New Avengers #03

New Avengers #03
เรื่องโดย : Jonathan Hickman
ภาพโดย : Steve Epting
วางจำหน่าย : 6 กุมภาพันธ์ 2013
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics

เมื่อเหล่า ILLUMINATI คิดจะใช้ถุงมือเมพจบปัญหานี้ แล้วมันจะได้ผลอย่างงั้นหรือ แล้วมันจะมีผลกระทบที่ตามมาหรือไม่

บทที่ 3 : Infinity

New York

Beast กำลังเปิดผนึกจดหมายที่เขาได้รับมาจาก Xavier ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ Xavier ต้องการจะส่งให้เขาเท่านั้น

Beast : โอ ศาสตราจารย์… ดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา

แล้วเมื่อเขาเปิดผนึกออกมามันก็คือกระดาษแผ่นนึงที่เขียนไว้ว่า “ความทรงจำ”


ในตอนนั้นเองที่ Beast จดจำอะไรบางอย่างได้ คำในจดหมายเสมือนกับเป็นลูกกุญแจที่เข้าไปไขแม่กุญแจที่ปิดผนึกความทรงจำของเขาไว้ ความทรงจำที่ Xavier เคยพูดกับเขา

Xavier : ฉันจะฝังความทรงจำนี้ไว้ลึกลงไปในจิตใจและความทรงจำของเธอนะ เฮ็นรี่… และถ้าเธอได้รับการเรียกหามันอีกครั้งละก็ นั่นหมายความว่าเธอได้กุญแจมาแล้ว และนั่นก็หมายความว่าฉันจากไปแล้วเช่นกันและฉันก็หวังว่าตัวเองจะไม่จากไปอย่างไร้ค่าหรอกนะ

Xavier : พวกเรารู้จักกันมานานแล้ว พวกเราต่างเติบโตขึ้นมาและรู้จักแนวคิดของแต่ละคนดี ไม่กี่ปีก่อน เธอหยุดที่จะเป็นนักเรียนที่ฉลาดที่สุดของฉัน และฉันเองก็ไม่ได้เป็นศาสตราจารย์ผู้รอบรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว…. ฉันก็กลายเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป แต่จุดสำคัญก็คือ ฉันรู้จักเธอดี เฮ็นรี่ และเธอก็รู้จักฉันด้วยเช่นกัน

Xavier : ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจว่าภาระที่ฉันจะให้เธอแบกรับนั้น มันคือเกียรติสูงสุดเท่าที่ฉันจะให้กับเธอได้ และฉันก็หวังว่าในสักวันหนึ่งเธอจะค้นพบที่จะให้อภัยแก่สิ่งที่ฉันได้ทำลงไป

Xavier : ภายในนี้มันเก็บสิ่งที่เป็นความลับไว้ ฉันเป็นหนึ่งในบางสิ่งที่มันสำคัญยิ่งและคาดไม่ถึง และตอนนี้ด้วยสิ่งที่ฉันเหลือไว้ที่นี่… มันต้องเป็นเธอเท่านั้น


Xavier : แล้วว่าแต่เธอรู้มั้ยล่ะว่าตัวเองพิเศษยังไงน่ะ เฮ็นรี่

Beats : นั่นก็เพราะคุณบอกผมเสมอว่าผมเป็นไงล่ะ

Beast ที่รำลึกถึงเรื่องต่างๆได้แล้วเดินมายังหน้าประตูที่ Xavier เคยพาเขามาและกดรหัสผ่านลงไป

“พรสวรรค์”

และมันก็เปิดออก


และเขาก็พบเข้ากับ Mind Gems ที่ศาสตราจารย์มอบให้เขา และตอนนั้นเองที่เหล่า ILLUMINATI คนอื่นๆมาถึงพอดี พร้อม Gems อื่นๆที่เรียกหากัน

Cap : ยินดีต้อนรับสู่รูกระต่ายนะ ด็อกเตอร์ แม็คคอย แล้วตอนนี้ก็เก็บกระเป๋าได้แล้ว


และวันถัดมา Beast ก็มาอยู่ที่นี่และกำลังโดนผ่าเปิดฝ่ามือแบบสดๆเพื่อใส่อุปกรณ์ตรวจจับและบ่งบอกถึงการมาของช่วงเวลาแห่งการจู่โจม ซึ่งมันจะทำการส่งสัญญาณออกไปยังเครื่องรับสัญญาณทุกๆอันของทุกคนเพื่อให้พวกเขารู้และจะได้มารวมตัวกันสู้ไปด้วยกัน แต่ Beast ยังคงไม่แน่ใจว่าเขาเหมาะจะอยู่ที่นี่ ซึ่ง Namor ก็เห็นด้วยเพราะพวกเขาแค่ต้องการ Mind Gems ไม่ได้ต้องการตัว Beast จึงควรส่งเขากลับไป แต่ทีนี้ Beast กลับไม่กลับเพราะสิ่งนั้นศาสตราจารย์เหลือให้เขา และมันต้องมีเหตุผลบางอย่าง

Reed : ฉันรู้ ก็เหมือนกับที่ฉันรู้ว่าชาร์ลจะต้องมาอยู่ที่นี่แน่ๆถ้าเขายังมีชีวิตอยู่… และนี่ก็อาจจะเป็นการบ่งบอกว่าเขาต้องการให้นายมาแทนที่เขา เขากำหนดตัวนายไว้แล้ว เฮ็นรี่ เหมือนกับพวกเราทุกคน 

Reed : และเจ้าอุปกรณ์ที่ฝ่ามือของนายมันจะทำงานคล้ายๆกับตัวรับส่งสัญญาณสื่อสารจากหลายทิศทาง ที่จะทำให้พวกเราสามารถตามหาตัวนายได้… ไม่ว่านายจะอยู่บนเครื่องบินหรืออะไรก็ตาม

Reed : ในที่สุดมันก็เสร็จแล้วสินะ… ระบบเตือนภัยรูปแบบแรกสุดที่จะตรวจจับการเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งการจู่โจม แล้วพวกเราก็จะเป็นคนกลุ่มแรกที่จะได้รู้เมื่อโลกกำลังจะถึงกาลอวสานงั้นสินะ ทิชาลล่า

T’Challa : มันพร้อมแล้ว รีด

Reed : งั้นจะรออะไรล่ะ ทดสอบมันกันเลย

จากนั้น Tony ก็เปิดเครื่องให้ทำงาน และที่ฝ่ามือของพวกเขาก็ตอบสนอง

Cap : เยี่ยม มันใช้การได้… แล้วทีนี้เอาไงต่อ

T’Challa : ตอนนี้พวกเราก็รอคอยการมาของภัยพิบัติในคราวต่อไป และหวังอย่างที่สุดว่าความคิดของนายจะได้ผล

หลังจากนั้น

Black Swan : ขอถามอีกครั้งนะ เจ้าสิ่งนี้มันเรียกว่าอะไร

Reed : มันฝรั่งทอด

Black Swan : “มันช่างอร่อยจริงๆ” ข้าพยายามยั้งใจตัวเองมานาน… และกินเพียงแค่อาหารที่พวกเจ้าคิดว่ามันสำคัญต่อการยังชีพ จนข้าได้ลืมเลือนไปเลยถึงรสชาติอันมหัศจรรย์… ของอาหาร

*Damiq = ดี, เยี่ยม, Bubussunu = อาหาร

*ด้านบนคือคำแปลภาษาซุมาเรี่ยน (Sumerian) ของเธอครับ

Reed : ก็นะ มันก็ดีเหมือนกันถ้าเราจะปล่อยตัวเองให้ทำตามใจซะบ้างในบางครั้ง… ทำให้ตัวเองรู้สึกว่ายังมีชีวิตอยู่… และจดจำได้ว่าตัวเองยังเป็นมนุษย์

Black Swan : เหอะ ข้าคือนักโทษของเจ้า ดังนั้นข้าจึงกินได้เพียงแค่อาหารที่พวกเจ้าจัดเตรียมให้เท่านั้น… และนั่นทำให้เกิดความว้าวุ่นในใจ และความอ่อนแอให้เกิดกับเจ้า ไม่ใช่ข้าหรอก รีด ริชาร์ด

Black Swan : พวกเราควรจะมองไปยังจุดจบของโลกของพวกเจ้าซะมากกว่า แล้วด้วยความใจอ่อนของเจ้า เจ้าจะได้ตัดสินใจอย่างไรล่ะ ยอมรับต่อความตายของดวงดาวของเจ้า หรือเจ้าจะเตรียมตัวที่จะต่อสู้ เจ้าควรจะมาพิจารณาเรื่องพวกนี้มากกว่านะ

Reed : ทุกๆอย่างที่ฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นก็คือ พวกเรามีแผนแล้ว (พูดเบาๆ)

Black Swan : พวกเจ้ามีแผนงั้นเหรอ งั้นบอกข้ามา แล้วข้าจะได้บอกว่าแผนการของพวกเจ้ามันโง่เง่าแค่ไหน

Reed : พวกเรามี Infinity Gems และพวกเราจะรวมรวบพวกมันให้กลับมาเป็น Infinity Gaunt

Black Swan : แล้วเจ้า Infinity Gems พวกนี้คืออะไรกัน

Reed : มันคือวัตถุอันทรงพลานุภาพ และมีทั้งหมด 6 เม็ดด้วยกัน นั่นคือ พาวเวอร์ เจ็มส์…

Black Swan : อ้อ นี่พวกเจ้าหมายถึง Ina Abanayyartu… เหล่าศิลาพวกนั้น

Black Swan : นี่เป็นแผนที่ดี เหล่าศิลาพวกนั้นไม่สามารถใช้การได้นอกขอบเขตจักรวาลของพวกนั้น พวกมันเองก็มีขอบเขตและขีดจำกัดอยู่ แต่อย่างไรก็ตามพวกมันก็ช่วยพวกเจ้าซื้อเวลาได้

Reed : งั้นก็หมายความว่ามันใช้การได้งั้นสินะ

Black Swan : พวกเจ้าคงจะได้รับรู้เองว่ามันจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ เมื่อพวกเจ้าได้ใช้มัน

Reed : … ผมว่าพวกเราคุยกันพอแล้วล่ะวันนี้

Black Swan : ย่อมได้ และขอบใจสำหรับมันฝรั่งทอดของเจ้านะ รีด ริชาร์ด มันทำให้ทุกๆอย่างดีขึ้นเยอะเลย

Black Swan : โลกใบนี้ ช่างสว่างไสวนัก

Reed : ผมค่อนข้างจะสงสารคุณนะ กับการที่คุณยึดมั่นว่า… ปัญหานี้มันไม่มีทางแก้ เพราะผมไม่เชื่อแบบนั้น

Black Swan : เจ้าน่ะเหรอสงสารข้า ข้าสิต้องสงสารเจ้า เมื่อคิดถึงสิ่งที่เจ้าพูดหลังจบเรื่องนี้

“1 วันผ่านไป”

“2 วันผ่านไป”

“3 วันผ่านไป”

“4 วันผ่านไป”

ในที่สุด Black Swan ก็รับรู้ได้ ว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

Black Swan : มันมาแล้ว Rabum Alal (โลกาวินาศ)

และเหล่าสมาชิก ILLUMINATI เองก็รับรู้ได้เช่นกัน

Gilgit – Baltistan : ปากีสถาน ปัจจุบัน

เหล่า ILLUMINATI เดินทางมาถึงที่นี่ในทันที และพวกเขาเริ่มทำการหาทางเข้าไปยัง ช่วงมิติเวลาแห่งการจู่โจม ซึ่ง Tony ได้ทำการตรวจสอบและพาพวกเขาเดินขึ้นไป ซึ่งตอนนี้มันเหลือเวลาน้อยกว่า 7 ชั่วโมงแล้ว และ Namor ก็ค้นพบทางเข้า

แล้วพวกเขาก็เข้ามายังช่วงเวลาแห่งการจู่โจม และพบกับโลกในอีกมิติหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้พวกเขา และพวกเขาไม่รอช้า งัด Infinity Gems ออกมาใช้ทันที

Dr.Strange : เพ่งสมาธิไปยังเจ็มส์ นึกภาพที่ทั้ง 6 รวมเป็น 1 อีกครั้ง… จดจำว่า… พวกมันต้องการกลับมาอยู่ด้วยกัน

จากนั้นในที่สุดพวกมันก็กลับมารวมกันเป็น 1 อีกครั้ง บนถุงมือมหาเมพ (สีมันแปลกๆนะว่ามั้ย)

“พวกมันอยากจะกลับมาอยู่ด้วยกัน”

“เป็น Infinity Gauntlet

และเมื่อถุงมือเมพกลับมาอีกครั้ง มันได้สะกิดใจเหล่าคนที่เกี่ยวข้อง

ดวงจันทร์ – The Watcher รับรู้ถึงเรื่องนี้

Ul ‘Huant Prime – ท่านพ่อตาก็รับรู้เช่นกัน

Titan – ธานอสตาเป็นประกายต่อการกลับมาของถุงมือมหาเมพ

Cap : แล้วเอาไงต่อ

Reed : เราก็ทำตามแผนของนาย ใช้ถุงมือนี่ผลักโลกอีกใบ—ไม่สิ ผลักอีกจักรวาลออกไป

Cap : แล้วใครจะใช้มันล่ะ

Tony : จะใครซะอีกล่ะ เอ็งไง

Cap : สำหรับเรื่องนี้ มันจะดีกว่ามั้ยถ้าจะให้นาย หรือ รีด หรือ ทิชาลล่า เป็นคน…

Tony : ไม่ได้ เพราะนี่น่ะมันแผนของนาย และเจ้าถุงมือนี่มันจะแสดงพลังตามความมุ่งมั่นของผู้ใช้ (เฮ้ยแปลกๆนะ)

Tony : นายจะไม่สามารถทำให้สิ่งที่นายคิดเป็นจริงได้เลย ถ้านายไม่เชื่อในสิ่งนั้นตั้งแต่แรก

Namor : บ้าบอชะมัด

Beast : ไม่หรอกน่า สวมมันลงไปเถอะสตีฟ แล้วช่วยโลกใบนี้

เมื่อโดนเพื่อนฝูงรุมพูดใส่ เขาจึงต้องทำตามเท่านั้น

Cap : ก็ได้ งั้นถอยไปซะ

Cap สวมถุงมือมหาเมพลงไปแล้ว

Cap : พลัง ฉันรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาล… ฉันสามารถที่จะควบคุมได้แม้สวรรค์ ฉันสามารถควบคุมโลกใบนี้ได้ทั้งใบ

Tony : เออตรูรู้แล้ว หยุดพูดแล้วลงมือซะที ส่งไอ้นั่นกลับบ้านเก่าซะ

Cap จัดให้ทันที

Cap ยิงพลังออกไปกระแทกใส่โลกในอีกจักรวาลทันที

Reed : โลกก็เหมือนกับเกาะที่แยกตัวออกมาอยู่บนพื้นผิวมหาสมุทร และเขาก็พยายามผลักดันให้จักรวาลนั้นถอยห่างออกไปจากพวกเรา… และดูสิ พระเจ้า นี่มันน่าอัศจรรย์จริงๆ …มันได้ผล

Reed : มันกำลังช้าลงแล้ว

Dr.Strange : แต่มันยังไม่มากพอที่จะทำให้มันหยุดลงได้

Tony : นี่ สตีฟ นายต้องผลักมันออกไป นายต้องผลักมันกลับไปเพื่อยุติช่วงเวลานี้

Steve ที่ได้ยินแบบนั้นก็ฮึดขึ้นอีกรอบ

Dr.Strange : มันได้ผล เขาทำสำเร็จแล้ว

Reed : ใช่…แต่…แต่ พวกนายรู้สึกถึงอะไรมั้ย

Tony : มันดูผิดปกตินะ มันมีแรงสั่นสะเทือน สะท้อนกลับมา

เปรี้ยง

ทุกๆคนกระจายกันไปไกล และเกิดสิ่งที่เหลือเชื่อขึ้น

Mind Gem – แหลกสลาย

Reality Gem – แหลกสลาย

Power Gem – แหลกสลาย

Space Gem – แหลกสลาย

Time Gem – หายไปในกาลเวลา

Soul Gem – แหลกสลาย

ใช่แล้ว เหล่า อัญมณีสุดเมพต่างแหลกสลายจนหมดสิ้น เป็นอันจบตำนานถุงมือมหาเมพแห่งจักรวาลในตอนนี้

(ขนาดฉากชวนอึ้งยังรู้สึกว่าพี่แกลงสีผิดเลย = =”)

Beast : อะไรน่ะ มันเกิดอะไรขึ้น

Cap : พวกมันหายไปแล้ว ฉันส่งแรงผลักครั้งสุดท้ายออกไป แล้วท้องฟ้าก็กลับสู่สภาพเดิม และ… และ…

Cap : พวกมันหายไปแล้ว ฉันไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น

Namor : แต่ตรูรู้

(จริงดิเฮีย)

Namor : เอ็งเพิ่งจะฆ่าพวกเราทิ้งเมื่อกี๊เลยไงล่ะว้อย ไอ้เจ้าโง่มหาโง่เอ๊ย

Namor : แกเพิ่งจะฆ่าพวกเราไปเมื่อกี๊นี้เลย

Namor เดือดจัดวิ่งเข้าไปชก Cap ทันที ทุกๆคนจึงพยายามเข้าไปห้ามทั้ง 2 คน

Cap : หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้หน้าหม้อ

จน Beast ที่ยืนอยู่วงนอกได้แต่คิดว่า เอิ่ม น่ะพวกเอ็งเป็นนักคิดที่เก่งที่สุดในโลกจริงๆเหรอ ทะเลาะกันอย่างกับเด็

ภายหลังที่ Necropolis

Black Panther : ทุกๆคนมารวมตัวกันแล้วนะ

Cap : พวกเราด่ากันไปมาเกือบชั่วโมง แล้วฉันก็… ไงก็เถอะ ที่นี่มันสงบดีจริงๆ

Cap : ที่นี่คือที่แบบไหนงั้นเหรอ

Black Panther : เนโครโพลิสนั้นเป็นที่อุดมไปด้วยจิตวิญญาณของเหล่านักสู้แห่งตำนานที่ไม่รู้จักความพ่ายแพ้ มันเป็นสถานที่สำหรับคนแบบนาย เอาล่ะ พวกเราต้องไปแล้ว มันถึงเวลาแล้ว

Cap : ขอเวลาอีกสักนิดนะ

Cap : ฉันรู้ดีว่าฉันมองสิ่งๆต่างๆเป็นแค่ ขาวและดำมาตลอด ทิชาลล่า ..แต่นั่นแหละก็คือตัวตนของฉัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้น… ที่ที่ใช้การสนทนาโต้ตอบกันเป็นหลัก… และพุดถึงสิ่งต่างๆเพื่อเปิดหนทางที่ใช้การได้ออกมาทุกเส้นทาง…

Cap : และพวกนั้นจะทำมัน พวกนั้นจะพูดคุยกันแค่พวกตัวเอง และพยายามเกลี้ยกล่อมให้พวกเราเชื่อในสิ่งที่พวกนั้นสะดวกจะทำ เพียงแค่เพราะพวกเรากำลังเข้าตาจน และมันเป็นสิ่งที่ ง่ายที่สุด

Cap : แต่นั่นมันผิด

Cap : ฉันจะไม่ยอมไปนั่งอยู่ที่นั่นและปล่อยให้มันเกิดขึ้นแน่ๆ ฉันทำไม่ได้ ดังนั้นฉันอยากจะรู้ก่อนที่จะกลับเข้าไปในนั้น… ว่านายจะเอาด้วยกับฉันมั้ย

Black Panther : แล้วเมื่อไหร่กันล่ะ ที่นายคิดว่าฉันจะไม่ทำในสิ่งที่ถูกต้องน่ะ

10 นาทีต่อมา และกลับเข้าการประชุม

Cap : ฉันขอโทษ ฉันอยากจะพูดมันก่อนที่เราจะเริ่มพูดคุยกัน

Cap : ฉันรู้ว่าตอนนั้นพวกเรากำลังอารมณ์ร้อน และส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฉันมันไร้ความสามารถที่จะใช้ถุงมือนั่น

Cap : แต่…ว่าไงดีล่ะ บางทีฉันอาจจะทำอะไรที่มันที่มันแตกต่างออกไปได้ แต่มันสายเกินไปแล้ว และพวกเราก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

Cap : แต่ยังไงก็ตาม ฉันก็อยากให้พวกนายรู้ แม้ในขณะที่พวกนายกำลังอารมณ์ขึ้นอยู่นี่ก็ตามที ว่าพวกเรายังคงอยู่ในจุดเดิมกับที่พวกเราพูดคุยกันในคราวที่แล้ว มันไม่มีอะไรที่แตกต่างออกไป เราทำสำเร็จ เราหยุดช่วงเวลานั้นได้แล้ว

Dr.Strange : ผมขอโทษนะกัปตัน… แต่ผมไม่เห็นด้วย  มันมีสิ่งที่แตกต่างออกไป พวกเราเสียสิ่งที่ล้ำค่านั่นไปแล้ว แล้วมันยังจะเรียกได้ว่าความสำเร็จอีกงั้นเหรอ ถุงมือ ได้หายไปแล้ว และตอนนี้พวกเราไม่เหลืออะไรเลย

Cap : ฉันเชื่อว่าพวกเรายังคงหาทางหยุดมันได้ แต่พวกเราจะทำมันโดยไม่ต้องสูญเสียตัวตนของเราไป

Dr.Strange : นั่นมันคนละเรื่องกันแล้ว และฉันก็หวังเช่นกัน แต่ตอนนี้… หลังจากที่สิ่งที่เราเห็น… ฉันจะหาอะไรมาต่อกรกับเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน

Cap : ก็นั่นแหละ พวกเราถึงมาอยู่ที่นี่ไงล่ะ เพื่อพุดคุยเกี่ยวกับมัน และหาทางออกของเรื่องนี้ และฉันรู้ดีว่าฉันขอมากเกินไป และฉันก็รู้ว่ามีพวกนายบางคนที่เห็นด้วยกับฉันแน่ๆ

Cap : พวกเราบางคนที่ยังคงเชื่อมั่น และจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ใช่มั้ยล่ะ ทิชาลล่า

T’Challa : ผิดแล้ว

Cap : แต่นายบอกว่า…

(หน้าแหกทันทีเลย Cap)

T’Challa : ฉันบอกนายว่า ฉันจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วฉันรู้สึกยังไงน่ะเหรอ… ความคิดเห็นของฉันมัน… ไม่มีความหมายอะไรเลย ผู้คนของฉันต่างหากเล่าคือทุกสิ่งทุกอย่าง ในที่นี้ฉันไม่ใช่คนคนเดียว แต่ฉันคือประเทศ

T’Challa : และฉันจะทำทุกอย่างที่ทำได้

Cap : แล้วนายล่ะ แบล็คโบล์ท มงกุฎของนายก็หนักเหมือนกันใช่มั้ยเนี่ย

เขาไม่ตอบ เพียงแต่ลากนิ้วบอกว่าถูกแล้ว

Namor : นี่นายต้องการอะไรเนี่ย โรเจอร์ คิดจะเก็บรักษาศักดิ์ศรีและจิตใจของตัวเองไว้ ในขณะที่พวกเราต้องใช้ทุกๆอย่างที่พวกเรามีเนี่ยนะ

Cap : แล้วนายล่ะ แฮ็งค์ ว่าไง นายยังมีมนุษยธรรมอยู่ในร่างกายอันใหญ่โตนั่นหรือเปล่า

Hank : มันอาจจะดูห่างไกลจากฉันที่จะทำเป็นสุภาพบุรุษหัวรั้นอย่างนายน่ะ ว่าแต่นี่นายคิดจะถามมิวแทนส์จริงๆเหรอว่าเขาเตรียมใจจะที่ปกป้องการสูญพันธ์ของเผ่าพันธุ์ตัวเองมั้ยน่ะ

Reed : สตีฟ ขอฉันพูดหน่อยนะ นายน่ะกำลังแสดงท่าทางบ่อยทำลายกลุ่มของพวกเราอยู่นะ… นายกำลังทำเหมือนไอ้การตัดสินใจกับปัญหาที่เรากำลังเผชิญนี่มันไม่ยากเย็นเลยสำหรับพวกเรา

Reed : มันเหมือนนายกำลังดูถูกพวกฉันอยู่นะ

Cap : นายก็จะเสียตัวตนของนายไปเหมือนกันนะ รีด นายจะตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าใครกันที่กำลังมองนายอยู่ในกระจก

(เฮ้ยยยย ไรเนี่ย นี่พี่กำลังดริฟใช่มั้ย)

Reed : นี่นายดูประหลาดใจขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าฉันจะเสียสละตัวเองเพื่อครอบครัวของฉันน่ะ ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นล่ะ

(ไงล่ะพระเอกตัวจริง)

Cap : ฉันขอโทษ แต่ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น

(ตัวอย่างของการดริฟพลาดแล้วไม่เกรียนครับ)

Cap : ฉันรู้จักพวกนายดี ฉันรู้ว่าพวกนายจะสร้างเครื่องจักรบางอย่างหรืออาวุธบางชนิดขึ้นมา โดยไม่คิดเลยว่าพวกนายสมควรจะสร้างมัน –เพียงเพราะว่าพวกนายต้องการมันก็เท่านั้นเอง

(เข้าข่ายเกรียนมั้ยหว่า)

Cap : แล้วจากนั้นการถกเถียงกันของพวกเราจะเริ่มจากเราควรสร้างนู่นสร้างนี่ ไปจนถึงฉากวันสิ้นโลกที่พวกเราจะต้องยอมรับการใช้อุปกรณ์นั้น แล้วจากนั้นพวกนายก็จะโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อไปอย่างช้าๆ

Cap : ว่าพวกเราทำลงไปนั้นเป็นตัวเลือกที่ถูกแล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ความชั่วร้ายใดๆ

Cap : ฉันพูดถูกใช่มั้ย พี่น้อง

และ “พี่น้อง” ที่ Cap พูดถึงก็คือ Tony นั่นเอง

Tony : ให้ตายสิโว้ย สตีฟ ทำไมนายถึงชอบทำแบบนี้นักนะ

Tony : ฉันขอโทษ แล้วฉันจะหาทำให้มันถูกต้องทีหลัง…

Cap : อะไรนะ

Tony : จัดเลยให้เขาเลย สตีเฟ่น ฉันรับผิดชอบเอง

และด้วยสิ้นเสียงของ Tony พลังเวทของ Dr.Strange ก็เข้าเล่นงาน Cap ทันที

Dr.Strange : ผมขอโทษนะกัปตัน… แต่พวกเราไม่มีทางเลือก

Dr.Strange : คุณจะไม่เคยอยู่ที่นี่ คุณจะจดจำถึงเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เลย

Cap โดนเวทลบความทรงจำจนหมดสิ้น และล้มลงไป สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้ คือใบหน้าอันเลืองรางของ Reed, Namor, Black bolt และ Black Panther

และสิ่งนี้ก็เป็นไปตามคำพูดของ Black Swan

“เจ้าสงสารข้างั้นเหรอ ข้าต่างหากที่ต้องสงสารเจ้า”

“เมื่อคิดถึงคำพูดของเจ้าเมื่อจบเรื่องนี้”

ด้วยอีโก้ของ cap เขาในที่สุดเขาก็เด้งออกจากทีม และทุกอย่างๆนี้ก็เหมือนที่ Black Swan คิดไว้ และเมื่อสิ้น Infinity Gems ความหวังสุดท้ายก็มลายสูญ พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อช่วยเหลือโลกใบนี้


เล่มหน้า

ผู้กลืนกินโลก

Galactus กำลังจะมา

หลังจากนี้ Cap จะโดน Tony แบกกลับบ้านไปยังตึก Avenger Tower นั่นเองครับ และเข้าสู่ช่วง Avengers #1 ที่ Tony มาปลุก Cap ครับ


ภาพจาก Avengers #1 โดยคุณ DOL

เล่มนี้ดูน่าตกใจสำหรับเรื่องที่ Infinity Gems หายไป มันดูไม่น่าเชื่อจริงๆที่สุดยอดอาวุธแห่งจักรวาลจะสลายไปง่ายๆขนาดนี้ แต่ตามที่ Black Swan ว่าไว้ ว่าพลังของมันมีขอบเขตจำกัดที่จักรวาลตัวเองเท่านั้น การใช้พลังที่ส่งผลถึงอีกจักรวาลอาจจะใช้การได้เพียงครั้งเดียวนั้น นั่นคือ พวกเธอเองก็ต้องเคยลองใช้แล้วใช่กัน และเห็นผลที่เกิดขึ้นแล้ว เล่มหน้าก็ต้องดูต่อไปว่ามันจะเหลือวิธีการใดที่จะช่วยพวกเขาได้

และสำหรับ New Avengers ผมจะหยุดสปอยที่เล่มนี้นะครับ แต่จะโยนไม้ต่อให้คุณ DOL นะครับ เนื่องจากผมไปรับ Age of Ultron มาทำ เลยต้องขอหยุดหัวนี้แทน

เผยแพร่ครั้งแรกที่ : [Spoil] – New Avengers #3

9 thoughts on “New Avengers #03

  1. LD

    ขออนุญาตแก้นิดนึงครับ “GIFTED” ในที่นี้ ไม่น่าจะแปลว่าของขวัญ น่าจะแปลว่า “พรสวรรค์” หรือ “มีความสามารถ” มากกว่าครับ
    เพราะมิวแตนท์ ทุกคน ล้วนเกิดมาพร้อมกับความสามารถ หรือพรสวรรค์ ที่ทำให้แตกต่าง หรือพิเศษกว่าคนทั่วไปครับ

  2. genesis Post author

    @LD ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวจะปรับแก้ทันทีเลย

  3. SKDragon

    ยัง งงๆอยุ่ครับทำไม cap ถึงโดนเตะ เพราะว่าทำถุงมือแหกเฉยๆหรือเพราะอย่างอื่นด้วยครับ ?

  4. FreedomOne

    ผมเข้าใจว่า
    ที่แคปโดนเตะจากทีม เพราะ แคปมีอุดมคติ หรืออีโก้ ว่าจะทำในสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม (ถึงแม้จะปกป้องจักรวาลก็เหอะ)
    ซึ่งมันต่างจาก พวก อิลูมินาติ ที่จะทำทุกอย่า่งเพื่อปกป้องจักรวาลนี้ เช่น เล่นสกปรก ฆ่าหรือสังเวย

    แคปคงเหมาะจะทำหน้าที่มีเกียรติอย่างผู้นำอเวนเจอร์ เพราะสเน่ห์และอุดมคติที่จะดึงดูดคนมาทำงานให้
    แต่งานเบื้องหลัง คงไม่เหมาะ

  5. Sh@D0W_F[i]GuRe

    เหตุการณ์ช็อคจักรวาลมาก ขนาดในเล่มเดียวกัน สี gem ยังไม่ตรงกันเลย
    ไม่ต้องพูดถึงสีดั้งเดิมกันเลยทีเดียว
    ว่าแต่เคยมีคำอธิบายไหมครับว่าทำไม Black Swan ถึงกลายเป็ผู้หญิงที่ขาด “สีสัน” ตามที่เห็นในเล่ม 2-3 แบบนี้น่ะครับ?

  6. RedRaven

    สรุป Cap แกอยู่ แกงค์นี่ ได้แค่ 3 ตอนสินะ

    ไม่เหมาะจริงๆแหละ

  7. DOL

    ผมว่า Cap น่ะโดนเด้งเหมาะแล้ว กลุ่มนี้มันคิดเห็นอะไรไม่ค่อยจะเหมาะกับ Cap เท่าไร
    แต่ตกใจคือ Black Panter กับ Beast เอาด้วยนี่แหล่ะ (แต่อีกใจนึงก็ไม่ค่อยแปลกใจนะ ฮ๋า)

    กลับมาอยู่ Avengers แบบเดิมเหมาะดีละ แต่อึ้งสุดๆคือ ถุงมือแตกนี่แหล่ะ โอ้ว จอร์ชชชช!!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *