DC Comic : Green Lantern : New Guardians 12 : ศึกสุดท้าย?

เรื่อง : Tony Bedard
ภาพ : Tyler Kirkham, Batt
วางจำหน่าย: 22 สิงหาคม 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics

การต่อสู้ตัดสินครั้งสุดท้ายระหว่า่งเหล่า New Guardians และ Invictus มาถึงแล้ว!

นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้ต่อสู้ร่วมกันหรือไม่?

.
.
.
เริ่มเรื่องมาที่บน The Orrery ยานอวกาศที่เป็นระบบสุริยะจำลอง ที่บัดนี้มาถึงดาวเคราะห์ Okaara แล้ว

Invictus : ลาฟลีซ เจ้าที่เคยทำร้ายข้าได้มาก่อน แต่มาตอนนี้เจ้าไม่กล้ากล่าวคำทักทายข้า หรือแม้แต่จะส่งออเร้นท์แลนเทิร์นมาต้อนรับข้าเลยงั้นเรอะ?

Invictus : ข้ายังไม่ลืมวันเวลาที่เจ้าตามล่าเผ่าพันธ์ของข้า และสังหารพวกเราไปทีละคน

Invictus : แต่ตอนนี้เมื่อฑูตสวรรค์แห่งเวก้าองค์สุดท้ายกลับมา เจ้าก็ไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะ?

Invictus : เจ้าทำได้เพียงหดหัวอยู่ด้วยความกลัว เจ้ากลัวอัครเทวดาอินวิคตัสผู้นี้เช่นที่เจ้าควรจะเป็น

Invictus : เจ้าฆ่าและทำให้ทุกคนและทุกสิ่งที่ข้ารักต้องแปดเปื้อน และเมื่อข้าดูดซับพลังจากดวงอาทิตย์ของข้านี้เสร็จสิ้น ข้าจะไปลากเจ้าออกมาและเผาเจ้าทั้งเป็น

ตัดมาที่พื้นผิวดาว

Green Lantern Kyle Reyner กำลังเค้นความจาก Sayd อยู่

Kyle : ทำไมกันเซย์ด? ทำไมคุณถึงทำแบบนั้น?! ทำไมถึงต้องโกหกเรา? ทำไมถึงหลอกใช้พวกเรา?!

Kyle : กานเธทรักคุณ! และหลังจากที่เขา “เข้าสู่ด้านมืด” ไปแบบนั้น คุณก็เป็นการ์เดี้ยนที่ดีคนเดียวที่เหลืออยู่!

Sayd : อย่าได้มากล่าวโทษข้านะไคล์ เรย์เนอร์ มันเป็นเพราะสิ่งที่เกิดกับกานเธทนั่นแหละที่ทำให้ข้าจำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านั้นลงไป!

Saint Walker : นายหญิงเซย์ด ท่านกับกานเธทสร้างองค์กรบลูแลนเทิร์นของข้าขึ้นมา เรานับถือท่าน

Saint Walker : แต่ถ้าหากนี่เป็นความจริง : ถ้าท่านขโมยแหวนพลังจากองค์กรต่างๆ…ทำให้แลนเทิร์นหลายคนต้องตายไป…เพียงเพื่อจะรวบรวมกลุ่มของพวกเรามาอยู่กับไคล์…?

ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในอารมณ์สับสน Weaponer ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ช่วยเตือนสติให้พวกเขาหันไปสนใจปัญหาตรงหน้า

Weaponer : เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากันทีหลังดีกว่านะเซนต์วอล์คเกอร์…

Weaponer : …เพราะแค่แรงดึงดูดของดิออร์เรรี่ก็สามารถขยี้ดาวดวงนี้เป็นเสี่ยงๆได้แล้ว เราต้องทำให้มันถอยห่างออกไปซะ!

Lafleeze : ไม่ต้องสนใจดิออร์เรรี่หรอกเวฟพอนเนอร์…เจ้าควรกลัวเจ้าคนที่สร้างมันขึ้นมามากกว่า!

Lafleeze : ไม่มีใครในหมู่พวกเราที่สามารถรับมือมันได้หรอก!

Kyle : บางทีพวกเราคนใดคนหนึ่งคงทำไม่ได้ แต่ถ้าพวกเราทุกคนร่วมมือกันล่ะ…?

Fatality : คุณจะทำอะไรน่ะ?

Kyle : ก็พยายามจะเอาชีวิตรอดไงล่ะฟาธาลิตี้ เราจะมาจัดการเรื่องของลาฟลีซกับเซย์ดหลังจากที่เราจัดการกับคนที่อยู่บนฟ้าโน่นแล้วน่ะนะ

Arkillo : อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่าเจ้าชาวโลก เจ้านี่คือลาฟลีซนะ มันสนแค่เรื่องของตัวมันเองเท่านั้น!

Lafleeze : ถูก แต่ถ้าหากว่า “การร่วมมือเฉพาะกิจ” นี่จะช่วยปกป้องสมบัติของข้าล่ะก็ แล้วข้าจะปฏิเสธไปทำไมกันล่ะ?

เมื่อตกลงกันแล้ว Weaponer ก็เริ่มด้วยการใช้พลังงานแสงสีขาวจากโล่ของเขาสร้างเครื่องมือที่ใช้แสกนสภาวะของ The Orrery

ทันใดนั้นเองก็มีบางอย่างถูกยิงลงมาจาก The Orrery ลงมาที่เบื้องหน้าของพวกเขา

มันคือรูปปั้นของ Invictus นั่นเอง

ขณะที่ Lafleeze โล่งอกที่นั่นไม่ใช่ Invictus ตัวจริง แต่พริบตาต่อมา Invictus ก็โผล่ออกมาจากรูปปั้นเข้ามาคว้าคอของ Lafleeze เอาไว้!!

ในขณะที่สมาชิกคนอื่นไม่อยากจะช่วย Lafleeze นัก แต่ Kyle ก็กล่อมให้ทุกคนยอมช่วยจนได้!

ว่าแล้วก็

ลุย!!

ขณะที่คนอื่นๆกำลังซัดกันอยู่ Weaponer ก็เข้ามาหา Kyle

Weaponer : กรีนแลนเทิร์น! ให้เจ้าคนที่เคลื่อนย้ายสถานที่ได้ของเจ้าพาข้าขึ้นไปบนยานของอินวิคตัสทีสิ!

Kyle : ทำไมกันล่ะเวฟพอนเนอร์? ที่จริงนายไม่ใช่พวกของเราเสียหน่อยนี่

Weaponer : อินวิคตัสนั้นเป็นอาวุธมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ…แต่อาวุธที่ร้ายกาจขนาดไหนก็ต้องมีจุดอ่อนด้วยกันทั้งนั้น

Kyle : จะบอกว่า คนที่จะหามันเจอได้ก็ต้องเป็นนักสร้างอาวุธที่เก่งที่สุดในกาแล็คซี่งั้นล่ะสิ?

Weaponer : ถูกต้องเลย พาข้าขึ้นไปบนดิออร์เรรี่ และข้าจะจัดการกับอินวิคตัสให้

เมื่อได้ยินเช่นนั้น Munk จาก Indigo Tribe ก็พา Weaponer ย้ายมิติจากไป

ขณะที่ Kyle ก็ได้แต่มองไปที่ The Orrery

Kyle : พระเจ้า หวังว่าฉันจะตัดสินใจไม่ผิดนะ…

ว่าแล้ว Kyle ก็เข้าลุยด้วยอีกคน แต่ถึงพวกเขาจะร่วมมือกัน Invictus ก็ยังแกร่งเกินจะรับมือได้อยู่ดี

ที่บน The Orrery

Weaponer กับ Munk มาถึงห้องควบคุมแล้ว

Weaponer : ฮ่า! นี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ! เป็นเทคโนโลยีที่วิเศษสุดๆไปเลย

Munk : มันไม่มีสัญญาณเตือนผู้บุกรุกเลยหรือไง?

Weaponer : มีสิ และมันกำลังจะดังขึ้นแล้วด้วย…แต่ก็ใช่ว่าจะมีใครมาหยุดเราได้ทันเวลาหรอก

แล้วตอนนั้นเองสัญญาณเตือนภัยก็ดัง ทำให้ Invictus รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…แต่มันก็ช้าไปแล้ว

Munk : อีกนานเท่าไหร่ที่ท่านจะควบคุมมันได้?

แทนคำตอบ Weaponer หยิบเอาเครื่องมือบางอย่างออกจากแผงควบคุม แล้วใช้มันยิงแสงใส่ Munk จนกระเด็นทะลุกำแพงออกไป!

Weaponer : เร็วกว่าที่เจ้าคิดเยอะแล้วกัน

เมื่อยิง Munk หลุดออกมาจาก The Orrery แล้ว Weaponer ก็สั่งให้มันเคลื่อนที่ห่างออกไปจากดาว Okaara

ซึ่งเมื่อเห็นดังนั้น Invictus ก็รีบวิ่งไปที่รูปปั้นเพื่อที่จะกลับไปบนยานของตน

แต่พวก Kyle ที่เห็นท่าที่เช่นนั้นของ Invictus ก็รู้ได้ทันทีว่าโอกาสชนะของพวกเขาอยู่ที่จะให้ Invictus ไปถึงรูปปั้นไม่ได้เด็ดขาด!

ในขณะที่พวก Arkillo เข้าขวาง Invictus ไว้ Kyle ก็พยายามจะทำลายรูปปั้นทิ้งเสีย

และด้วยการเสริมพลังจาก Saint Walker ก็ทำให้ Kyle ทำลายรูปปั้นได้สำเร็จ!

และมันก็ส่งผลต่อ Invictus ทันที!

Invictus นอนกองอยู่กับพื้น ร่างของเขากลายเป็นสีดำ แสงร้อนแรงที่เคยเปล่งออกจากร่างหายไปสิ้น!

Lafleeze : อ้าว! ตัวเจ้านี่มันเย็นชืดไปแล้ว…!

Lafleeze : ฉลาดดีนี่ที่ส่งเจ้าเวฟพอนเนอร์นั่นไปชิงเอาดิออร์เรรี่…

Lafleeze : ดูเหมือนว่ายิ่งอินวิคตัสอยู่ห่างจากยานของมันเท่าไหร่ มันก็ดึงเอาพลังจากยานมาใช้ได้น้อยลงเท่านั้น

แต่ Invictus ก็ยังไม่ยอมแพ้

Invictus : …ไม่สำคัญ…ข้าจะไม่ยอมหยุด…จนกว่าจะ….ล้างแค้น…ให้เหล่าพี่น้องของข้า…

แต่ Lafleeze ที่รู้ว่า Invictus หมดฤทธิ์แล้วก็ไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด กลับนั่งยั่วโมโห Invictus เสียอีก!

และเมื่อ Invictus ใช้พลังเฮือกสุดท้ายไปจนหมด ร่างของเขาก็แข็งกลายเป็นหินไป

ซึ่ง Lafleeze ก็ลิงโลดใจที่บัดนี้มันได้ของสะสมชิ้นใหม่มาไว้ในครอบครอง แต่ในขณะที่มันกำลังจะขนร่างของ Invictus กลับไป จู่ๆ “สิ่งก่อสร้าง” ที่สร้างจากแหวนของมันก็กระพริบแล้วสลายไป?!

ทันใดนั้นแหวนพลังของทุกคนก็ส่งเสียงแบบเดียวกันออกมา เป็นข้อความว่า

“ปล่อยข้าออกไป!”

Kyle : เมื่อกี้มันอะไรกัน? อินวิคตัสพูดผ่านแหวนของพวกเรางั้นรึ?

[ไม่ใช่]

Kyle : ถ้างั้นใครกันล่ะ?

Bleeze : เป็นฝีมือนังนั่นอีกแล้วงั้นเรอะ?

Kyle : ช้าก่อน ฉันก็โมโหเธออยู่เหมือนกัน…แต่ถ้าเซย์ดไม่ได้นำพวกเรามารวมกันล่ะก็ อินวิคตัสคงจะฉีกดาวดวงนี้เป็นชิ้นๆไปแล้ว

Kyle : อย่างน้อยเราก็ควรจะฟังเธอพูดเสียก่อน

Bleeze : แล้วเจ้าจะเอาไงล่ะ…?

เมื่อเรื่องมันเป็นเช่นนี้ Sayd จึงไม่มีทางเลือกนอกจากบอกความจริงออกไป

Sayd : เมื่อพวกการ์เดี้ยนชิงเอาอารมณ์ความรู้สึกไปจากกานเธทของข้า เสียงร่ำร้องจากจิตวิญญาณของเขาดังไปไกลนับปีแสง

Sayd : มันเป็นความรู้สึกที่รุนแรงและท่วมท้นที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้รับ ข้ารู้สึกถึงวาระสุดท้ายของเขา

Sayd : ข้ารู้สึกถึงการที่พวกนั้นทำลายวิญญาณของเขาไป

Sayd : บางสิ่งในตัวข้าพังทลายลง อารมณ์ของข้าปั่นป่วน พร้อมๆกับพลังของข้า

Sayd : ข้าเป็นผู้เดียวที่รู้ว่าพวกนั้นทำอะไรกับกานเธทที่รักของข้า…และในห้วงเวลานั้น ข้ามีพลังที่จะสามารถทำอะไรบางอย่างได้!

Sayd : ดังนั้นข้าจึงส่งจิตออกไป และดึงเอาแหวนพลังออกมาจากสมาชิกที่อ่อนด้อยขององค์กรต่างๆ …และส่งพวกมันไปยังคนๆเดียวที่รักกานเธทมากพอๆกับข้า

Kyle : แต่ว่า…ถ้าขนาดคุณยังช่วยเข้าไม่ได้ แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าผมจะทำได้กันล่ะ

Sayd : ก็เพราะในตอนที่ท่านได้รับแหวนพลังมานั้น แหวนไม่ได้เป็นผู้เลือกแต่เป็นกานเธทเองที่เลือกท่าน

Sayd : เขารู้สึกถึงความสามารถแอบแฝงของท่านที่จะสามารถควบคุมพลังงานอารมณ์ความรู้สึกทุกอันได้…สิ่งซึ่งแม้แต่พวกการ์เดี้ยนก็ทำไม่ได้

Sayd : ข้าจึงส่งแหวนเหล่านั้นไปให้ท่านเพื่อให้ท่านได้มีโอกาสใช้ความสามารถนั้นเพื่อรวมเหล่าองค์กรต่างๆเข้าด้วยกัน เพราะเมื่อพวกท่านร่วมมือกันก็ไม่มีสิ่งใดที่พวกท่านทำไม่ได้

Fatality : ถ้าเช่นนั้นมันก็เป็นเรื่องน่าละอายจริงๆ ที่ “ทีม” นี้ถูกสร้างขึ้นจากการหลอกลวงและการฆาตกรรม

Fatality : ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่ขอข้องแวะกับมันอีก

Sayd : ข้าก็ไม่ได้ภูมิในกับการกระทำของข้าเองหรอกนะสตาร์แซฟไฟร์ แต่เจ้าไม่เข้าใจหรือว่าข้าทำไปเพราะความรักที่ข้ามีให้เขา?

Fatality : สิ่งที่ท่านทำมันไม่ใช่ความรัก มันเป็นความเห็นแก่ตัวต่างหาก บางที่ท่านกับลาฟลีซอาจเหมาะสมกันดีแล้วจริงๆก็ได้

เมื่อพูดจบ Fatality ก็ออกบินจากไป แม้ Kyle จะพยายามร้องเรียกไว้ก็ตาม

Kyle : เดี๋ยวก่อน! เรายังสามารถทำสิ่งดีๆร่วมกันได้มากกว่าจะแยกกัน…!

Saint Walker : ข้าขอโทษด้วยสหาย…แต่แม้ว่าเจตนาของนางจะเป็นเพื่อการทำสิ่งที่ถูกต้องก็ตาม เซย์ดก็ทำให้การรวมกลุ่มครั้งนี้แปดเปื้อนมาตั้งแต่ต้นแล้ว

แล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไป ทิ้ง Kyle และ Sayd ไว้เบื้องหลัง

โปรดติดตามตอนต่อไปใน Green Lantern : New Guardians เล่ม 0
เมื่อภัยจาก “กองทัพที่สาม” เริ่มปรากฎ การรวมทีมใหม่ก็เริ่มขึ้น!!