Review:ภาพยนตร์ Kick-Ass เกรียนโคตร มหาประลัย

วันพฤหัสที่ผ่านมา (8 เมษายน) ได้ตั๋วรอบพิเศษของ Kick-Ass กันมาทางทวิตเตอร์ครับ ขอขอบคุณพี่ @hiangg ที่เอาตั๋วมาแจก

แล้วบังเอิญที่ผมกับ voeten ได้กันทั้งคู่ ก็เลยนัดเจอกัน

ไปรับตั๋วกันก่อนตอนหัวค่ำที่โรงภาพยนตร์สกาล่า สยามสแควร์ ก่อนเข้าชมภาพยนตร์รอบ 2 ทุ่มตรงครับ ในรอบนั้นมีหนังตัวอย่างใหม่ๆ ของค่าย UIP มาให้ดูเยอะเลย

มีแต่หนังน่าดูเต็มไปหมดครับ ทั้ง Shrek Forever After (ภาค 4 ทำเป็น 3D ตามสมัยนิยม), The Last Airbender ของพี่มาโนช (เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน) ที่ต้องเปลี่ยนชื่อมาจาก Avatar เพราะไปซ้ำกับหนังของเจมส์​ คาเมรอน

Brooklyn’s Finest หนังวงการตำรวจสุดเข้มข้น และที่สำคัญ Iron Man 2 ตัวอย่างใหม่ล่าสุดที่จะเข้าฉายจริงวันที่ 29 เมษายนนี้แล้ว (ซับไตเติ้ลฟอนต์เล็กกว่าเรื่องอื่นเยอะเลย หวังว่าตอนฉายจริงฟอนต์จะไม่เล็กแบบในหนังตัวอย่าง)

มาเข้าประเด็นเลยครับ Kick-Ass เกรียนโคตร มหาประลัย

จากที่ได้ติดตามข่าวกันมานานทั้งสื่อต่างๆ และในเวบ comics66 นี้ หลายคนอาจเคยได้ดูผลงานก่อนหน้านี้ของ ผู้กำกับ แมทธิว วอห์น อย่าง Stardust ที่เป็นการดัดแปลงจากนิยายประกอบภาพของ นีล เกแมน และทำออกมาได้สนุกผิดความคาดหมาย หรือผลงานเก่ากว่านั้นอย่าง Layer Cake หนังแก๊งสเตอร์ที่ส่งให้เดเนียล เคร็ก โด่งดังจนได้มารับบท เจมส์ บอนด์ 007 ในภายหลัง

มาคราวนี้กับ Kick-Ass ที่เป็นการดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง

จากคนที่เคยอ่าน Kick-Ass มาก่อน

ตัวหนังค่อนข้างเดินตามการ์ตูน เว้นแต่ตัวละคร Hit Girl กับ Big Daddy ที่ออกแบบแตกต่างไป
แต่ก็เหมาะสมกับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ดี
หนังใส่ลูกเล่นแพรวพราวทั้งเทคนิคด้านภาพที่มีส่วนผสมทั้งการ์ตูนและวีดีโอ เกม
ภาพการ์ตูนในหนังก็ได้โรมิต้ามาวาดให้เหมือนเดิม

ฉากรุนแรงทั้งหมดถูกทำให้ดูเบาลงด้วยภาพสโลว์บ้าง ด้วยดนตรีประกอบให้ดูเป็นทีเล่นทีจริงบ้าง
ทำให้หนังไม่ดูโหดเสียวสยองแบบ Ninja Assassin หรือพวกหนังของเควนติน ทารันติโน่
และยังมีมุกตลกแทรกเป็นระยะ

ตัวละคร Hit Girl น่าจะเป็นคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุด รับบทโดยน้องโคลอี้ มอเร็ตซ์
ที่เพิ่งดูผ่านตามาในบทน้องสาวแก่แดดของพระเอก (500) Days of Summer
มาเรื่องนี้ก็โชว์ลีลาแอ๊คชั่นแถมบทพูดก็เปรี้ยวแก่นแสบซ่าน่ารักเป็นที่สุด
ซึ่งตอนดูหนังตัวอย่างผมคิดว่าจะไม่ค่อยชอบซะอีก เพราะคิดว่ามันแต่งตัวไม่เหมือนการ์ตูนมากเกินไป
แต่เอาเข้าจริงปรากฏว่าเจ๋งมาก

ความแตกต่างของการเล่าเรื่องของหนังกับการ์ตูนคือ ในการ์ตูนเราคนอ่านจะไม่ได้รู้มาก่อนเลยว่า
Big Daddy กับ Hit Girl คือใคร ซึ่งทำให้การเปิดตัวของสองคนนี้เป็นเรื่องน่าทึ่งและชวนช็อค
แต่หนังไม่ปิดบังที่จะเล่าถึงสองคนนี้ต่อจากตัวเอกเลย แต่ฉากเปิดตัวก็ทำได้เจ๋งไม่แพ้กัน
ธรรมชาติของการ์ตูนมันจะหักมุมที่ท้ายเล่มเพื่อให้อยากอ่านเล่มต่อไป
แต่หนังเล่าเรื่องให้เห็นภาพกว้างแล้วค่อยๆ ตีวงเข้ามา กั๊กทีเด็ดไว้นิดหน่อย และก็ทำได้ดีมากๆ
เนื้อเรื่องค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกับการ์ตูน ไม่ได้แตกต่างกันมากเหมือนกรณีเรื่อง Wanted
เข้าใจว่าเพราะมิลล่าร์ได้พัฒนาบทใกล้ชิดกับผู้กำกับมากกว่าคราวก่อน

หนังสนุก ยาวเกือบ 2 ชั่วโมงเต็ม ดูเพลิน ฮาเป็นระยะ แอ็คชั่นพอเหมาะ
เนื้อเรื่องสมจริงเสียดแทงสังคม แม้ว่าจะเคยอ่านการ์ตูนมาก่อนก็ยังสนุกไปกับหนัง
ได้คุยกับคนที่ไม่เคยอ่านก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุกและเข้าใจง่าย
เรื่องนี้ได้ เรท น.18 นะครับ เวอร์ชั่นการ์ตูนก็เป็น Parental Advisory เหมือนกัน
ผู้ปกครองควรแนะนำ ไม่ใช่เห็นเป็นหนังการ์ตูนฮีโร่ก็พาลูกเข้าโรงกันเรื่อยเปื่อย

ชอบครับ จะไปเสียเงินดูเองอีกรอบแน่นอน ถ้าจะให้นิยามสั้นๆ
ต้องขอใช้ภาษาเดียวกับหนังว่า It’s F**king Awesome!

รีวิวฉบับเต็มสามารถอ่านได้ที่ http://rerngrit.com/content/kick-ass

จากคนที่ไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน Kick-Ass

Kick-Ass ผมอยากจะยกให้เป็นหนังฮีโร่สุดมันที่สุดเท่าที่ดูมา ออกมาแล้วประทับใจสุดๆ เลยครับ
เปิดเรื่องมาก็เป็นฉากที่ มนุษย์แต่งตัวมีปีกแล้วก็โดดลงมาจากยอดตึก เหมือนในตัวอย่างนั้นแหละครับ
ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์หลังจากตอนจบของหนังเรืองนี้ เพราะฉากต่อไปมันขึ้นมาว่า 6 เดือนก่อนหน้า

แปลว่าหนังเล่าเรื่องย้อนกลับผ่านมุมมองของตัวเอก Dave หนังก็ดำเนินเรื่องไปเรื่องไปเรื่อยๆ
จนตัวเอกเริ่มรับไม่ได้กับบ้านเมืองที่พอผู้คนเดือดร้อน ก็ไม่มีคนเข้าช่วยทุกคนต่างเมินเฉย
เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แล้วเขาก็กลายเป็น Kick-Ass ซึ่งผมก็ยังคงเฉยๆ นะพอมาถึงตอนนี้

จนมาถึงตอน Hit-Girl ปรากฏตัวเพลง Banana Splits ของ The Dickies ก็บรรเลง ตอนนี้โดนผมไปเต็มๆเลย
ชอบมากครับ ตัวละคร Hit-Girl ที่แสดงโดย Chloe Grace Moretz  เธอแสดงได้ดีมาก
หน้าตากวนๆ ก็กวนได้ดีเหลือเกิน พอจะน่ารักก็น่ารักมากๆ ถือว่าเป็นตัวขโมยซีนสุดๆ ในเรื่องเลย

ตัวหนังก็มีทุกอารมณ์ครับ ตอนฮาก็ฮาซะ ตอนจะสิ้นหวังก็ทำออกมาสิ้นหวังมากๆ และต้องลุ้นให้เขาทำสำเร็จอีก

ทำให้เราใกล้ชิดและสนิทกับตัวละครมากไปอีก  ออกมาจากโรงแล้วรู้สึกว่า ใจหายอ่ะ อยากให้มีต่ออีก

สรุปแล้วชาว Comics ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ คนที่ไม่คิดจะอ่านอย่างผมจึงตัดสินใจว่า รวมเล่มออกเมื่อไรเจอกันนะจ๊ะ Kick-Ass และขอขอบคุณพี่ @hiangg สำหรับบัตรด้วยนะครับ ^^

11 thoughts on “Review:ภาพยนตร์ Kick-Ass เกรียนโคตร มหาประลัย

  1. voeten Post author

    โปรดสังเกตุที่รูป เขามีป้ายห้ามถ่าย แต่ก็ดันถ่ายฮ่าๆ

  2. JackSW

    สงกรานต์ไม่อยากกลับบ้านต่างจังหวัดเพราะหนังเรื่องนี้เลยครับ ^ ^

  3. mildydoraemon

    นี่เป็นหนังที่ตอนแรกผมไม่คิดจะสนใจจะดูเลยแม้แต่นิดเดียว
    แต่เมื่อวันก่อนได้ซื้อหนังสือ filmax หน้าปกเป็นรูป hit-girl
    ที่ซื้อเพราะตั้งใจจะอ่านที่เกี่ยวกับ iron man แต่พอลองอ่านดูตรง kick-ass
    ปรากฎว่า เนื้อหานั้นน่าสนใจกว่าที่คิดไว้มากเลย จนผมเปลี่ยนใจเพิ่มหนังเรื่องนี้
    ไว้ในรายชื่อหนัังที่คิดว่าจะต้องดูให้ได้ ควบคู่กับ iron man 2 เลยทีเดียว

  4. A+

    ไม่มีพลาดครับ สำหรับหนังเรื่องนี้ ดูแน่ๆครับ และขอขอบคุณ เหล่าบรรดาทีมงานของเว้ปนะครับ ที่อุสามารีวิวหนังให้เล็กน้อย เพิ่มความกระสั่น ในการอยากดูหนังเรื่องนี้เข้าไปอีก ไม่มีพลาดแน่ครับ

  5. phongpisit

    อ้ากกกกก อยากดูHit Girl……..ผมไม่ใช่โลลิคอนนะเฟ้ย

  6. Mr Y

    โอ่วขอบคุณครับ อยากดูมากอ่ะเรื่องนี้ ผมอ่าน comic มาแล้วโหดมันฮามาก จริงๆอยากดู Hit Girl มากสุด คงไม่ต้องเดาว่า Big daddy ในหนังไม่ได้ตายใช่ไหมครับ

  7. แมวเก้าแต้ม

    ไปดูมาแล้วค่ะวันนี้ คนโหรงเหรงจนน่าตกใจเลยสำหรับหนังที่เข้าโรงวันแรก
    แต่ก็ทำให้เราได้ที่นั่งดีๆ อิอิ เข้าใจว่าเป็นเพราะสงกรานต์คนเลยน้อยค่ะ

    ฉากแอคชั่นทำได้ดีมากๆ มันส์สะใจสุดๆ ชอบฉากใช้มีดทุกฉากเลย
    ฮิตเกิลโขมยซีนจริงๆด้วยค่ะ เธออายุ 13 เท่ากับในบทพอดี และแสดงได้ดีมาก
    แอบผิดหวังนิดหน่อย ที่ประเด็นเปลี่ยนจากฮีโร่ เป็นล้างแค้น
    ทำให้เรื่องมันแคบลง จากหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ก็กลายเป็นหนังแอ็คชั่นธรรมดาไป
    แต่ก็มีบทล้อเลียนฮาๆอยู่หลายอัน และสนุกคุ้มค่าตั๋วค่ะ

  8. 24fan

    หนังสนุกมากๆครับ ลูกล่อลูกชนในการเล่าเรื่องเพียบ ดาราก็เล่นกันดีทุกคน
    (แต่แอบรู้สึกว่าบท Red Mist มันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้นะ)
    เฮียเคจบทไม่เด่นมากก็จริงแต่ยังไว้ลายนักแสดงฝีืมือ(ดูแกเล่นน้อยๆในเรื่องนี้ยังดูดีกว่าตอนเห็น
    แกทั้งเรื่องใน Bangkok Dangerous เยอะเลย 555+)
    ดนตรีประกอบก็เจ๋งมากๆ โดยเฉพาะเพลง Omen ของ Prodigy มาทีพีคเลย
    โดยรวมผมตั้งแต่เปิดปี2010มา ผมว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่ถึงทั้งความบันเทิงและคุณภาพในตัวอันดับต้นๆ
    ณ ช่วงเวลานี้เลย ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปดูอีกซักรอบนะครับเนีี่ย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *