Ultimate Comics Spider-Man #1

Ultimate Comics All-New Spider-Man #1 : แมงมุมหมายเลข 42

เรื่อง : Brian Michael Bendis
ภาพ : Sara Pichelli
วางจำหน่าย: 14 กันยายน 2011
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics

ย้อนประวัติความเป็นมาของ ไมล์ส โมราเรส ผู้ที่จะสวมหน้ากากสไปเดอร์แมน

สิบเอ็ดเดือนก่อน

ชายทั้งสองคนได้จับตามองผลของแมงมุมสายพันธุ์ Arachne หมายเลข 42 ที่ได้อาบสูตร Oz เข้าไป
ไม่นานหลังจากวิเคราะห์เสร็จ ออสบอร์นก็ได้เอาแมงมุมขึ้นมาไว้ที่หลังฝ่ามือ และได้เล่าตำนานอาเธน่ากับหญิงสาวนักทอฝ้ายให้ Dr.Markusฟัง

Norman Osborn : นายเป็นคนชื่นชอบเทพนิยายกรีกรึเปล่า? ด็อกเตอร์มาร์คัส

Dr.Markus : เปล่าครับ คุณออสบอร์น

Norman Osborn : เคยได้ยินตำนาน Arachneไหมล่ะ?

Dr.Markus : มมมไม่ครับ

Norman Osborn : เรื่องราวต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับอาเธน่า ดูเหมือนหล่อน เธอ จะได้ข่าวคราวมนุษย์เดินดินอย่างเราๆ นายกับฉัน (ก็นะ คนอย่างนาย)
คนที่จะมาเป็นนักปั่นฝ้ายได้ดีกว่าอาเธน่าเสียอีก

Dr.Markus : นักปั่นฝ้าย?

Norman Osborn : นักปั่นฝ้าย คนทอผ้าไง

Norman Osborn : อาเธน่าคงอยู่ไม่สุขแน่หากได้ยินเรื่องนี้เข้า แน่ๆเลย ดังนั้นหล่อนก็เลยลงมายังโลกแล้วก็ทำลายผู้หญิงที่ได้สร้างสรรค์ผลงาน
เมื่อมนุษย์สตรีหญิงคนนี้ ตาสว่างพบว่าเธอถูกกล่าวหาโดยพระองค์เองและผลงานทุกชิ้นที่ทำมาตลอดทั้งชีวิตของเธอก็เลยโดนทำลายบ่นบี้ไม่เหลือซาก… เธอก็เลยฆ่าตัวตาย แต่อาเธอน่าเกิดความสงสารต่อเด็กสตรีคนนี้เข้า อาเธน่าก็ลงมาแตะหน้าผากเธอ แล้วร่ายเวทมนตร์กระถาคืนชีพอย่างไหลหลื่น และได้กล่าวว่า “เจ้าจะไม่ตายในวันนี้ Archne เจ้าคือนักปั่นฝ้ายผู้เก่งกาจ เจ้าจะกลายร่างไปเป็นสิ่งที่เจ้าจะถักใยได้ตลอดกาล”  หลังสิ้นคำของอาเธน่า  Archne เธอก็ได้หดตัวลงและก็มีขนดกดำ จมูก หูทั้งสองข้างเป็นอย่างแรกที่อันตรธานหายไป… จากนั้นเล็บมือก็ได้เปลี่ยนเป็นเท้า  ส่วนที่เหลือไว้ก็ได้เปลี่ยนเป็นร่างของเธอ แล้วก็เธอถูกทิ้งไว้ให้ปั่นใยของเธอ หญิงสตรีได้กลายร่างเป็นแมงมุมที่สวยงาม ชั้นอยากให้นายเป็นอาเธน่า เดี๋ยวนี้เลย

Dr.Markus : ขอประทานโทษครับ?

ออสบอร์น อินดัสเทรียล
โรงปฏิบัติการค้นคว้าวิจัยหลัก
บนเกาะ ลองไอซ์แลนด์

เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ทำงานค้นคว้าวิจัยในฐานะลูกจ้างของนอร์แมน ออสบอร์น

Norman Osborn : ก็เพราะนายเป็นคนสำคัญถึงขนาดยอมทำข้อตกลงลับร่วมกันเชียวนะ แล้วก็เพราะความอยากใคร่รู้ของตัวนายเองที่พาตัวนายมาถึงจุดนี้
แล้วก็ทางนี้ต้องตามหาผู้ที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์เฉพาะด้านอย่างคนแบบนาย เดี๋ยวนายก็จะได้เรียนรู้หนึ่งในยอดความลับในสังคมด้านวิทยาสตร์แล้ว

นอร์แมนบอกความลับกับเขา แล้ววางแมงมุมบน Ipad

Norman Osborn : ชั้นเป็นคนสร้างเจ้าสไปเดอร์แมน แมงมุมตัวเริ่มแรกของเรา ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมซึ่งได้ฉีดซุปเปอร์โซล์เยอร์เซรุ่มสูตร OZ เข้าไป ซึ่งเป็นรุ่นก่อนหน้านี้ แมงมุมได้กัดเด็กหนุ่ม  แล้วก็เด็กหนุ่มไม่ได้มีชีวิตรอดเพียงอย่างเดียว เขายังได้รับความแข็งแกร่งและความสามารถตามสัดส่วนของเจ้าแมงมุม

Dr.Markus : อะไรนะครับ?

Norman Osborn : นายได้ยินชั้นพูดแล้วนี่

Dr.Markus : แล้วคุณไม่รู้รายละเอียดจำเพาะของตัวแมงมุมเลยหรือครับ?

Norman Osborn : ไม่ มันตายแล้ว (โดนคองบี้เละคาเท้า)

Dr.Markus : คุณมีเครื่องชี้วัดตัวสูตรที่ใช้ดัดแปลงแมงมุมมั้งไหมครับ?

Norman Osborn : ชั้นคิดว่าชั้นมีนะ แต่ มันไม่มี

Dr.Markus : เรามีตัวอย่างเลือดเด็กคนนั้นรึเปล่าครับ?

Norman Osborn :    เรามีตัวอย่างเลือด

Dr.Markus : งั้นคุณก็ไม่ได้ทำการย้อนคำนวณ เอ่อ…?

Norman Osborn : ไม่เลย

Norman Osborn : แต่เรามีนายแล้วไง

นอร์แมนจบหลังด็อกเตอร์ดังแปะผู้มีความรู้เหนือกว่าเขา

Dr.Markus : แล้วตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าทำไมคุณถึงได้ตามตื้อนักหนาเรื่องซื้อสัญญาตัวผมจาก บริษัท Roxxon

Norman Osborn : คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญภาคสนามไงล่ะ ด็อกเตอร์มาร์คัส

Dr.Markus : จริงแล้วๆ คุณ Otto Octavius เป็นเอ่อผู้เชี่ยวชาญตัวจริงใน…

Norman Osborn : เราจะไม่พูดถึงชายคนนั้นในห้องปฏิบัติการนี้

Dr.Markus : คุณเป็นคนสร้างสไปเดอร์แมน

Norman Osborn : แล้วก็หวังว่านายคงเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง หากข้อมูลนี้หลุดไปนอกตึกเมื่อไหร่ ชั้นจะฆ่านายแน่

Dr.Markus : ประทานโทษนะครับ?

ดูเหมือนด็อกเตอร์มาร์คัสจะยังไม่รู้เนื้อแท้ของออสบอร์น

Norman Osborn : ชั้นบอกว่า ชั้นจะอัดนายให้ตายคามือเปล่าคู่นี้ คุณมีใบเกียรตินิยมปริญญาเอกตั้งสี่ใบ คงไม่มีคำไหนที่นายไม่เข้าใจใช่มั๊ย?

Norman Osborn : หากนายไขปัญหาตรงจุดนี้ได้ ชั้นก็จะตบรางวัลนายให้อย่างงาม อยู่สุขสบายไปชั่วอายุหนึ่งเลยทีเดียว

หลัง จากที่ได้แนะนำงานให้ด็อกเตอร์มาร์คัส ออสบอร์นก็ได้จากไปทำธุระของเขาต่อ ด็อกเตอร์มาร์คัสถึงกับเหงื่อไหลพล่าม เนื่องจากเจอตัวอันตรายเข้าแล้ว

 

ด็อกเตอร์มาร์คัสได้วางแมงมุมหมายเลขสี่สิบสอง บนลงกล่อง ก่อนพักหายใจชั่วครู่ ทว่าแมงมุมตัวนั้นก็ได้เดินหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ Daily Bugle ฉบับเมื่อก่อนได้พาดหัวโตๆไว้ว่า

นอร์แมน ออสบอร์นคือ
กรีน ก็อบลิน!

      นักอุตสาหกรรมที่ถูกกล่าวพาดพิงได้ถูกเปิดเผยแล้วว่าเป็นสัตว์ประหลาดดัดแปลงพันธุกรรม แล้วตอนนี้ ก็ได้อยู่ในห้องคุมขังของหน่วย S.H.I.E.L.D.

รายงานข่าวโดย Frederick Fosswell
เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาสันติภาพของโลกหน่วย S.H.I.E.L.D. ได้ยืนยันกับทาง Daily Bugleแล้วว่า นักอุตสาหกรรมที่ถูกกล่าวพาดพิง
นอร์แมน ออสบอร์นได้ฉีดผลการทดลองเข้าร่างกายตัวเอง เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นสิ่งที่ทางหน่วย S.H.I.E.L.D.ที่ซึ่งเป็นแหล่งข่าวได้ให้นามเขาว่ากรีน ก็อบลิน

กรีน ก็อบลิน ตนนี้ เป็นตนเดียวที่ได้จู่โจมโรงเรียนมิดทาวน์ไฮสคูล เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ซึ่งทำให้ต้องปิดโรงเรียนไปเป็นสัปดาห์ ซึ่งก็ได้อ้างถึงว่านี่เป็นการเปิดตัวครั้งแรกในที่สาธารณะ ของบุรุษปริศนา ที่เรียกกันว่า สไปเดอร์แมน อีกด้วย ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามที จุดเชื่อมชีวิตสองด้านระหว่างสไปเดอร์แมนและกรีน ก็อบลินก็ยังไม่เป็นที่เปิดเผย

เรื่องที่น่าไตร่ตรองต่อไปก็คือ ทำไม นอร์แมน ออสบอร์น ถึงได้ละเมิดกฎด้านวิทยาสตร์ข้อที่สำคัญนั่นคือการทดลองกับตัวเอง จากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับนอร์แมนได้กล่าวไว้ว่า เนื่องจากได้รับแรงกดดันให้สร้างผลงานการทดลองวิทยาสตร์สูตร “ซุปเปอร์ โซล์เยอร์” ของเขา ที่ใช้งานได้ ก็เลยเป็นตัวนำตัวเขาให้ลองใช้สูตรนั้นกับตัวเอง

(ช่วงเวลาข่าวชุดนี้น่าจะออกหลังตอน USM#27 ภายหลังที่นอร์แมนถูกจับกุมครั้งแรก)

ศูนย์วิจัยของออสบอร์น อินดัสเทรียล 
หลังจากที่เจ้าของที่ ได้ถูกจับกุมตัว ก็ไม่มีใครมาดูแลที่นี้ต่อ เลยถูกปล่อยให้รกร้าง

ทว่าในยามดึกคืนหนึ่งก็มีคนแปลกหน้าในชุดรัดรูปพร้อมอุปกรณ์สำรวจ ได้ลอบเข้าไปในตัวตึกร้าง

เมื่อเปิดไฟ แวบแรกนั้นเขาเห็นแมงมุมตัวหนึ่ง ซึ่งเขาก็ประหลาดใจเมื่อแมงมุมตัวนั้นได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

(ผมของเรื่องเขาคนนี้ว่า Prowler : Ultimate Prowler )

ไม่นานนัก Prowler ก็ได้มาถึงที่หมายและได้หยิบอุปกรณ์ไฮเทคสำหรับถอดรหัสเซฟโดยเฉพาะ

เมื่อเปิดเซฟออกสำเร็จ Prowler ก็ได้พบของสิ่งที่ตนต้องการ “เงิน” จำนวนมาก เขาได้ทำการกวาดของทั้งหมดลงกระเป๋า

กล่องแดงใบเล็กสีฉูดฉาดบาดตาเรียกความสนใจให้กับ Prowler ได้
เขาได้ลองเปิดดู มีแสงส่องประกายออกจากกล่องใบนั้น เขายิ้มแฉ่งทันทีเมื่อรู้ว่ามีของอะไรอยู่ข้างในนั้น

ทว่าระหว่างเตรียมตัวออกจากตึกร้าง แมงมุมหมายเลข 42 ก็ได้คลานเข้าไปในกระเป๋า โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย

บรูคลิน ในนิวยอร์ก

พ่อแม่ไมล์สกำลังพาลูกตัวเองเข้าโรงเรียนรัฐที่ได้รับการอุดหนุนเงินทุนจากรัฐบาลและอื่นๆ ซึ่งผู้ปกครองไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเลย แต่โอกาสเข้าต่ำมาก เกินจะคาดหวังสำหรับพ่อลูก แต่ไม่ใช่สำหรับคุณแม่

พ่อ : นี่มันโรงละครสัตว์ชัดๆ
แม่ : สนใจหน่อยสิที่รัก
พ่อ : ผผก็สนใจตลอดแหละ แต่ยังไงมันก็ยังเป็นละครสัตว์วันยันค่ำ
แม่ : คุณทำให้ ไมล์ส ลูกเค้าประหม่าแล้ว

Miles : ผมสบายดีฮะ

แม่ : ไมล์ส ลูกแม่ ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ลูกก็ไม่ได้เป็นคนคิดไตร่ตรองเรื่องนี้
Miles : รู้ฮะ
แม่ : เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกโดยตรงจ้ะ มีเพียง 40 ที่นั้ง สำหรับเข้าเรียนที่ชาร์เต้อสคูลแห่งนี้ เค้าเปิดโอกาสให้แล้ว ไม่ลองหน่อยรึ? 700 คนที่สมัครไปก็มาจากละแวกเพื่อนบ้านเรากันทั้งนั้น
Miles : รู้ฮะ
แม่ : ลูกต้องหยุดสักนิดแล้วคิดเรื่องนี้เข้าไว้ก็ได้ มันก็แค่จับล็อตเตอรี่แค่นั้นเอง

Miles : ผมรู้ฮะ ว่าล็อตเตอรี่คืออะไร
แม่ : แต่ ลูกก็ไม่ไปยุ่งอะไรกับมันเลย จ้ะ
Miles : พ่อฮะ ช่วยห้ามเรื่องนี้ให้หน่อยนะฮะพ่อ

พ่อ : ลูกอยู่บ้านพ่อแม่มานานแค่ไหนแล้วล่ะลูกเอ๊ย?
Miles : ตั้งแต่เกิดฮะ
พ่อ : แล้วเคยเห็นพ่อห้ามเรื่องนี้ได้สักครั้งไหมล่ะ?
Miles : ผมคิดว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว
พ่อ : งั้นมาขอให้เรื่องงี่เง่าพรรค์นี้จบลงเร็วๆด้วยกันเถอะ

“มีเพียงสามที่นั่งที่จะเข้าเรียน บรูคลิน วิชั่น อะคาเดมี่ ขอความกรุณา หากทุกคนนั่งประจำที่แล้ว เราจะไปกันอย่างเร็ว”
“ชื่อถัดไปคือ เคตตี้ แฮต์ว เคตตี้ แฮต์ว”

พ่อ : เราไปได้รึยัง
แม่ : อย่าพูดนะ
พ่อ : โลกนี่ซักจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว
แม่เด็กที่ได้รับเรื่องแสดงดีใจ เกินหน้าเกินตา

“แอนนี่ ลอนดอน”

พ่อ : สติเพี้ยนไปแล้ว นี่เสียเวลาไปทั้งวันเลยนะ
แม่ : ขอร้อง หยุดพูดเถอะ

พ่อไมล์สเซ็งจะตายซักเพราะรู้ว่ามายังไงก็เสียเวลาเปล่าๆ ส่วนคุณแม่ยังสวดภาสนาหวังปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้น

เบอร์ที่ออก หมายเลข 42 และผลก็คือ…

“ไมล์ส โมราเรส”
ชื่อของไมล์สได้ถูกเรียกในท้ายที่สุด
คุณแม่ดีใจมากที่ลูกได้มีโอกาสเข้าไปร่ำเรียนจึงกอดลูกด้วยความดีใจ

แม่ : โอ้ เห็นมั๊ย ลูกได้โอกาสแล้วล่ะ โอ้ พระคุณท่าน ลูกได้รับโอกาสแล้ว

ไมล์สสังเกตเห็นน้ำตา และสีหน้าอันโศกเศร้าของเด็กๆที่ไม่มีสิทธิ์เข้าเรียนได้

แม่ : มันเกิดขึ้นจริงๆ

Miles : ไม่น่าจะ… แล้วเด็กคนอื่นที่ได้ล่ะ ปฏิบัติกันอย่างนี้ไหมฮะ?

แม่ : คิดถึงตัวลูกเข้าไว้ ลูกได้สิทธิ์เข้าเรียน คิดแค่นั้นก็พอแล้ว

พ่อ : ลูกเลือกมื้อเย็นได้เลยนะลูกเอ๊ย

หลังจากที่ได้รับเลือกเข้าเรียนในบรูคลิน วิชั่น อะคาเดมี่   ไมล์ส โมราเรส ก็เลยมาแจ้งข่าวดีให้ลุงแอรอนให้ฟัง (ยังไม่แน่ใจว่าเป็นพี่ชายฝ่ายไหนระหว่างฝั่งพ่อกับฝั่งแม่)

Miles : ลุงแอรอน นี่ผมเอง ไมล์สฮะ!!
ลุงแอรอน : อ่า รอสักครู่!  นั่นไงมาจนได้ ไอ้น้องชาย
Miles : ไงฮะ ลุงแอรอน
ลุงแอรอน : เข้ามาข้างในสิ ไอ้น้องชาย

หลังจากเปิดประตูต้อนรับไมล์ส แอนรอนก็ได้สอดส่องทางว่ามีใครมาเห็นบ้าง ก่อนจะปิดประตูถามถึง แล้วได้ซักถามความเป็นอยู่ของแม่ไมลส์

ลุงแอรอน : แม่เธอเป็นไงบ้างล่ะ?
Miles : แม่มีความสุขมากเลยฮะ วันนี้
ลุงแอรอน : ทำไมถึงมีความสุขล่ะ?
Miles : ผมเพิ่งได้สิทธิ์เข้าเรียนชาร์เต้อสคูลมาฮะ

ลุงแอรอน : นั่นมัน นี่มันดีเกินกว่าจะเรียกข่าวดีธรรมดาแล้ว
Miles : ผมไม่ได้ทำอะไรเลยฮะ แล้วก็คิดว่ามันเป็นแค่การจับล็อตเตอรี่แค่นั้นเอง
ลุงแอรอน : ผิดล่ะ ผิดแล้ว เธอเพิ่งได้ตั๋วพาออกจากบ่อโสมม เธอได้ใช้สิทธิ์น่ะถูกแล้ว เธอจะค้นหาเส้นทางให้เหมาะกับตัวเธอเอง
พ่อเธอกับลุงไม่มีโอกาสได้เข้าโรงเรียนแบบนี้เลย

Miles : ลุงฮะ
ลุงแอรอน : ฟังลุงพูดก่อนนะ

ลุงแอรอน : เราต้องสู้ ถึงน้องไม่ได้ต่อสู้แย่งชิงในแบบที่เราเคยสู้กัน ถึงเธอจะไม่ได้เห็นในหลายๆอย่างที่เราเห็นตั้งครึ่งหนึ่ง
เธอ เธอเรียนรู้ เธอศึกษา แล้วก็ตัวเธอก็สามารถสร้างโลกได้ในแบบที่เธออยากจะให้เป็น ไม่ใช่เอาแต่เดินตามทางที่ปูให้แล้ว

ลุงแอรอน : เธอต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง อย่าให้ใครอื่นยื่นมือมาช่วยเธออีก
แต่เรื่องดีๆอย่างงี้ จะเอาอันที่เรียกว่า ไอติมหวานเย็นหน่อยไหมล่ะ

Miles : ฮะ

ลุแอรอน: เห็นมั๊ย? แล้วพ่อของเธอจ่ายคืนได้ไหมล่ะ?

ระหว่างที่รอแท่งไอติม ไมล์สก็สังเกตเห็นกล่องแดงใบเล็ก กล่องหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ กล่องที่ Prowler ขโมยมา
แท้จริงแล้วลุงแอรอน คือ Prowler ที่ลักลอบเข้าตึกร้างคืนนั้นนี่เอง

Miles : ผมไม่รู้ล่ะมั้ง
ลุงแอรอน : หวังไว้ว่าเขาจะให้ลุงช่วยนะ

Miles : เราโอเคฮะ
ลุงแอรอน : “โอเค”หรือ หากมีอะไรพลาดพลั้งขึ้นมา เธอมาบอกลุงได้เลยนะ อย่าไปบอกแม่นะว่ามาบอกลุงที่นี่
เธอมาที่นี่แล้วมาบอกกับลุงได้เลย

ด้วยความสงสัยของไมล์สเขาจึงหยิบกล่องนั้นขึ้นมาดู ขณะเดียวกัน แมงมุมหมายเลข 42ได้คลืบคลานออกมา

Miles : แม่คงไม่ทวงเงินหรอกน่าฮะ
ลุงแอรอน : เราห่วงเรื่องนี้ไว้วันหลังละกัน
Miles : แม่ก็ไม่ชอบให้ผมมาที่นี่อย่างยิ่งเลยฮะ

แมงมุมหมายเลข 42 คลานออกกระเป๋าได้สำเร็จ ช่วงเวลาเดียวกัน ลุงก็เอาแท่งไอติมมาให้
Miles : กล่องนี้มันอะไรกันฮะ?
ลุงแอรอน : เฮ้ เดี๋ยวเถอะ วางลง ในนั้นมันมีแบบว่า ของสำหรับใช้งานอยู่น่ะ
Miles : แล้วมันคืออะไรหรือฮะ?

ลุงแอนรอนเอากล่องคืนพร้อมยื่นแท่งไอติมให้ไมล์ส
ลุงแอรอน : อย่าไปห่วงเรื่องกล่องนี่เลย เธอกระหายน้ำไหมล่ะ?
ขณะที่ไมล์สกำลังนั่งลงบนโซฟาเพื่อนั่งกินไอติม แมงมุมหมายเลข 42 ก็กำลังคลานไปเรื่อยเข้าใกล้ไมล์สทุกที

ไมล์สเห็นแมงมุมตัวหนึ่งเกาะอยู่บนมือ

กว่าจะทันระวังตัว ก็โดนแมงมุมกัดเข้าให้ ไมล์สรีบปัดแมงมุมทิ้งและล้มลงไปกองกับพื้น

พร้อมน้ำลายฟูปาก สิ่งที่เห็นครั้งสุดท้ายคือลุงแอรอนที่นำน้ำมาให้ ก่อนสลบไป

เวลาผ่านไป ไมล์สก็ได้รู้สึกตัวอีกทีก็มีถุงน้ำแข็งประคบศีรษะเขา และเมื่อลุกขึ้นมาก็พบว่าพ่อตนเองเข้ามาหา

ลุงแอรอน : อ้อ ขอบคุณ พระเจ้า เธอไม่เป็นไรนะ
Miles : เกิดอะไรขึ้นฮะ
ลุงแอรอน : เธอสลบไปน่ะนั้นคือเรื่องที่เกิดขึ้น ลุงก็เลยต้องโทรเรียก…  คุณพ่อของเธอ
พ่อ : นั่นลูกมาทำบ้าอะไรที่นี่กันห๊ะ!! ลูกไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?
Miles : ดีขึ้นแล้วฮะ พ่อ ผมแค่
พ่อ : เขาทำอะไรกับลูกล่ะ?
Miles : อะไรหรือฮะ? เปล่าหรอกฮะ ผมโดนกัดโดยเจ้าแมงมุม

พ่อ : นี่แกให้อะไรกับลูกล่ะ?
ลุงแอรอน : อะไรนะ???
พ่อ : แกให้อะไรกับลูกล่ะ?
ลุงแอรอน : ไอติมหวานเย็นไง แล้วคุณคิดว่าคนอย่างผมเป็นคนประเภทไหนกันแน่??

Miles : พ่อฮะ หยุดทะเลาะเหอะฮะ

พ่อ : แล้วอะไรทำให้ลูกมาที่นี่ได้ล่ะ ไมล์ส
Miles : ผมขอโทษฮะ

คุณพ่อของไมล์สหันกลับไปโต้เถียงกับลุงแอรอนต่อ

พ่อ : ชั้นน่าจะโทรแจ้งตำรวจมานะ!!
ลุงแอรอน : ก็น้องเค้ามาเที่ยวบ่อยออกจะตายไป
พ่อ : ชั้นย้ำนักหนาแล้วใช่ไหมว่าให้แกอยู่ห่างจากครอบครัวชั้นไว้เลย…

ลุงแอรอน : ถึงนายจะบีบรัดลูกแน่นไว้เพียงใด ลูกนายก็สลัดหนีจากน้ำมือนายได้อยู่ดี
พ่อ : ชั้นไม่ได้มานี่เพื่อต้องการอบรม บทเรียนชีวิตหรอกนะ
ลุงแอรอน : แหม แค่ดูก็มองออกแล้ว ว่าน้องเค้าคิดอะไรและจะกระทำอะไร
พ่อ : ลูกพ่อไม่รู้จักแกเหมือนอย่างที่พ่อคนนี้รู้จักหรอก
ลุงแอรอน : นายพูดถูกแล้ว เขารู้จักในส่วนดีๆของชั้นมากกว่า

พ่อ : แกอยู่ให้ห่างจากลูกชั้นไว้เลย
ลุงแอรอน : แล้วไงต่อล่ะ?
พ่อ : แกอยู่ให้ห่างจากลูกเค้า ชั้นไม่ยอมให้แกทำชีวิตลูกชั้นบ่นบี้เหมือนอย่างที่แกเคยทำมาแล้วกับ…

ลุงแอรอน : ชั้นเชื่อว่าเขาเพิ่งแผ่นออกไปเรียบร้อยแล้วล่ะ

หลังจากที่ไมล์สได้วิ่งหนีออกจากห้องเพราะน้อยใจที่ไม่ยอมสนใจสิ่งที่ตนพูด

พ่อไมล์สจึงได้วิ่งออกจากตึกแถวตามหาเขา แต่ก็ไม่เห็นลูกเขา ไมล์สพยายามเรียกพ่อของตนที่กำลังเดินผ่านไป

ไมล์ส : พ่อฮะ ทางนี้.. ไม่นะ

ร่างของไมล์สเลือนลางเหมือนว่า…

เมื่อไมล์สค้นพบว่าร่างกายตัวเองสามารถหายตัวได้

พลังอันใหม่ของไมล์สที่ได้รับผ่านจากแมงมุมที่อาบสูตร OZ ไปได้ตื่นแล้ว พลังของเค้ามีอะไรบ้างนั้น?!

โปรดติดตามตอนต่อไป…

 

 

Preview #2 (ไม่มีอักษร)

คลิ๊กเพื่อเข้าชม

13 thoughts on “Ultimate Comics Spider-Man #1

  1. DOL

    ดู Prowler ตอนแรก นึกว่าเป็น dead pool ซะอีกแฮะๆๆ

    แต่เปิดเรื่องได้น่าสนใจดี โดยเฉพาะพลังใหม่นี่ น่าจะเจ๋งใช้ได้เลย นะนั่น!!!
    เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะโป๊แถมเผลอได้แอบมองคนอื่นเปลี่ยนเสื้อด้วย นะเออ!!!

    (แต่ว่ามีแมงมุมพันธุ์ไหนมันพลางตัวเองได้ด้วยเรอะฟระ!)

  2. _V_

    ชอบตอนนี้มากๆ สุดท้ายแล้วทั้งหมดมันก็แค่ดวง

  3. LongJunT

    ไม่เคยเจอพระเอกฮีโร่เด็กขนาดนี้
    คือเด็กแบบไม่ใช่วัยรุ่น แต่มัน เด็ก เลย
    อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆแฮะ

  4. Boatmaster

    หายตัวได้แบบนี้ ต้องทำเหมือนกับที่ซันจิใน Onepiece อยากทำสินะ อิอิ

  5. Cpt.America

    แอบฮามุขนะเนี่ยจับรางวัลได้เบอร์ 42 แมงมุมนั่นก็ 42 ดวงเหมาะเจาะ แต่ปัญหาชีวิตนี่เข้าใจดีครับ

    แต่เหมือนหมอนี่จะเด็กเกินไปนะเนี่ย หายตัวได้อีกอย่างโหด

    ป.ล.ตกใจนึกว่า Deadpool มาโผล่

  6. DOEME

    Dr.Markus : อะไรนะครับ?

    Norman Osborn : นายได้ชั้นแล้วนี่

    แอร๊ยยยยยยยยยยย >////<

  7. lucaman Post author

    @DOEME

    ขอบคุณมากครับ ผมตกคำว่าได้ยินเข้าไป

    @pete_amuro
    ขอบคุณมากครับ ผมแก้เให้รียบร้อยแล้วครับ

  8. mr robot

    แค่ตอนกำเนิดก็น่าสนใจแฮะ มีแววว่า ไมลส์ น่าจะไปรุ่ง นะ เพิ่งมีรายงานด้วยว่า ฉบับ ดิจิตอล คอมิก ของ เรื่องนี้ก็ขายดี

  9. seventoon

    มีการล่องหนเพิ่มเข้ามาด้วย แฮะ

    ขอบคุณครับที่สปอย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *