H’el on Earth Part 02 : Supergirl #14

Supergirl #14 : H’el on Earth part 2 : Lost Son of Krypton
เรื่องโดย : Mike Johnson
ภาพโดย : Mahmuo Asrar
วางจำหน่าย : พฤศจิกายน 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics

 

เป้าหมายต่อไปของ H’el คือ Supergirl ที่ยังคงคิดถึงดาวคริปตันอยู่

 

ต่อจากเล่มของ Superman

Superman และ Kara นำตัวมังกรดึกดำบรรพ์ของดาวคริปตันมาให้ Dr. Veritas ตรวจสอบ

 

“มันรู้สึกแปลกๆที่ได้ยินมนุษย์คนนี้พูดภาษาคริปตัน”

“เธอบอกว่า Kal สอนเธอ ทำให้เธอมีสำเนียงแบบเดียวกันกับเขา ไม่ใช่สำเนียงเดียวกับคนที่เกิดและโตอยู่ที่ดาวคริปตัน”

“แต่ Kal บอกว่าเธอเป็น 1 ในคนที่ฉลากล้ำที่สุดในโลก พอๆกับพ่อของเขา หรือแม้แต่พ่อของฉัน…”

ซึ่ง Dr.Veritas ก็เข้าสู่คำถามที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดคือทำไมเจ้าตัวนี้ถึงมาที่โลกได้

Superman : สิ่งนั้นแหละที่ยังคงกวนใจผมอยู่ พวกเราต่างรู้ว่าดาวคริปตันถูกทำลายไปนานแล้วพร้อมกับทุกอย่างบนดาวดวงนั้น นั่นหมายความว่าเจ้าตัวนี้อาจจะออกมาจากดาวก่อนที่จะเกิดเรื่อง

Superman : แต่ว่ามันมีใครบางคนส่งมันมาที่นี่ ทำไม และอย่างไรล่ะ

Kara : บางทีอาจจะไม่ใช่ว่าทุกสิ่งๆจะถูกทำลายไปในตอนที่ดาวคริปตันตายก็ได้ ซึ่งถ้าเจ้าตัวนี้รอดแล้วละก็ …อาจจะเหมือนกับฉันและนาย… ซึ่งบางทีอาจจะยังมีคนอื่นๆที่เหลือรอดอยู่อีก บางทีพวกเราอาจจะลองออกไปค้นหาพวกเขา

Superman : Kara ผมเข้าใจนะว่าคุณอยากให้มันเป็นเรื่องจริงมากแค่ไหน แต่เจ้านี่แค่เป็นสิ่งผิดปกติเพราะบางส่วนของมันได้ตายไปแล้วตั้งแต่ตอนที่เข้าโจมตีผม

Superman : ผมขอโทษด้วยนะ แต่มันไม่สามารถพิสูจน์ได้หรอกว่ายังมีชาวคริปตันเหลือรอดอยู่

Kara : ไม่รู้ทำไมนะฉันถึงรู้ว่านายจะต้องพูดแบบนั้น ตามใจสิถ้านายเลือกจะเชื่อแบบนั้น ฉันก็จะเชื่อแบบของฉัน

 

จากนั้น Superman ก็บอกลา Dr.Veritas เพื่อกลับไปยังเมือง Metropolis ก่อนแล้วให้เธอบอกเขาเมื่อได้อะไรเพิ่มเติม แล้วก็บอกกับ Kara ว่าเขาไม่อยากให้เธอหวังในเรื่องผิดๆ และเธอสามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆจากที่นี่ได้ถ้าเธอต้องการ จากนั้นเขาก็บินออกไป ส่วน Dr.Veritas ก็ขออนุญาตแสกนร่างกายของเธอเพราะเธอเคยแต่แสกนร่างกายของชาวคริปตันเพศชายเท่านั้น ซึ่ง Kara ก็คิดว่าเธอไม่ค่อยชอบนัก และยังไม่ไว้ใจพวกมนุษย์โลกในตอนนี้ด้วยจึงปฏิเสธไป 

จากนั้นเธอก็มุ่งหน้าไปหา Siobhan เพื่อนมนุษย์เพียงไม่กี่คนที่เธอไว้ใจ ซึ่งเธอเองก็กำลังตื่นเต้นเรื่องที่เห็น Superman สู้กับมังกรยักษ์แล้วจู่ๆ Kara ก็พุ่งเข้ามา จากนั้น Kara ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแบบอ้อมให้ Siobhan ฟัง ซึ่ง Kara นั้นชอบเสียงและสำเนียงของ Siobhan มากกว่าเพราะความสามารถของเธอทำให้ลักษณะการพูดเหมือนกับชาวคริปตันมากกว่า ซึ่ง Kara มาที่นี่เพราะต้องการรู้ว่าทั้ง Siobhan และ Tom นั้นสบายดีมั้ย แต่เมื่อพูดถึงเรื่องของ Tom จู่ Siobhan ก็ทำท่าทีเศร้าสร้อย เพราะ Tom เพิ่งเดินทางกลับไปยัง Ireland สักพัก ซึ่ง Siobhan ก็บอกว่าจริงๆแล้วเขาอยากจะเจอ Kara สักครั้งก่อนไปเพราะดูเหมือนเขาจะตกหลุมรักเธอซะแล้ว ซึ่ง Kara ไม่ค่อยเข้าใจที่ Siobhan พูดนัก Siobhan จึงถือโอกาสเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงเรื่องบ้านหลังใหม่ใต้น้ำของเธอแทน

ซึ่ง Kara ก็บอกว่าเมื่อไหร่ที่เธอหาทางพาทั้งคู่ลงไปได้โดยปลอดภัยเธอจะมาพาไปดูที่นั่นทันที …และตอนนี้เธอจึงได้เวลากลับไปที่นั่นแล้วเผื่อว่าจะสามารถวิเคราะห์ที่มาของมังกรตัวนั้นได้ รวมไปถึงตัวอื่นๆที่อาจจะตามมาด้วย Siobhan จึงดูลาดลาวให้จากนั้น Kara ก็บินออกไป ทำให้ Siobhan ต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง แต่ดูเหมือนเธอจะกังวลบางอย่างและเธอก็บอกว่ามันยากมากขึ้นเรื่อยๆที่จะระงับมันเอาไว้ ซึ่งสิ่งที่เธอพูดถึงก็คือพลังของ Silver Banshee ในตัวนั่นเอง ที่บัดนี้มันเริ่มจะหลุดการควบคุมแล้ว

Kara กลับมายัง Santuary สถานที่แห่งเดียวที่เธอเรียกได้เต็มปากว่าบ้าน ซึ่งเธอให้ Santuary ตรวจสอบอีกครั้งว่า Superman ใช่ Kal-El จริงๆหรือเปล่า ซึ่ง Santuary ก็ยืนยันว่าผล DNA นั้นถูกต้องแล้ว

ซึ่งดูเหมือนตัวเธอเองก็พอจะรู้อยู่แล้ว แต่ไม่อยากจะยอมรับมัน ว่าเด็กตัวน้อยๆที่เธอเคยกอดจะเติบโตขึ้นมาขนาดนี้ รมไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวและบ้านของเธอด้วย แต่ก่อนที่เธอจะคิดอะไรมาก เธอกลับหาวออกมา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอเกิดปฏิกิริยาแบบนี้และเหมือนเธอจะเพิ่งเคยรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมากขนาดนี้ และนั่นอาจจะเป็นเพราะเธอถูกซ่อนจากพระอาทิตย์สีเหลืองก็เป็นได้ แต่ยังไงก็ตามเธอก็ไม่เคยได้หยุดพักนับตั้งแต่มาถึงดาวดวงนี้นั่นเองก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ก็ได้ ซึ่งเธอก็พยายามจะสู้กับมัน แต่ในที่สุดเธอก็หลับไปจนได้ 

??? : Kara Zor-El… จงตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้

“ใครกัน …นี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย …แล้วฉันมาทีนี่ได้ยังไง”

“ฝันงั้นเหรอ …นี่ฉันกำลังฝันถึง FireFall บนดาวคริปตันอีกครั้งงั้นเหรอ”

??? : คุณไม่ได้กำลังฝันอยู่หรอก และที่นี่ก็ไม่ใช่ FireFall ของดาวคริปตันเสียด้วย และนอกจากนี้ผมก็ไม่ได้อ่านใจของคุณ…

H’el : เพื่อให้รู้ถึงความคิดของคุณด้วย Kara Zor-El… ผมคือ H’el และเหมือนกับคุณนั่นแหละผมคือหนึ่งในเหล่าเด็กที่สูญหายไปของดาวคริปตัน

H’el ปรากฏตัวออกมาทางด้านหลังของเธอโดยที่เธอเองก็ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเขาเลย 

Kara : นี่นายเป็นใครกัน แล้วนายทำอะไรกับ Santuary

H’el : คุณไม่มีอะไรต้องกลัวไปหรอกผมขอรับรอง

Kara : นี่มันอะไรกัน โปรแกรมภาพเสมือนงั้นเหรอ Santuary! ตอบฉันสิ Santuary!…

Kara : นายปิดการทำงานของมันไปงั้นสินะ เอาล่ะไม่ว่าแกจะเป็นใครก็ตาม ฉันจะขอพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ออกไปซะ!

H’el : ตอนนี้พวกเราอยู่บนผิวนอกของ ดาวโลก

Kara : นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ฉันเตือนแกแล้วนะ จะซ่อมแซมบ้านให้ฉันหรือว่าจะ…

Kara ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดและเตือนอีกครั้งก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหาเขา

บู๊ม!!

แต่ H’el ก็ยืนรับแบบง่ายๆและไม่สะทกสะท้านอะไรแม้แต่น้อย ส่วน Kara กลับกระเด็นออกมาและเริ่มรู้สึกแปลกๆกับร่างกายของตัวเอง

“ฉัน…ฉัน…ฉันไม่รู้สึกถึงความรู้สึกที่แขนของฉันเลย”

Kara : อะไรเนี่ย…แกเป็นตัวอะไรกัน 

H’el : ผมเป็นเพื่อน และถ้าคุณจะไม่คิดถึงเรื่องภาพลักษณ์ของผม …ผมก็เป็นชาวคริปตันเหมือนกับคุณ…

H’el : และสภาพร่างกายที่ดูไม่ปกตินี้มันป็นการแสดงถึงการเดินทางที่ผ่านมาของผม…ที่บ่งบอกได้ว่าผมเดินทางมานานแค่ไหน

H’el : แต่ผมขอสาบานว่า ผมภักดีใน “ตระกูล El” ถึงแม้ผมจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับพวกคุณ แต่ความศรัทธาและความยึดมั่นของผมแข็งแกร่งไม่แพ้คุณแน่นอน 

เมื่อได้ยินดังนั้น Kara จึงเริ่มใจอ่อนและให้โอกาสแก่ชายที่อยู่ตรงหน้า

Kara : อธิบายเรื่องของนายมา

H’el : ผมคือผู้สำรวจ ที่ถูกส่งไปในภารกิจสำรวจหมู่ดาวโดยลุงของคุณ Jor-El ซึ่งเขาเป็นทั้งอาจารย์ ที่ปรึกษา หรือเรียกได้ว่าเป็นเหมือนกับพ่อของผมเหมือนกับที่เขาเป็นกับลูกชายแท้ๆของตัวเองก็ว่าได้…

H’el : Jor-El ส่งผมออกมาไม่นานก่อนที่ดาวคริปตันจะถูกทำลาย เขาสั่งให้ผมเก็ยรักษาและปกป้องเทคโนโลยีรวมไปถึงวัฒนธรรมของดาวของเราไว้บนยานของผม

H’el : ผมอยู่อย่างโดดเดี่ยวด้วยตัวคนเดียวอยู่หลายปี ซึ่งร่างกายนี้ก็น่านะแสดงให้เห็นถึงหลักฐานของความอดทนของผม จนกระทั่งถึงวันอันน่าปลื้มปิติที่ผมได้ค้นพบว่ามันยังมีชาวคริปตันคนอื่นๆที่ยังเหลือรอดอยู่อีก…นั่นก็คือคุณ และญาติของคุณ Kal-El

H’el : และในท้ายที่สุดเหล่าเด็กผู้สูญหายของคาวคริปตันก็สามารถรวมตัวกันได้

Kara : ทำไมถึงคิดว่าฉันควรจะเชื่อนายละหา นายเพิ่งยอมรับเองนะว่านายลักพาตัวฉันมาจาก Santuary น่ะ

H’el : เพราะมันมีแค่ทางนี้เท่านั้นที่ผมจะช่วยคุณได้ไงล่ะ Kara ร่างกายของคุณน่ะเป็นเหมือนกับที่ชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ไปแล้ว และมันก็เกือบจะหมดไปแล้วด้วย ที่ผมพาคุณมาที่นี่ก็เพื่อฟื้นคีนชีวิตให้คุณ รวมไปถึงพลังของคุณด้วย

“ดูท่าเขาจะพูดถูก”

“เมื่อกี๊นี้ฉันเหนื่อยมากๆ แต่ตอนนี้ฉันกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง แข็งแรงจนฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย”

H’el : ผมเข้าใจว่าคุณกำลังสงสัยอยู่นะ Kara แต่ที่ผมทำได้ดีที่สุดก็แค่ทำให้คุณหมดข้อสังสัยเท่านั้น 

Kara : นี่นายอยากจะได้อะไรจากฉันกันแน่เนี่ย หรือนายอยากจะให้ฉันรับนายเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวของฉัน ทั้งๆที่ฉันยังไม่รู้จักนายเท่าไรเลยเนี่ยนะ

H’el : แต่คุณต้องทำแบบนั้นนะ Kara เพราะว่าผมต้องการความช่วยเหลือคุณไงล่ะ

H’el : เพื่อกลับไปยังบ้านของพวกเรา เพื่อย้อนกลับไปยังดาวคริปตันก่อนที่มันจะถูกทำลายและช่วยเหลือมัน

Kara : …ย้อนกลับไป… นายมันบ้าไปแล้วแน่ๆ

H’el : บ้างั้นเหรอ …ไม่เลยล่ะ Kara…

H’el จับมือ Kara ไว้และใช้พลังของเขาเคลื่อนย้ายทั้งคู่ไปอีกที่นึง 

เขาพาเธอกลับมายังดาวโลกในตอนที่กำลังเกิดสงครามกันอยู่ ซึ่งเขาบอกว่านี่ต่างหากคือควาบ้าคลั่ง และพ่อของเธอรวมถึง Jor-El นั้นคิดถูกแล้วที่ส่งพวกเธอมายังดาวดวงนี้ เพราะมันทำให้พวกเธอได้รับพลังจากพระอาทิตย์สีเหลือง แกลายเป็นเสมือนพระเจ้า ซึ่งเขาได้มองดูการกระทำของเธอจากที่ซึ่งห่างไกลออกไป เขาพบว่าเธอใช้พลังช่วยเหล่าสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้ ที่เขาพาเธอมาเพราะอยากให้เธอเห็นว่ามันไม่มีค่าพอให้เธอลดตัวมาช่วยหรอก

แล้วมันก็บอกว่าสิ่งมีชีวิตพวกนี้สนใจจะฆ่ากันมากกว่าปกป้องเหล่าเด็กของพวกเขา ถึงจะช่วยได้หนึ่งก็ต้องสูญเสียไปอีกมากมาย เพราะงั้นที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา มันตรงกันข้ามกับคริปตันเลยต่างหากพวกเขาใช้วิทยาการต่างๆเพื่อเข่นฆ่ากันเอง

H’el : เพราะงั้นถ้ามันยังมีโอกาสอันน้อยนิดที่อาจทำให้คุณสามารถกลับไปยังดาวคริปตันได้ คุณจะยังคงเลือกอยู่ที่งั้นเหรอ

Kara : ฉัน…ฉันไม่

H’el : ไม่เชื่อในตัวผม และยังไม่ไว้ใจผมงั้นสินะ

H’el : แน่นอนว่าผมไม่คาดหวังว่ามันจะง่ายแบบนั้น จนกว่าผมจะแสดงความจริงใจและความซื่อสัตย์ให้คุณเห็น

H’el : และนี่คือหลักฐานแห่งความซื่อสัตย์และจริงใจของผม

H’el นำร่างของ Superboy ที่เขาจัดการไปในเล่มที่แล้วให้ปรกาฎออกมาต่อหน้า Kara

Kara : นี่มันเจ้าโคลนคนนั้น

Kara : นายพามันมาที่นี่งั้นเหรอ ภายใน Santuary เนี่ยนะ

H’el : มันยังไม่ใช่ภัยคุกคามหรอก ไม่ใช่แน่ในเวลานี้ แต่คุณก็รู้พอๆกับที่ผมรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามของเจ้าโคลนที่จะส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย มันเป็นภัยคุกคามที่จำเป็นต้องถูกกำจัด

H’el : และนี่แหละคือการแสดงออกถึงความจริงใจของผม Kara การพิสูจน์ในความศรัทธาและการอุทิศตัวต่อคริปตัน

H’el : ขอเพียงแค่คุณพูดออกมาเท่านั้น แล้วผมจะกำจัดเจ้าสิ่งที่น่าชิงชังนี้ทิ้งซะ

Kara : ฉัน…ฉัน…

“ฉันรู้ว่าเขาควรจะทำแบบนั้น เพราะฉันรู้ดีว่าโคลนจะทำอะไรต่อไปถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ต่อไป”

H’el : ถ้าคุณบอกให้ผมทำผมจะไม่ลังเลแม้แต่น้อย ผมรู้ว่ามันอาจจะดูเหมือนกับพวกเรานะ Kara แต่มันไม่ใช่ อย่าให้ความเห็นใจของคุณมาทำให้ตัวคุณเองเกิดความสับสน

H’el : จงทำในสิ่งที่คุณจะต้องทำ

แต่ในขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่ Superboy ก็ได้สติแล้ว

H’el : เร็วเข้า Kara เจ้าโคลนกำลังจะตื่นแล้ว

Superboy : ธะ…เธอ…ฉันรู้จักเธอ…Supergirl…ใช่มั้ย…

“เขาจำชื่อฉันได้…แล้วฉันล่ะ…”

“ฉันเพิ่งเรียกมันว่า “เขา””

Kara : ไม่ล่ะ อย่าทำแบบนั้น

Kara : ยังก่อน

H’el : ยังก่อนงั้นเหรอ เอาเถอะผมจะทำให้เจ้าโคลนหมดสติไปอีกครั้ง แต่คุณดูลังเลแปลกๆนะ

Kara : ก็นายพูดเองนี่ ว่านายต้องการจะนำพาให้เหล่ากลุ่มสุดท้ายของคริปตันมาอยู่ด้วยกัน ซึ่งนั่นรวมไปถึงญาติของฉัน Kal-El ด้วย…

Kara : ฉันอยากจะปรึกษากับเขาก่อน ฉันไม่อยากจะตัดสินใจเรื่องนี้คนเดียว

H’el : คุณคิดจะให้ Kal มาช่วยคุณงั้นเหรอ ผมได้เฝ้าสังเกตเขามาแล้วเหมือนกับที่ผมเฝ้าสังเกตคุณ

H’el : และผมต้องขอบอกว่า เขาลืมตัวตนของเขาเองไปแล้ว ทั้งความคิด จินตนาการ และตัวตนที่แท้จริงของเขา สิ่งเหล่านั้นได้ถูกทำให้ลืมเลือนไปจนสิ้นโดยโลกใบนี้

H’el : เขาได้ลืมเลือนไปแล้วว่าเขาเป็นบุตรแห่งคริปตัน

Kara : งั้นแสดงว่านายยอมแพ้ในตัวหมอนั่นแล้วสินะ

H’el : ไม่มีวัน แต่ผมคงต้องขอบอกเลยว่าการชักชวนเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

Kara : ถ้าก็ให้ฉันไปพบเขาเอง ฉันรู้ว่าเขายังคงเชื่อในตัวฉัน และฉันคิดว่าฉันสามารถช่วยทำให้เขาเข้าใจในเรื่องนี้ได้

H’el : เยี่ยมมาก งั้นคุณจงไปหาญาติของคุณ และรับของขวัญชิ้นนี้ไป มันอาจจะช่วยคุณในการโน้มน้าวเขาว่ามันมีความเป็นไปได้แค่ไหน และบอกเขาในสิ่งที่ผมได้บอกกับคุณ

“ของขวัญงั้นเหรอ”

H’el ใช้พลัง Teleport กับ Kara เพื่อส่งเธอไปหา Kal

“บอกกับเขาว่า มันถึงเวลากลับบ้านแล้ว”

“นี่มันที่ไหน…แล้วฉันเข้ามาได้ยังไง…เขาทำได้ยังไงเนี่ย”

Kara โผล่ออกมาที่ระเบียงทางเดินของตึกๆหนึ่ง

Clark : คุณเคยบอกกับผมว่า พวกเราเป็นเพื่อนรักกันนะ Lois

“เสียงนั่นมัน Kal เขาอยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆนี่ เขาพูดภาษาของโลกนี้ และฉัน… ฉันเข้าใจมัน”

“หรือว่านี่ก็คือของขวัญจาก H’el งั้นเหรอ”

“หรือว่าเขาให้ความสามารถในการสื่อสารกับฉันด้วยวิธีการบางอย่าง”

“และที่นั่นไงล่ะ ดูเหมือนเสียงของเขาออกมาจากประตูนี่”

“อย่างน้อยๆฉันก็รู้สึกว่าเขาน่าจะดีใจล่ะนะที่…”

Lois : นายกำลังจะบอกอะไรกับฉันกันแน่ Clark

“เดี๋ยวนะ ใครคือ…”

Kara : Clark งั้นเหรอ

Kara เดินเข้าไปในห้องและพบกับ Superman ในคราบของ Clark Kent กำลังคุยอยู่กับเพื่อนของเขา Lois Lane และสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจนั่นคือ ชื่อของเขาคือ “Clark” ไม่ใช่ “Kal-El” และจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

เล่มหน้า

Superman #14

เชื่อมต่อเรื่องราวทั้งหมด และแผนการของ H’el กำลังจะเริ่มขึ้น

 

เผยแพร่ครั้งแรก : http://bank-genesis.exteen.com/20121203/spoil-supergirl-14

 

และสำหรับเล่มอื่นๆของ Supergirl ตั้งแต่เล่ม #3 – 13 นั้นผมได้มีลงสปอยไว้แล้วที่บล็อกนะครับ สนใจเข้าไปอ่านกันได้นะครับ ที่

 

http://bank-genesis.exteen.com/index-spoil

 

 

6 thoughts on “H’el on Earth Part 02 : Supergirl #14

  1. stillenigma

    หน้าตาซูปเปอร์บอยที่หน้าปกนี่อนาถมาก
    ว่าแต่h’elนี่มันใช้พลังอะไรได้เยอะแยะหว่า= =”

  2. DOL

    ซุปบอย หน้าปกนี่ หน้าตาดูออทิสติกมากอ่ะ ฮ่าๆๆๆ

    แต่ H’el นี่เมพขริงๆ แค่ชื่อยังออกเสียงเหมือน Hell เลย!!

  3. St.Valentinus

    ผมว่าไม่น่าแค่ทอดทิ้งโลกแล้วล่ะ มีลุ้นได้เอาโลกไปทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาดาวคริปตันกลับมาด้วยล่ะมั้ง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *