพื่อค้นหาความจริงและควบคุม
เพื่อความปลอดภัยของมนุษยชาติ
พูดน้ำท่วมทุ่งจนโดนเตือนให้เข้าประเด็น
มอยร่าแอบกระซิบกับชาร์ลให้ควบคุมจิตใจมันซะเลย
ชาร์ลกระซิบตอบว่าใจเย็นหน่อย อย่าทำให้คนเค้ากลัว

ชาร์ลรับรู้ได้ว่าพวก X-Men มาที่นี่ เลยส่งพลังจิตไปถาม Storm ว่ามีปัญหาอะไร
เพื่อความรวบรัด ชาร์ลให้สตอร์มปล่อยจิตให้เค้าเข้าไปดูเอง

พอชาร์ลรู้เรื่องทั้งหมดจากสตอร์ม เขาจึงเปลี่ยนไปอ่านใจคิตตี้
พอรู้เรื่องทั้งหมด ชาร์ลถึงกับหน้าถอดสี

ขณะเดียวกันนักข่าวก็สังเกตเห็นวอร์เรน (แองเจิ้ล) เศรษฐีหนุ่ม ตากล้องรีบหันไปบอกให้เรียก “Lois” มาติดต่อสัมภาษณ์ด่วนเลย (พวกเอ็งมาจาก Daily Planet กันสินะ)

มอยร่ากำลังเถียงกับ สว.เคลลี่ ว่าไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกังวล
เคลลี่บอกว่าต้องกังวล พร้อมยกตัวอย่างวายร้ายอย่าง ดร.ดูม หรือ แม็กนีโต
รวมทั้งฮีโร่อย่างสี่กายสิทธิ์ และเหล่าอเวนเจอร์
แถมยังอ้างถึงการที่มนุษย์นีแอนเดอธัลคนสุดท้ายต้องหมดไปพร้อมการมาถึงของยุคมนุษย์โครมันยองคนแรก

เถียงๆ กันอยู่ ผนังห้องก็ถล่ม ด้วยฝีมือ Avalanche

มิสทิคก็บอกว่าคำตอบมันก็อยู่ในคำถามเกี่ยวกับมนุษย์โครมันยองกับมนุษย์นีแอนเดอธัลนั่นแหละ
(Homo-Superior ซึ่งเหนือกว่า Homo-Sapien ย่อมครองโลกได้ในที่สุด)

*เจ๊พูดงี้คนเค้าก็ยิ่งเกลียดกลัวพวกเจ๊น่ะเซ่ะ! -_-“

ก่อนที่ อวาแลนเช่ กับ บล๊อบ จะเปิดฉากลุย ก็มีสายฟ้าฟาดมาขวาง

ในที่สุด มนุษย์กลายพันธุ์สองทีมก็เตรียมจะปะทะกัน

The New Brotherhood of Evil Mutants vs. New X-Men

  
คุยกันท้ายเล่ม

จบเล่มแรกครับ รีบปั่นมาเกาะกระแสหนังที่กำลังเข้าฉาย หนังสนุกครับ ลองไปดูกันนะ ^_^
ซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีว่าความแตกต่างกันของคอมมิคกับหนัง
คือในหนังจะใช้ วูฟเวอรีน เป็นคนที่ถูกส่งให้ย้อนเวลาไป
และมีการรวมทีมกันเพื่อป้องกันต้นเหตุของเหตุการณ์ที่จะทำให้ Sentinel เป็นภัยร้ายแรงในอนาคต

เล่มนี้เป็นครั้งแรกที่เปิดตัว Rachel Summers หรือ Rachel Grey
ซึ่งภายหลังได้มามีบทบาท อยู่ใน X-Men ยุคปัจจุบันของจักรวาลหลัก (Earth-616)
ก็คือคนเดียวกันนี่แหละครับ เธอได้ข้ามมาจากอนาคตนั้น
ซึ่งมาร์เวลจัดให้เป็น Earth-811

ส่วน Sentinel นั้นมีมาก่อนนานแล้ว โดยการสร้างของ Bolivar Trask
ซึ่งสละชีวิตยอมตายไปแล้วในเหตุการณ์ที่ร่วมกับ X-Men หยุดยั้ง Sentinel Master Mold
(แต่ Larry ลูกชายของ Bolivar กลับแค้นพวก X-Men เพราะคิดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อต้องตาย)

X-Men ทีมนี้เป็นรุ่นที่ 2 เพราะหลังจากเหตุการณ์ Dark Phoenix จีน เกรย์ ก็ตายไป
ไซคลอปส์ก็ออกจากโรงเรียนไปในเล่ม #138 และ คิตตี้ ไพรด์ ก็เพิ่งมาเข้าโรงเรียน
พอเล่ม #139 คิตตี้ก็ได้โค้ดเนมว่า Sprite
ตอนแรกเซเวียร์ตั้งให้ว่า Ariel แต่ดูเธอไม่ค่อยชอบนัก
Storm ก็เลยตั้งชื่อ Sprite ให้แทน
เล่ม #140 ออกปฏิบัติการเล็กน้อย พอมาเล่มนี้ #141 ก็ได้บทส่งให้เป็นตัวละครสำคัญเลย
ส่วนโค้ดเนมปัจจุบัน Shadowcat นั้น มาใช้ภายหลังที่เธอเติบโตขึ้นมาก
และได้วิชานินจา จากการโดนวิญญาณปิศาจนินจา Ogun เข้าสิงอยู่ช่วงหนึ่ง

หวังว่าจะสนุกกันนะครับ 😉

 

ตอนต่อไป ติดตามอ่านได้ที่ Thai Spoil Comic เลยครับ แปลไว้ดีเลยทีเดียว 😉
X-Men: Days of Future Past ตอนจบ

 

6 thoughts on “X-Men #141: Days of Future Past #1

  1. genesis

    โอขอบคุณมากครับ มีสรุปเนื้อหาให้ด้วย กว่าผมจะได้ดูก็วันอาทิตย์เลยต้องหลบสปอยไปก่อน

    ได้เห็นคุณ doc holliday กลับมาทำสปอยอีกครั้ง ดีใจจริงๆ

  2. junior

    รีบๆมาต่อนะครับ สนุกมากๆเลย
    ขอบคุณมากคร้าบ

  3. Junior

    รอตอนต่อไปอยู่นะคร๊าบ สนุกมากๆ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *