Author Archives: kolonel

About kolonel

แฟนเกิร์ลโลกหนัง ผู้หลุดมาจับคอมมิค ^^

Injustice: Gods Among Us #17

Injustice: Gods among Us #17 Human Among Gods
เรื่อง : Tom Taylor
ภาพ : David Yardin
วางจำหน่าย: 7 พฤษภาคม 2013
สำนักพิมพ์ : DC Comics

 

 

เรื่องเล่าจากเหยื่อของความสูญเสีย

++——————————————————++

Continue reading

Injustice: Gods Among Us #14-16 — Another Death in the Family

Injustice: Gods among Us #14-16 Another Death in the Family
เรื่อง : Tom Taylor
ภาพ : Jeremy Raapack, Tom Denerick, Mike S.Miller
วางจำหน่าย: 16, 23, 30 เมษายน 2013
สำนักพิมพ์ : DC Comics

ความสูญเสียอีกหนึ่งในสงคราม

++——————————————————++

มีเสียงร้อง ที่ไม่อาจเงียบสงบ

มันดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ

มันเป็นเสียงร้องของเด็กที่ถูกทิ้งในพริบตา เมื่อนานมาแล้ว

เสียงกรีดร้องสะท้อนในตรอกนั่น ดังที่มันสะท้อนในใจของฉันตอนนี้

แทรกซึมเข้าไปในทุกอนูของสถานที่อันมืดมิด

มันกระแทกกระทั้นไปในความสูญเสีย กระเด้งกระดอนไปมาระหว่างความเสียใจ… และความเจ็บปวด

เขาจากไปแล้ว

ผมถูกทิ้งอีกครั้ง

ลูกชายของผมตายแล้ว

ก่อนหน้านี้ ที่สถานีโทษทัศน์ช่อง 2 ของกอทแธม พิธีกรกำลังพูดถึงการแบ่งแยกดินแดน ด้วยการกระทำราวเผด็จการของซุปเปอร์แมน (Clark Kent — Superman) หลังจากเหตุการณ์ที่เมโทรโปลิส ทางรายการเชิญนักวิชาการมาพูด แต่กลับกลายเป็นว่า ทู-เฟซ (Harvey Dent — Two-Face) ได้เข้ามาแทน พยายามจะฆ่าพิธีกรคนใดคนหนึ่งโดยตัดสินจากการโยนเหรียญ แต่ขณะที่เหรียญกำลังลอยเคว้งอยู่บนอากาศ แสงเลเซอร์ก็เข้ามาทำลายมันเป็นผง ทูเฟซโกรธมาก พยายามหาคนที่เห็นว่าเหรียญลงด้านไหน แต่สิ่งที่เขาพบ คือซุปเปอร์แมน

ทูเฟซถูกจัดการอย่างงายดาย จูลี่ หนึ่งในนักข่าวขอถามคำถามอะไรกับซุปเปอร์แมนก่อนเขาไป

“คุณคิดว่าลูอิสเห็นด้วยกับการ… เล่นบทผู้ควบคุมสถานการณ์ที่มากกว่าเดิมให้กับโลกใบนี้หรือไม่?”

“ผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะผมทำแบบนี้เพราะเธอ–เพราะบางอย่างที่เธอพูดกับผม”

ซุปเปอร์แมนยอมรับว่าเขาฆ่าโจ๊กเกอร์ (Joker) แต่จูลี่คิดว่ามีอยู่คนหนึ่งในเมืองที่ที่เขาเห็นว่าสิ่งที่บุรุษเหล็กทำเป็นสิ่งผิด เขาเลยได้แต่หวังว่าหล่อนจะพูดถูก

“แต่ยังมีพวกคนที่พยายามปกป้องพวกโรคจิตนี้อยู่”

“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมวันนี้ผมมาที่กอทแธม”

ชายผู้เป็นดังพระเจ้าประกาศว่า เขาจะไม่ยอมให้คนพวกนี้มาฆ่ามาทำลายเมืองของพวกคุณอีก เขากับสมาชิก Justice League ของตนตัดสินใจจะพาอาชญากรพวกนี้ไปไกลแสนไกล ไกลจากกอทแธม

“ผมสัญญาว่าพวกมันจะไม่มีวันทำร้ายคุณอีกต่อไป”

แบทแมน (Bruce Wayne — Batman) กับไนท์วิงก์ (Dick Grayson — Nightwing) ผู้ฟังรายงานนี้อยู่ในถ้ำค้างคาว รีบรุดหน้าไปยังยานแบทวิงก์เพื่อมุ่งสู่อาร์คัม เพราะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกสันติบาตยุติธรรมกำลังจะทำ

“แล้วไง?”

จู่ๆโรบิน (Damian Wayne — Robin) ก็ถามขึ้น เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับการที่พ่อและพี่ชายของเขาประณีประณอมเหล่าอาชญากรในกอทแธมมานานแสนนานแล้ว เขาจะขึ้นเครื่องบินไปกับทั้งสอง ถ้าไปเพื่อช่วยซุปเปอร์แมนทำลายอาร์คัมให้มอดไหม้เท่านั้น ไนท์วิงก์ถามว่า เดเมี่ยนมีความคิดดำมืดแบบนั้นทั้งที่อายุเพียงแค่สิบสามได้เช่นไร ซึ่งเด็กน้อยก็เถียงกลับไปว่า ทั้งคู่ไม่เคยคิดซักวินาทีเดียวเลยหรือ ว่าทั้งสองน่ะคิดผิด พวกเชื่อในความชอบธรรม–ของตนเอง–

แต่แบทแมนไม่สนใจจะฟังและควบคุมยานบินออกไปอย่างรวดเร็ว

บนยาน ไนท์วิงก์ถามว่าแบทแมนเห็นประเด็นของลูกชายใช่ไหม แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่ามันน่ารำคาญมากเวลาที่คุณไม่ตอบคำถาม คุณอาจคิดว่าความเงียบแสดงถึงจุดยืนของคุณ แต่บางทีมันก็ดูแย่นะ

แบทแมนตอบเงียบๆว่า นายไม่เคยหัวดื้อเท่าเดเมี่ยนหรอก แต่ดิ๊กตอบติดตลกไปว่า สำหรับคนที่หัวดื้อขนาดนั้น พวกเขาช่างเป็นคนที่มีความสัมพันธ์กับคุณโดยตรงจริงๆ

“แต่เราทั้งคู่จำได้ว่าการเป็นวัยรุ่นฉุนเฉียวง่ายมันเป็นอย่างไร”

“นายเข้าใจใช่ไหม? นายรู้หรือเปล่าว่าทำไมเราถึงปล่อยให้พวกเขาทำแบบนี้ไม่ได้?”

“แน่นอน แต่คุณยังต้องปลูกฝังผมอีกเยอะ”

แบทแมนเขาจะไม่เข้าใจ แต่ไนท์วิงก์บอกว่าเขาเข้าใจแล้ว ตอนนี้ไปปกป้องพวกฆาตกรใจโหดจากฮีโร่ที่เก่งที่สุดในโลกกันดีกว่า

ที่อาร์คัม หมอขอบคุณที่พวกจัสติส ลีก พาฮาร์วีย์มาคืน วันเดอร์ วูแมน (Princess Diana of Themyscira — Wonder Woman) บอกว่าเธอไม่ได้พาเจ้าสองหน้ามาคืน เพราะเราเสียความมั่นใจต่อที่อาร์คัมไปแล้ว ถึงเวลาจะต้องพานักโทษไปยังที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยมากกว่านี้เสียที

คุณไม่มีสิทธิตัดสินนะครับ–”

“ไม่–” เสียงใครบางคนดังขึ้น “–พวกเขาไม่มีสิทธิตัดสินต่างหาก”

แบทแมนกับไนท์วิงก์มายืนปกป้องเหล่านักโทษแล้ว ซึ่งพวกสันติบาตยุติธรรมก็ไม่มีท่าทีแปลกใจอะไร วันเดอร์ วูแมน หันไปบอกกับใครบางคนว่ามันเป็นอย่างที่คนนั้นได้บอกจริงๆ

“ใช่ ยืนหยัดอยู่กับพวกสัตว์ประหลาด”

และคนคนนั้นคือเดเมี่ยน เวยน์ — โรบิน “แต่ก็มีแค่สองคน ไม่เป็นปัญหาต่อพวกเราหรอก”

สิ่งนี้สร้างความตกใจให้แก่แบทแมนเป็นอย่างมาก ไนท์วิงก์ถามว่าโรบินไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น

“ข้าทำอะไรอยู่งั้นหรือ? ข้าก็จะพาอาชญากรพวกนี้ไปให้ความยุติธรรมไงล่ะ ข้ายืนอยู่กับซุปเปอร์แมน ไซบอร์ก (Victor Stone — Cyborg) และวันเดอร์วูแมน”

“แล้วดูซิว่าท่านยืนอยู่กับใคร เจ้าคิลเลอร์ คร็อค! กับ เอ่อ…”

คาเล็นดาร์แมน (Julian Gregory Day — Calendar Man) รีบบอกชื่อตัวเอง และพยายามพูดกับวันเดอร์วูแมน ซึ่งเธอไม่สนใจ ขณะเดียวกันนั้น ซุปเปอร์แมนก็พูดดคุยกับแบทแมน ว่าเขาจะไม่บอกให้อีกฝ่ายหลบ เพราะรู้ว่าบรูซจะไม่ทำ แต่ก็ไม่มีสิทธิหยุดเขาเหมือนกัน แบทแมนบอกว่า คลาร์กไม่ควรมาอยู่กับพวกอาชญากรรมที่นี่ แต่ซาส (Victor Zsasz) ฆาตกรต่อเนื่องผู้จะขีดรอยแผลให้ตนเองหนึ่งแผลเมื่อฆ่าคนหนึ่งคนก็ขัดขึ้นมา เขาบอกว่าเห็นแผลบนร่างนี้ไหม หนึ่งแผลหมายถึงหนึ่งชีวิต ตอนนี้นายเองก็มีแผลนั้นเหมือนกันใช้ไหม ซุปเปอร์แมน? นายชอบไหม? นายรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยหรือเปล่า?

แต่ไม่มีใครสนใจเขา วันเดอร์วูแมนเองก็คุยกับไซบอร์ก ผู้ที่บอกว่า ได้เข้าควบคุมระบบควบคุมความปลอดภัยของอาร์คัมไว้หมดแล้ว เจ้าหญิงแห่งแอมะซอนสั่งให้เปิดห้องข้องของซาส และพลันนั้นก่อนที่ฆาตกรโหดจะได้ทำอะไร เขาก็หายแวบไป แบทแมนรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือของแฟลช แต่นายขายหมวกไม่รู้ และถูกพาตัวหายแวบเป็นรายต่อไป

แบทแมนบอกให้อีกฝ่ายพอได้แล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไซบอร์กพยายามเปิดประตูต่อ แต่ถูกแบทแมนใช้ไวรัสทำให้ล้มพับไป ไนท์วิงก์บอกให้พอได้แล้ว เพราะไม่มีใครอยากเสียหน้าต่อคนโรคจิตพวกนี้หรอก

 หน้าอาร์คัม กรีน แอร์โรว์ (Oliver Queen — Green Arrow) พา ฮาร์ลีย์ ควินน์ (Harleen Quinzel — Harley Quinn)มาส่ง เพราะนายนักธนูเห็นว่า ใกล้เกิดสงครามแล้ว ตัวตลกสาวอยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่า และซุปเปอร์แมนดูจะเป็นเผด็จการมากกว่าฆาตกร แต่เขาไม่รู้เลยว่าที่นี่เอง เหล่าฮีโร่กำลังทำเลาะกันอยู่ แอร์โรว์เลยต้องรีบมุ่งหน้าไปสมทบ ทิ้งฮาร์ลีย์ไว้อยู่กับผู้คุม

แต่เหตุการเลวร้ายก็เกิดขึ้น เมื่อฮาร์ลีย์สะเดาะกุญแจมืออก จัดการผู้คุม และปล่อยนักโทษทั้งหมดออกมา!

รวมทั้งโซโลมอน กรันดี (Solomon Grundy) ที่โผล่มาจากใต้ดิน และกระชากคอโรบินลงไปในหลุมทันทีทันใด!

ความวุ่นวายเกิดขึ้น แบทแมนโดนเล่นงาน ขณะที่ไดอาน่าลงไปช่วยโรบิน แต่ถูกโซโลม่อนต่อยปลิว ซุปเปอร์แมนกับไนท์วิงก์จึงตามไปสมทบ ไนท์วิงก์บอกว่าโซโลมอนตายไปแล้ว ไม่ว่าจพทำอย่างไรมันก็ฝื้นตัวกลับมาได้ ไม่จำเป็นต้องออมมือ เขาจะไปรับโรบินเอง

ซุปเปอร์แมนจึงยิงเลเซอร์ตัดมือของผีดิบอมตะและบินทะลุตัวมันทันที

ไนท์วิงก์เข้ามาช่วยโรบิน และถามว่าเป็นอะไรไหม แต่เด็กชายบอกว่าเขาสบายดี เขาจัดการได้ จึงโดนรุ่นพี่เถียงว่า จัดการได้กับผีน่ะซิ จะโดนมันบีบหัวอยู่แล้ว

แบทแมนรีบตามมาด้วยความเป็นห่วง แต่โรบินก็ไม่สนใจ บรูซจึงออกคำสั่งต่อให้ทั้งสองจัดการนักโทษเข้าห้องขังเสีย แต่เดเมี่ยนเถียง ว่าพวกมันจะไม่เข้าห้องขัง พวกมันต้องไปที่อื่น

“อย่าได้เถียง!”

ไนท์วิงก์รีบถามกันสถานการณ์แย่กว่านี้ว่าแบทแมนจะไปทำอะไร ซึ่งอัศวินรัตติกาลตอบว่า เขาจะจัดการกรันดีก่อนที่มันจะถล่มที่นี่ราบ แต่ไนท์วิงก์ไม่คิดว่ามันจะฝื้นขึ้นมาได้

ซึ่งเขาคิดผิด

“ไปซะ”

แบทแมนวิ่งเข้าไประเบิดหัวกรันดีผู้กำลังลุกขึ้นมาใหม่ บุรุษเหล็กชมว่าทำได้ดี แต่แบทแมนไม่สนใจคำชม ทั้งยังบอกให้พาผีไร้หัวกลับเข้ากรงและติดตั้งที่ทำให้อ่อนแรงเสีย

ในอีกฝากฝั่ง โรบินกำลังจัดการอาชญากรด้วยความรุนแรงเด็ดขาด

“โรบิน พอได้แล้ว!”

แต่เด็กชายไม่ยอมหยุด “นายมันก็แย่เหมือนเขานั่นแหละ! ซุปเปอร์แมนพูดถูก พวกมันไม่ควรได้รับการปกป้องจากพวกเรา”

“โรบินไม่ทำร้ายคนที่ล้มแล้วหรอกนะ!”

นายไม่ใช่โรบินอีกต่อไปแล้ว!”

“เลิกบอกให้ข้าทำอย่างนั้นอย่างนี้เสียที!”

เดเมี่ยนบันดาลโทษะ เหวี่ยงกระบองข้างหนึ่งในมือไปที่หัวของไนท์วิงก์ และมันกระแทกขมับของชายหนุ่มอย่างจัง ส่งผลให้เขาล้ม คอกระแทกกับเศษหินบนพื้นเสียงดังแกร็ก

จากนั้นจึงบังเกิดแต่ความเงียบ

“ไนท์วิงก์?”

และความเงียบ

“ดิ๊ก…?”

สิ่งใดดำเนินต่อไปบ้างไม่รู้ จนกระทั้งซุปเปอร์แมนบอกให้ทุกคนหยุด เพราะกรันดี้ลงหลุมไปแล้ว และกลับไปที่ห้องขังของตนเอง

พลันนั้นแบทแมนก็สังเกตเฟ็นร่างของลูกชายทั้งสองบนพื้น

“ข้า…” เดเมี่ยนเงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา “ข้าขอโทษ”

แบทแมนตื่นตะลึง รีบผลักเด็กชายออกไปทันที “หลบไปจากเขาเดี๋ยวนี้!!”

ซุปเปอร์แมนเข้าไปปลอบโรบินผู้เสียขวัญจากทั้งการสูญเสียและจากพ่อของตนเอง

และทุกคนต่างอยู่ในความตื่นตะลึงกับการสูญเสียที่ไม่มีใครคาดคิด

มีเสียงร้อง ที่ไม่อาจเงียบสงบ

มันดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ

มันเป็นเสียงร้องของเด็กที่ถูกทิ้งในพริบตา เมื่อนานมาแล้ว

เสียงกรีดร้องสะท้อนในตรอกนั่น ดังที่มันสะท้อนในใจของฉันตอนนี้

แทรกซึมเข้าไปในทุกอนูของสถานที่อันมืดมิด

มันกระแทกกระทั้นไปในความสูญเสีย กระเด้งกระดอนไปมาระหว่างความเสียใจ… และความเจ็บปวด

เขาจากไปแล้ว

ผมถูกทิ้งอีกครั้ง

ลูกชายของผมตายแล้ว

++——————————————————++

คุยแถมท้าย

มาจับ Injustice เพราะว่า เอ้อ อ่าน #17 แล้วอยากแปล อ่านแล้วมันปวดตับน่ะค่ะ จริงๆคือ ไม่ได้ตามซีรียส์นี้แบบจริงจังมาก่อนเลย จนกระทั่งได้เล่นเกมและ… เอ้อ เอาเถอะค่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นสปอยล์เนื้อเรื่องในเกมไปด้วย

ก็ สำหรับเนื้อเรื่องก่อนหน้านี้ (ที่ยังไม่มีใครสปอยล์เป็นไทย และจะมีหรือไม่ก็ไม่รู้) ประมาณว่า หลังจากที่ซุปเปอร์แมนฆ่าโจ๊กเกอร์แล้ว ก็เกิดความขัดแย้งกับแบทแมน เพราะบรูซไม่เห็นด้วยกับวิธีเผด็จการ ขณะที่พวกจัสติส ลีก ก็ไปกับซุป เลยกลายเป็นการตั้งแง่กันไปแบบนั้น และในครอบครัวค้างคาวก็มีความขัดแย้งเช่นกัน เพราะโรบินเห็นด้วยกับคลาร์ก ขณะที่ไนท์วิงก์ยังเห็นด้วยกับอาจารย์ของตนอยู่ จนมาถึงจุดที่น่าจะเรียกได้ว่าแตกหักในสามเล่มนี้ ถ้ามีรายละเอียดอะไรมากกว่านี้ก็ขออภัยด้วยนะคะ เพราะยัยนี่ก็ตามของฝรั่งเขาต่ออีกทอด อาจไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก : P

อาจเขียนอะไรงงๆก็ขออภัย อย่างไรก็ขอขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ

Batman: Li’l Gotham #10

Batman : Li’l Gotham #10 ภารกิจเกรียนโครตมหาประลัย!
เรื่อง : DUSTIN NGUYEN และ DEREK FRIDOLFS
ภาพ : DUSTIN NGUYEN
วางจำหน่าย: 5 พฤษภาคม 2013
สำนักพิมพ์ : DC Comics

 

สวัสดีวันที่ห้าเดือนห้า! นี่คือวัน Cinco de Mayo!

++——————————————————++

เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ควันขาวคลุ้งขโมง ผ้าสีถูกยกขึ้นโบกสบัด ที่เขตประตูเมืองกอทแธมนี่เอง การแข่งขันรถระหว่าง คอลิน (Colin Wilkes – Abuse) และ เบน (Bane) ได้เริ่มต้นขึ้น!

 

 

ที่ปลายทาง เดเมี่ยน (Damian Wayne — Robin) ทิม (Tim Drake — Red Robin) และคาตาน่า (Tatsu Yamashiro — Katana) กำลังรอเพื่อนของพวกเขาอยู่ โดยที่จริงแล้ว การแข่งขันนี้เป็นเพียงฉากหน้าของแผนการบางอย่างต่างหาก

“เราต้องทวนแผนไหม?” สาวชาวญี่ปุ่นเอ่ยลอยๆคล้ายไม่ใส่ใจ ขณะที่เด็กชายอายุน้อยที่สุดในกลุ่มมัวแต่ดูรถอย่างสนใจจนออกนอกหน้า จนรุ่นพี่ต้องเรียกตัว

“เอ้อ เอ้อ ตามหาเจ้าเบน ตามมันไปที่โกดัง เรียกไนท์วิงก์ จับของผิดกฏหมายของมัน เข้าใจล่ะ”

“คอลินมาแล้ว!”

คอลินที่เข้ามาถึงเส้นชัยก่อนนักมวยตัวโต ลงมาชกหมัดกับเดเมี่ยนด้วยความสะใจ แต่เบนผู้ตามมาทีหลังก็รีบแย้งทันทีว่า ใช้รถดัดแปลงนี่โกงกันชัดๆ เด็กชายหัวแดงจึงประชดกลับไปว่า “ย้อนแย้งจัง ที่คำพูดแบบนั้นออกมาจากปากลุงเจ้าของรถที่รถติดไนตรัสผสมสารวีนอม”

เบนท้าต่อยกับคอลิน ซึ่งเด็กชายก็ไม่หยั่น เพราะเขาเองก็สามารถใช้พลังจากสารวีนอมแบบเดียวกับที่นักมวยใช้ ให้กลายร่างเป็นร่างยักษ์ได้เหมือนกัน

“เฮอะ สงสัยข้าจะไม่ใช่คนเดียวที่ใช้วีนอมเสียแล้ว”

หวิดจะต่อยกันอยู่หลัดๆ ทิมเห็นเหตุการจะหลุดแผนเลยรีบกระซิบกับคาตาน่า ซึ่งเธอก็จัดการให้ทันที

“หนุ่มๆจ๊ะ หนุ่มๆ… ไปสู้กันที่อื่นดีกว่านะ”

เดเมี่ยนที่กำลังอินไม่ยินยอม “ไม่เอาหน่า! ต่อยกันตอนนี้แหละ!”

เหมือนฟ้าจะเข้าข้างให้แผนเป็นใจ ลูกน้องเบนเตือนลูกพี่ว่า แถวนี้มันใกล้ถิ่นเจ้าทู-เฟซ (Harvey Dent — Two-Face) นะครับเจ้านาย ไปต่อยกันในถิ่นเราดีกว่า

“เจอกันที่อ่าวกอทแธม ตรงโกดังขนส่งของพวกฟัลโคนีภายในหนึ่งชั่วโมงนะเว้ย!”

เบนชี้หน้าเด็กๆก่อนเดินจากไป

“เออ ได้!” เดเมี่ยนชี้สองนิ้วสวนไปอย่างไม่ยอมแพ้

 

 

ที่โรงรถของคอลิน เด็กๆทุกคนกำลังเตรียมตัวอย่างดีเพื่อไปสู้กับพี่เบน

“ถึงเวลาเรียกไนท์วิงก์ยัง? หรือเรียก… คุณพ่อค้างคาวเลยดี?”

“ไม่มีทางน่ะ คาตาน่า!” เดเมี่ยนโชว์ท่าอย่างไม่เกรงกลัว “คอลินอยากทำตัวโตเมื่อไหร่ก็ได้ ทิมเองก็มีประสบการณ์การเป็นลูกไล่อยู่… ข้าคิดว่านะ และข้ามั่นใจว่าข้าสามารถสอนเจ้าใช้ดาบที่เจ้าชอบพกติดตัวไปไหนได้ แล้วถ้าพวกเจ้าเจออะไรหนักกว่าเกินจะรับไหว เจ้ายังมีข้า

 

 

คาตาน่าทำหน้าไม่เชื่อถือ แต่เดเมี่ยนไม่สนใจ สาวน้อยชาวญี่ปุ่นจึงได้แต่เซ็ง รู้ว่าป่วยการที่จะคุย จึงถามสถานการณ์อีกฝั่ง ซึ่งทิมบอกให้เธอรายงานไนท์วิงก์เลยว่าพวกเราจัดการกันได้

กลุ่มเด็กๆ แต่งตัวเป็นชุดวอร์มเพื่อไม่ให้เบนรู้ว่าเป็นพวกของแบทแมน และติดอาวุธตามใจชอบไปจัดการกับเบน!

อีกฝากฝั่งหนึ่ง ถ้ำคุณพ่อค้างคาว แบทแมน (Bruce Wayne — Batman) และ เรดฮู้ด (Jason Todd – Red Hood) กำลังแข่งอะไรบางอย่างกันอยู่

“ตาคุณแล้ว บรูซ เดินเกมซิ มันไม่ใช่แค่การใช้ดวง แต่เป็นการวางแผน คุณต้องตัดสินใจด้วยตัวเองให้เร็ว และรับมือกับสิ่งที่คุณได้รับไป มันก็แค่เกม –”

ถึงจะบอกว่ามันเป็นแค่เกม แต่เจสันดูจะเป็นคนที่จริงจังกับมันมากที่สุด ทันใดนั้นเอง เขาก็ลุกพรวดขึ้น เพราะฮันเตรส (Helena Bertinelli — Huntress) ต่อคำศัพท์แปลกๆใส่เขา

“อะไร–? “สภาวะธรรมดา” เรอะ? มันไม่ใช่คำด้วยซ้ำ?!”

“ใช่ซิ! นี่เราจะออกไปข้างนอกได้ยัง? ไปล้มอาชญากรซักคนไหม? แล้วกลับไปสู่สภาวะธรรมดาของเราได้เปล่า? ทำไมเราต้องมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงนี้ด้วย?”

 

“ใจเย็นๆ เฮเลน่า เล่นอีกรอบก็ได้” ซาทานน่า (Zatanna Zatara) พยายามไกล่เกลี่ย “ตานี้สะกดกลับหลังดีไหม?”

“ไม่” ทั้งสามคนที่เหลือตอบพร้อมกัน

ขณะนั้นเอง แบทแมนก็ได้รับการติดต่อมาจากไนท์วิงก์ (Dick Grayson — Nightwing) ว่าเขากำลังรอฟังรายงานจากทิมอยู่ แต่ดูจากตรงนี้ก็สงบดี กระนั้นคุณพ่อจำเป็นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ บอกให้รายงานมาได้ทุกนาทีถ้าได้ยินอะไร

“ไม่ต้องห่วงหรอกบรูซ ผมจัดการเรื่องนี้ได้”

ดิ๊กทอดสายตาไปอีกฝั่ง ที่แฟนสาวของเขา บาร์บาร่า (Barbara Gordon – Oracle) กำลังกินพริกอาบาเนโร่อยู่อย่างเอร็ดอร่อย ทั้งคู่กำลังดินเนอร์กันท่ามกลางแสงสนธยาและบรรยากาศแม็กซิกัน สมกับที่เป็นวัน Cinco de Mayo เหลือเกิน

“เธอใส่ชุดนั้นแล้วดูมหัศจรรย์มากๆ ไม่ได้ดูเป็นนักสู้อาชญากรเนิร์ดๆด้วยนะ”

“หา–?”

บาร์บาร่าเลื่อนรถเข็นออกมาจากโต๊ะ เผยให้เห็นชุดฮิวพิล (Huipil) สีขาวตัวสวย ที่ขับให้เธอดูงามสะพรั่ง!

“เนิร์ดหรอ?! ฉันยัดอาวุธทั้งแบทเคฟลงชุดนี้ได้เลยนะ มันเป็นชุดที่เจ๋งดีออก!”

ไนท์วิงก์ยิ้มแป้น “ฮ่า! ฉันอยากจะเห็นแบบนั้นนะ!”

ดิ๊กทักแฟนสาวเรื่องที่เธอกินพริกสุดเผ็ดไปโดยไม่ออกอาการ แต่เธอก็ไม่ใส่ใจ ดิ๊กบอกให้เธอเพลาๆหน่อย แต่นักข้อมูลสาวแย้งว่าบรูซจะโผล่มาขัดเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วพริกนี่ก็อร่อยเกินกว่าจะมีได้ในกอทแธม เธอจึงเอ็นจอยอี้ตติ้งอย่างมาก

ทั้งคู่เปลี่ยนบทสนทนาไปเป็นเรื่องเดเมี่ยน บาบส์ถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง ดิ๊กก็บอกเหมือนเชื่อในเด็กในสังกัดของตนว่า เขาโตแล้ว เขาจัดการทุกอย่างได้ แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ใส่ชุดไนท์วิงก์เตรียมพร้อม คล้ายเตรียมพร้อมเผื่อมีอะไรไม่ดี

 

 

“ไม่เลวนี่หว่าไอ้หนู เอ็งสู้เหมือนข้าตอนหนุ่มๆเลย”

“เร็วกว่าลุงตอนหนุ่มๆอีก”

ที่โกดังแถวอ่าวกอทแธม เบนและแอบบิวส์เข้าสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ซึ่งดูท่าจะสนุกไม่น้อย แต่ข้างเวทีกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะแต่ละคนดูจะเบื่อเสียเหลือเกิน คาตาน่าจึงสร้างสถานการณ์ขึ้นมาอย่างเนียนๆ “โทษนะนาย นายเรียกเพื่อนฉันว่าจิบิใช่เปล่า?”

ทิมที่เบื่อๆก็รับมุขต่ออย่างไม่ขาดช่วง “เฮ้ยไอ้น้อง ไอ้หมอนี่เรียกน้องว่าจิบิว่ะ”

สาวชาวญี่ปุ่นกลัวคุณน้องเล็กไม่เข้าใจภาษาตัวเอง จึงรีบทำตัวเป็นเจ้าของภาษาที่ดีทันที “หมายความว่าตัวเล็ก… แบบ… ตัวกระเปี๊ยกน่ะ”

เหมือนแทงใจดำ เดเมี่ยนผู้โดนล้อว่าตัวกระเปี๊ยกหูตาผึ่ง ก่อนกระโดดต่อยหน้าลูกน้องผู้โชคร้ายคนนั้นทันที!

“แจ่ม!” ทิมกับคาตาน่าแอบยกนิ้วโป้งให้กัน

แล้วความวุ่นวายโกลาหลครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น ขณะที่ฝ่ายเบนและแอบบิวส์ที่ต่อยกันเสร็จแล้วนั่งดูดโซดาดูคนอื่นสู้อย่างสบายอารมณ์

“โอ้โห! ดูเจ้าเปี๊ยกนั่นสู้ซิ หัวเขาโตแต่เท้าเล็กชะมัด ทำข้าขำจะแย่! โอ้– หมวกสวยนี่หว่า ไอ้หนู!”

ฟอบฟุน!” คอลลินกล่าวโดยไม่หยุดดูดน้ำ

 

SILENCIO! (เงียบได้แล้ว!)

 

เบนบอกว่า เลิกงานเลี้ยงนี้แล้วก็ไปงานเลี้ยงหลังจากนี้ได้แล้ว เขาบอกว่าการแข่งขันนี้สำหรับผู้มีความสามารถและท้องแข็งแรงเท่านั้น และเขายังไม่เคยแพ้เลย

“เตรียมตัวสำหรับ…”

“…การทำทาโก้กินด้วยตัวเอง!”

 

ในโกดังนั้นคือเครื่องวัตถุดิบทำทาโก้มากมายมหาศาล ทันทีที่เดเมียนและคอลลินเห็นนั้นก็แทบน้ำลายหก ส่วนฝ่ายคาตาน่าและทิมพูดพร้อมกันว่า “(นี่น่ะหรือ)ของผิดกฏหมาย?!”

โธ ดูท่าทางแผนของภารกิจจับของผิดฏกหมายของเบนออกจะเหนือความคาดหมายไปเสียแล้ว แต่เพื่อไม่ให้เสียท่า คาตาน่าชักดาบคู่ใจของเธอออกมาพร้อมประกาศกร้าว ว่าถึงเวลาจัดการเรื่องนี้ให้มันจบๆเสียที ทิมถามถึงแผนการ และคำตอบจากผู้มีสายเลือดชาวอาทิตย์อุทัยก็คือ…

“จอมโหดกระทะเหล็กมาแล้ว”

หญิงสาวสบัดดาบควับๆ หั่นผักปาดเนื้อทำทาโก้อย่างชำนาญ ลูกน้องเบนและเดเมี่ยนต่างส่งสายตาวิบวับต่อภาพตรงหน้า “เข้ามาเลยหนุ่มๆ มีเพียงพอแจกจ่ายทุกคน อย่าลืมซอสซาลซ่าล่ะ!”

 

ทุกคนกิน กิน กินจนพุงกาง และตามที่สำนวนกล่าวไว้ว่า “หนังท้องตึง หนังตาหย่อน” เบนและลูกน้องจึงสลบเหมือดไปด้วยความอิ่มหมีพีมัน

เจ้าของฉายานกแดงน้อยบอกว่าเดี๋ยวตำรวจก็คงมาจัดการแล้ว แต่คาตาน่าใส่อะไรลงไปในนั้นหรอ นักมวยแต่ละคนถึงกินกันจนพุงกางขนาดนี้ หญิงสาวบอกว่า เธอไม่ได้ใส่อะไรลงไปเลย นอกจากความบ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ว่าแต่ เดเมี่ยนอยู่ไหนล่ะ?

ดูจากภาพ เดเมี่ยนเองก็กินทาโก้จนพุงกางสลบเหมือดไปอีกคนเสียแล้ว

“….ม่ายอาวววว… ท-ท-ท-ทาโก้แล้ว…”

 

เจอเรื่องวุ่นวายมากในวัน Cinco de Mayo.. นายเป็นไง?

เป็นเวลาที่ดีมากเลย ไม่ต้องบอกบรูซนะ

ไนท์วิงก์มองภาพกับข้อความในโทรศัพท์มือถือตัวเองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกลับมาสนใจแฟนสาวที่ยังกินไม่หยุดตั้งแต่เย็นยันค่ำ

“รับพริกอาบาเนโร่เพิ่มไหมครับ ซินญอริต้า?”

“ค่ะ!”

ซึ่งเขาก็ได้แต่ถอนหายใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า บนแทงค์น้ำที่ห่างไปไม่กี่ช่วงตึก แคทวูแมน (Selina Kyle — Catwoman) กำลังเฝ้ามองคู่รักน้อยๆ พร้อมรายงานแบทแมนอยู่ไม่ห่าง

“พวกนกน้อยๆของนายสบายดีจ๊ะบรูซ”

ดูท่าทางเธอจะมาเฝ้าอยู่นานเลยทีเดียว เพราะข้างๆกันนั้น ฮาร์ลีย์ ควินน์ (Harleen Quinzel — Harley Quinn) และแมวของเธอนั้นได้หลับไปหลายตื่นแล้ว

“นี่ ตอนนี้ไปรับไอฟส์ได้ยาง? นี่…คืนนี้เป็นคืนทำทาโก้กินเองในอาร์คัมนะ… คร่อกกกกก…

 

 

กลับไปที่กลุ่มเด็กๆที่พยายามกลับบ้าน คาตาน่าถามว่าจะเรียกไนท์วิงก์ได้หรือยัง แต่ทิมบอกว่าเขาจัดการได้ ทว่า พอมาถึงรถ กลับพบว่ามันโดนแงะอะไหล่ไปขายหมดแล้ว เด็กๆเลยต้องนั่งรถบัสกลับบ้าน โดยที่ทิมและคาตาน่าเขม่นกันไปตลอดทาง

 

“อาทิตย์หน้า อย่าลืมฉลองวันแม่ (ของอเมริกา) ไปกับ Li’l Gotham นะ!”

“พวกนินจางี่เง่าเอ้ย…”

++——————————————————++

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

 

Cinco de Mayo

Cinco de Mayo (ซินโค เด เมโย) เป็นภาษาสเปน แปลว่า “วันที่ห้าของเดือนพฤษภาคม” เป็นงานฉลองในวันที่ห้าเดือนห้า มีฉลองทั้งในสหรัฐอเมริกาและระดับภูมิภาคของแม็กซิโก เริ่มต้นจากรัฐพูบลา (Puebla) ที่เรียกวันหยุดนี้ว่า El Día de la Batalla de Puebla หรือ “วันแห่งการต่อสู้ที่พูบลา” วันหยุดนี้เกิดขึ้นโดยกลุ่มคนแม็กซิกัน-อเมริกันในทางตะวันตกของอเมริกา  เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาได้อิสระและประชาธิปไตยมาในช่วงเวลาระหว่างสงครามกลางเมืองของอเมริกา (American Civil War) ในสหรัฐฯถือว่าวันนี้เป็นวันฉลองทางมรดกประเพณีและความภาคภูมิใจของชาวแม็กซิกัน ส่วนในรัฐพูบลา วันนี้เป็นวันระลึกถึงชัยชนะอันเหลือเชื่อของกองทัพแม็กซิกันต่อกองกำลังฝรั่งเศสในการต่อสู้ที่พูบลา (Battle of Puebla) ในวันที่ 5 พฤษภาคม ปี 1862 โดยการนำทัพของนายพล อิกนาซิโอ ซารากอรา เซกวิน (General Ignacio Zaragoza Seguín)


นายพล อิกนาซิโอ ซารากอรา เซกวิน

แต่ Cinco de Mayo ไม่ใช่วันชาติแม็กซิโก ซึ่งตรงกับวันที่ 16 กันยายน นะ อย่าจำผิดล่ะ

ตอนแรกงานฉลองนี้ก็มีเพียงแต่ในเมืองที่มีชาวแม็กซิกัน-อเมริกันอาศัยอยู่เยอะ เช่น ลอส แองเจลิส, ชิคาโก และ ฮุสตัน  จนกระทั่งการฉลองนี้ขยายไปทั่วสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 7 มิถุนายน 2005 สภาคอสเกรสได้มีมติเห็นพ้องต้องกัน ให้ท่านประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯประกาศผลต่อชาวอเมริกาอย่างเป็นทางการ ให้ทำตามประเพณี Cinco de Mayo ด้วยงานฉลองและกิจกรรมที่จัดสรรไว้

สำหรับใครที่อยากหาความรู้เพิ่มเติม เชิญทางด้านล่างต่อได้เลยค่ะ

Cinco de Mayo (จาก wikipedia)- Ignacio Zaragoza Seguín (จาก wikipedia)

 

Huipil

Huipil (ฮิวพิล) หรือชุดที่บาร์บาร่าใสในตอนนี้นั้น เป็นเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมที่สุดของหญิงชนพื้นเมืองจากใจกลางแม็กซิโกถึงอเมริกากลาง มีรูปร่างเป็นเสื้อคลุมตัวหลวม โดยทั่วไปทำจากผ้าทรงสี่เหลือมผืนผ้าสองถึงสามผืน ที่จะกลายเป็นชุดโดยการเย็บ ผูกโบ หรือฉีกออก เพื่อทำช่องให้หัวใส่ หรือถ้าด้านข้างถูกเย็บไปแล้ว ก็เพื่อให้แขนลอดออกมาได้ ฮิวพิลแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะที่เป็นพิธีการนั้น มักจะทำจากผ้าทอมือที่ทำโดยเครื่องจักรสาน และตกแต่งแบบจัดเต็มด้วยผ้าทอที่ออกแบบมาแล้วลงไปในเนื้อผ้า การเย็บปักถักร้อย ผูกโบ ร้อยดิ้น และอื่นๆอีกมากมาย อย่างไรก็ตาม ฮิวพิลบางชุดก็ทำจากผ้าใยสังเคราะห์ โดยความยาวของฮิวพิลนั้นมีมากมาย ได้ตั้งแต่ระดับเสื้อครึ่งตัวถึงยาวลากพื้น


สาวน้อยสาวใหญ่ในชุดฮิวพิล

การตกแต่งฮิวพิลตามแบบดั้งเดิมนั้น มักบ่งบอกถึงลักษณะชาติพันธุ์หรือสังคมของผู้ใส่ เพราะแต่ละที่ก็มีวิธีการสร้างสิ่งทอและตกแต่งในแบบฉบับของตนเอง บ้างก็มีดีไซน์ที่ซับซ้อนที่มีความสำคัญ โดยฮิวพิลอย่างเป็นพิธีการนั้น เป็นชุดที่ทำด้วยความละเอียดที่สุด และมักใช้ในงานแต่งงาน งานศพ ให้ผู้หญิงชั้นสูงใส่ และแม้แต่ใส่ให้รูปปั้นนักบุญก็มี (แบบว่าชุดชนิดเดียวใช้ได้ทุกงาน)

สนใจอ่านประวัติเบื้องลึก ตามมาเลยค่ะ

Huipil (จาก wikipedia)

 

เผ็ดจริงๆเลยนะตัวแค่นี้ มันจะร้อนอะไรอย่างนั้น ตัวนิดเดียว

Habanero (อ่านว่า “อาบาเนโร่” ไม่ได้พิมพ์ผิดแต่อย่างใด) เป็นพริกเผ็กชนิดหนึ่ง อาบาเนโร่ที่ยังไม่สุกจะมีสีเขียว และเปลี่ยนสีเมื่อโตขึ้น (เหมือนพริกทั่วไป) ปกติจะมีสีส้มและแดง แต่บางทีสีขาว น้ำตาล หรือสีชมพูก็มีมาให้เห็นบ้าง ปกติพริกที่สุกแล้วจะมีขนาด 2-6 เซนติเมตร อาบาเนโร่ถูกจัดส่ามาความเผ็ดมาก ในระดับ 100,000 – 350,000 ขอมาตราสโควิลล์ (Scoville Scale) เลยทีเดียว (ขณะที่พริกขี้หนูบ้านเราถูกจัดอยู่ในระดับ 50,000 – 100,000 เท่านั้น!)


ฉันคงไม่ตาย ยังไงก็เสี่ยงขอชิม!

++——————————————————++

คุยแถมท้าย

 

หายหน้ากันไปนานพอควรค่ะ จากเล่มที่แล้ว เพราะเรากำลังจะขึ้นม.หกสุดโหดแล้วนั่นเอง (และจากนี้อาจไม่ได้โผล่อีกนาน Orz)

Li’l Gotham เล่มนี้ เป็นอะไรที่น่ารักมาก น่ารักสุดๆ ทำเราที่จะนอนอยู่แล้วลุกขึ้นมาอ่านเกือบนอนไม่หลับได้ และเป็นเล่มแรกเลย ที่สปอยล์เสร็จใน 24 ชั่วโมง นับจากเวลาที่เริ่มต้นอ่าน (ราวๆตีสองวันนี้) เพราะสิ่งต่างๆที่อยู่ในเล่มนี้ เป็นความลงตัวแบบไม่น่าเชื่อจริงๆว่าจะเป็นเช่นนี้ได้ ไม่ว่าการปรากฏตัวของแบทแฟมทุกคน (ยกเว้นอัลเฟรด ; w 😉 หรือรายละเอียดเล็กๆน้อยที่คุณดัสตินได้ใส่ไว้ต่อตัวละครต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของ ทำให้เรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกจนสปอยล์จบอย่างรวดเร็วเช่นนี้เอง 555+

ขอบคุณที่ยังคอยติดตามกันนะคะ m(_ _)m

ป.ล. ระหว่างนั่งสปอยล์คอมมิคตอนนี้ มีโอกาสได้กินซอสซาลซ่าด้วย อร่อยและเข้ากับเรื่องมากค่ะ XDDD

Batman: Li’l Gotham #4

Batman : Li’l Gotham #4 คืนปีใหม่อันแสนวุ่นวายของเซลิน่า ไคล์ และสองสาวไซเรนส์
เรื่อง : DUSTIN NGUYEN และ DEREK FRIDOLFS
ภาพ : DUSTIN NGUYEN
วางจำหน่าย: 25 ธันวาคม 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics

 

 

YOU CAN (NOT) START FRESH

คุณ(ไม่)สามารถเริ่มต้นใหม่!?

Continue reading

Batman: Li’l Gotham #3

Batman : Li’l Gotham #3 คืนเทศกาลคริสต์มาสที่กอทแธม
เรื่อง : DUSTIN NGUYEN และ DEREK FRIDOLFS
ภาพ : DUSTIN NGUYEN
วางจำหน่าย: 18 ธันวาคม 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics

 

ความตั้งใจที่สวนทางกัน

++——————————————————++

ในคืนวันคริสตมาส นักข่าวสาววิคกี้ (Vicky Vale) กำลังรายงานถึงเหล่าชาวเมืองผู้มารวมตัวกันที่กอทแธมพลาซ่า เพื่อรับชมพิธีเปิดไฟต้นคริสมาสต์ประจำปีนี้ นายกกล่าวสุนทรพจน์เป็นพิธี โดยชี้แจงว่า โดยปกติแล้วจะมีวงร้องประสานเสียงยุวชนมาร้องเพลงด้วย แต่สงสัยจะติดหิมะอยู่ เขาแกล้งสัพหยอกว่า ผบ.กอร์ดอน (Commissioner James “Jim” Gordon) จะร้องแทนได้หรือไม่ ซึ่งผู้ถูกพาดผิงก็ได้แต่เพียงยักไหล่แทนคำปฏิเสธ เรียกเสียงหัวเราะจากประชาชนได้เป็นอย่างดี

พูดไปซักพักพอเป็นพิธี นายยกก็กดปุ่มเปิดไฟต้นคริสต์มาสยักษ์ แสงแวววับส่องสว่างไปทั่วบริเวณ ประชาชนทุกคนต่างเบิกตากว้างด้วยความตื่นตาตื่นใจ

ผบ.กอร์ดอนเดินลงเวทีมา เจอกับสองหนุ่ม บรูซ (Bruce Wayne – Batman) และ ดิ๊ก (Dick Grayson – Nightwing) ดิ๊กแกล้งถามว่าท่านผู้การจะร้องเพลงตามคำขอไหม? เพราะเขาอยากขอเพลงรูดอลฟ์เสียหน่อย แต่กอร์ดอนก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่งานของฉัน ก่อนกล่าวขอบคุณกับเศรษฐีผู้สนับสนุนงานนี้ตลอดมา

ท่านผู้การสังเกตุได้ว่าคราวนี้เดเมี่ยน (Damian Wayne – Robin) ไม่มาด้วย จึงถามหาว่าวันนี้ไม่มาป่วนหรือ? ดิ๊กตอบไปว่า เดเมี่ยนกำลังช่วยอัลเฟรด (Alfred Pennyworth) ตกแต่งบ้านอยู่ และสองคนนั้นน่าจะใช้เวลาร่วมกันได้ดี

แต่ก็เป็นอย่างที่เห็นในรูปน่ะนะ

กอร์ดอนชักสงสัยว่าทำไมวงร้องประสานเสียงยุวชนไม่มาเสียที เพราะพวกเขาไม่เคยพลาดงานนี้มาก่อนเลย แต่ในสภาพอย่างนี้ เขาก็ได้แต่หวังว่าเด็กพวกนั้นจะไม่ประสบอุบัติเหตุอะไรเสียก่อน ใช่ไหมคุณเวย์น เวย์น?

อ้าวเวร สองคนนั่นหายไปเสียแล้ว

ผู้การกอร์ดอนโดนทิ้งเดียวดายเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา จนเขาชักติดพูดคนเดียวเสียแล้ว ทันใดนั้น จู่ๆเขาก็คิดอะไรขึ้นได้ เขาถามตัวเองว่าทำไมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าที่จริงแล้ว บรูซ เวย์น มีตัวตนลับก็คือ…

“…ซานตาคลอส!”

เอิ่ม ท่านคะ ถึงคุณชายเวย์นจะ หนุ่ม ใจดี สปอร์ต ก(อ)ท(แธ)ม แต่ไม่ได้แก่ ใจดี เรนเดียร์ ขั้วโลกเหนือนะคะท่าน! (ยืมมุขพี่ voeten มาใช้นิดนึง XDDD)

อีกฝากฝั่ง ซานต้าตัวจริง(?)กำลังหัวเราะเสียงใส โดยที่ข้างหลังเขานั้น รถสีดำขลับก็เล่นผ่านเขาไปด้วยความรวดเร็วจนหิมะกระจุบเป็นละออง ข้างในรถนั้น แบทแมน ซึ่งเป็นตัวตนลับที่แท้จริงของมหาเศรษฐีตระกูลเวย์น กับไนท์วิงก์ หรือตัวตนลับของดิ๊ก เกรย์สัน กำลังติดต่ออัลเฟรดผู้แสนดีเพื่อให้เขาช่วยหาข้อมูลของบ้านเด็กกำพร้าที่เป็นเจ้าของวงร้องประสานเสียงยุวชนให้อยู่ พ่อบ้านเล่นมุขหน้าตายโดยถามว่า ทั้งคู่จะไปเข้าบ้านนั้นเพื่อฝึกมารยาทหรอครับ? มันไม่สายเกินไปที่จะเรียนมารยาท… สำหรับพวกคุณทุกคน เขาพูดขณะที่โดนเดเมี่ยนตัดหมวกซานต้าที่เขาใส่อยู่จนเห็นเหม่ง แบทแมนได้แต่รับว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาพยายามทำอยู่ อัลเฟรดก็ชมด้วยสีหน้าเดิม “ใจหล่อมากครับท่าน”

แบทแมนลากเส้นทางที่รถโรงเรียนเซนต์ปีเตอร์ไปยังจีพีเอส โดยเชื่อว่าจะช่วยหาเป้าหมายเจอได้

ไม่นานทั้งคู่ก็พบกับรถบัสสีเหลืองจมอยู่ในหิมะ แบทแมนคิดว่าเพราะถนนที่เป็นน้ำแข็ง ทำให้รถควบคุมไม่ได้ แต่ไนท์วิงก์ที่ล่วงหน้าไปก่อน บอกเขาว่า น่าจะมีใครมาเอี่ยวด้วยมากกว่า เพราะในรถนั้น มีคุณครูสองคนนั่งมือแข็งเป็นน้ำแข็ง เป็นน้ำแข็งจริงๆ มาแบบก้อนๆ นั่งตัวสั่นงกๆ แบทแมนที่เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า บอกให้ทั้งคู่ใจเย็นๆแล้วละลายน้ำแข็งให้ทันที

เสร็จแล้ว เขาก็บอกให้ครูทั้งสองคนรออยู่ที่นี่เพราะจะปลอดภัยกว่า ให้อยู่เฉยๆ และพยายามทำตัวให้อุ่นไว้ ครูกล่าวขอบคุณและชี้ทางที่พวกเด็กๆถูกพาไปให้ แถมสำทับว่าให้รีบๆด้วย (แหม แอบสั่ง)

แป๊ปเดียว แบทแมนก็พบกับเป้าหมาย ซึ่งทำให้เขาตกใจวูบหนึ่ง เพราะสิ่งที่เขาพบคือลูกแก้วหิมะขนาดยักษ์ระดับบรรจุตัวคนได้อย่างไม่ยากเย็น! และคนที่สร้างอะไรเกี่ยวกับหิมะและน้ำแข็งแบบนี้ได้ มีเพียงคนเดียวในกอทแธมเท่านั้น และเขาก็คือ

“ฟรีซ!”

“ปล่อยเด็กเดี๋ยวนี้นะ วิกเตอร์!” แบทแมนว่าพร้อมกับสไลด์หิมะลงมา แต่มิสเตอร์ฟรีซหรือวิกเตอร์ (Victor Fries — Mr. Freeze) ก็ไม่ได้สนใจคำพวกนั้นเลย เอาแต่ยืนดูเด็กๆ พร้อมพูดโดยไม่หันไปมอง ว่าเขาไม่ได้จับเด็กพวกนี้มาเป็นนักโทษหรอกนะ เด็กแต่ละคนก็เหมือนเกล็ดหิมะ — มีเอกลักษณ์เฉพาะแต่ละบุคคล เป็นสิ่งล้ำค่า แล้วก็บอบบางเสียเหลือเกิน เขาเลยตั้งใจที่จะปกป้องเด็กๆพวกนี้จากความลำบากและความโหดร้ายของเมืองกอทแธม ให้ไปอยู่ในบ้านที่ควรอยู่ ไม่ใช้ต้องถูกพามาร้องเพลงในวันหยุดแบบนี้

มิสเตอร์ฟรีซจับจ้องเหล่าเด็กๆที่เล่นกันสนุกสนานอยู่ในลูกแก้วหิมะ ก่อนผละมาตั้งปืนพร้อมบอกคำขาด ว่าพวกเขาจะพาเด็กพวกนี้กลับไปด้วยกัน และเราจะอยู่กันอย่างสันโดษจากความชั่วร้ายของโลกใบนี้ ฉันคือผู้ปกป้องพวกเขา ผู้คุ้มครองพวกเขา

ไนท์วิงก์เห็นว่านี่มันเป็นการลักพาตัวชัดๆ จึงสวนกลับไปว่า “เป็นคนที่จบตัวพวกเขามาล่ะซิไม่ว่า!” แบทแมนก็เสริมเข้าไปว่า “ถ้านายไม่ปล่อยเด็กๆไปล่ะก็นะ วิกเตอร์ ฉันจะทำเอง”

แต่วิกเตอร์ก็ไม่ได้สะทกสะท้าน ซ้ำยังท้าทายด้วยการยิงปืนน้ำแข็ง

ทั้งไนท์วิงก์และแบทแมนต่างกระโจนหลบ แต่ในช่วงจังหวะนั้นเอง แบทแมนก็ขว้างแบทตาแรงไปอย่างรวดเร็ว

“ความเย็นทำให้นายเล็งพลาดนะ แบทแมน” วิกเตอร์หลบอาวุธนั่นอย่างง่ายดาย แต่แล้วแบทตาแรงก็วกกลับเจาะถังหล่อเย็นของเขาจังๆ!

ไนท์วิงก์ฉวยโอกาสขึ้นไปบนลูกแก้วหิมะเพื่อช่วยเด็กๆ “เด็กๆทุกคนอยู่ในนั้นเป็นอะไรไหม?”

“พวกเราสบายดี แต่ป๊อปคอร์นเราหมดแล้วอ่ะคร้าบ”

“ปล่อยเด็กไปซะ วิกเตอร์ นายทำความดีได้ด้วยวิธีอื่นนะ” แบทแมนกล่าว ขณะที่มิสเตอร์ฟรีซที่โจมตีต่อไม่ได้เพราะถังหล่อเย็นที่จะใช้ยิงลำแสงแช่แข็งรั่วได้แต่ยืนหน้าเสีย ในบรรยากาศเคร่งเครียดนั้น ไนท์วิงก์ก็ตีลังกาลงมา

เขาเสนองานดีๆให้มิสเตอร์ฟรีซ ทั้งงานขัดลานฮ๊อกกี้น้ำแข็งให้กับทีมกอทแธมเบลดส์ก็ดี หรือไปเป็นคนคุมหมีขาวให้กับคณะละครสัตว์ฮาลีย์’ส ที่ดิ๊กเคยอยู่ก็ดี ไม่ก็ไปขายไอศกรีมก็ดี เพราะไนท์วิงก์มั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องทำมันได้ดีแน่ๆ! แต่เขาไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะ… เอ่อ… ช่างเถอะ เขาคิดว่าวิกเตอร์ต้องเข้าใจแน่ล่ะ

พวกเด็กๆที่ได้ยินคำว่าไอศกรีมก็พลันตาโต ส่งเสียงดังเซ็งแซ่ “ไอศกรีม!? พวกเราอยากกินไอศกรีม!!”

วิกเตอร์ยกมือปิดหูเป็นพลันวัน ปากได้เพียงแต่ขอร้องให้เด็กๆเงียบลงเสียที

มิสเตอร์ฟรีซพ่ายแพ้ไปเพราะทนเสียงของเด็กๆที่ตนเองบอกว่าจะดูแล แบทแมนจึงได้โอกาสสั่งสอนอีกฝ่าย

“เด็กทุกคนควรได้ยิน ว่าคนที่จะให้ความรักความเอาใจใส่ในแบบพวกเขา ถูกรักและถูกปกป้องได้ ล้วนต่างเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ทั้งสิ้น”

“และเด็กทุกคนต้องการพ่อแม่ด้วยกันทั้งนั้น”

(เหมือนเปรียบเทียบว่า เขารู้ว่าทุกคนต้องการการดูแล ความรัก ความเอาใจใส่จากพ่อแม่ แต่สิ่งที่มิสเตอร์ฟรีซทำ โดยการพยายามลักพาตัวเด็กๆไปเก็บไว้กับตัวเอง ก็ไม่สามารถทดแทนการที่เด็กพวกนี้ไม่มีพ่อแม่ได้)

หน้าของแบทแมนนิ่งไป คล้ายหวนถึงชีวิตที่ผ่านมาโดยไม่มีพ่อแม่เช่นเดียวกันกับเด็กๆในลูกแก้วหิมะข้างหน้าตน

มิสเตอร์ฟรีซทรุดลง นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดออกคล้ายยอมรับ “เราไม่ได้ยึกถือแนวทางปฏิบัติเดียวกัน แต่ฉันรู้สึกว่าเราก็มีความตั้งใจเหมือนกัน”

“เด็กๆ ถอยออกไปจากน้ำแข็งหน่อย ฉันจะช่วยเธอออกมาเอง” แบทแมนเตรียมละลายน้ำแข็ง แต่ไนท์วิงก์ยกมือขึ้นมาห้ามไว้

“เดี๋ยวก่อน มันมีประตูอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่ง” ไนท์วิงก์โชว์เด็กคนหนึ่งให้อีกฝ่ายดู “ผมเอาเด็กออกมาด้วยวิธีนั้นแหละ มันไม่ได้ล็อกด้วยซ้ำ แถมยังมีสไลเดอร์น้ำแข็งสุดเจ๋งติดอยู่ด้วยต่างหาก”

วิกเตอร์พูดด้วยเสียงอ่อยๆ “ก็ฉันชอบสไลเดอร์…”

ไม่นานนัก เด็กๆทุกคนก็ออกมาจนครบ แล้วเด็กคนหนึ่งก็ถามมิสเตอร์ฟรีซว่า “เฮ้ คุณครับ คุณจะไปกับพวกเราหรือเปล่า? เราจะไปร้องเพลงกันคืนนี้ มันจะต้องสนุกแน่ๆครับ”

“ไม่ เด็กน้อย ฉันไม่ร้องเพลง” วิกเตอร์ที่นั่งคอตกตั้งแต่เมื่อครู่ก็ปฏิเสธไป

แต่เด็กน้อยก็ยังรบเร้าว่าถ้าเขาไม่ไปปีนี้ ก็ไปปีหน้านะครับ

ตัดฉากมาที่โรงพยาบาลจิตเวชอาร์คัม (Arkham Asylum) เหล่านักโทษกำลังฉลองวันคริสต์มาสในห้องพักของตัวเอง ทั้งเอ็ดเวิร์ด (Edward Nigma — Riddler) ที่นั่งพิมพ์ดีดอยู่ที่ชั้นบน ฮาร์ลีน (Harleen Quinzel — Harley Quinn) กับ โจ๊กเกอร์ (Joker) กำลังร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานพร้อมแลกของขวัญให้กันผ่านทางผู้คุมที่ชั้นกลาง ส่วนชั้นล่าง ออสวอลด์ (Oswald Cobblepot – Penguin) นั่งอ่านหนังสือกับฝูงนกเพนกวินของเขาด้วยรอยยิ้ม และเจนน่า (Jenna Duffy — Carpenter) กำลังสร้างของเล่นคริสต์มาสอย่างตั้งอกตั้งใจ รวมทั้งคนไม่ใกล้ไม่ไกล พาเมล่า (Pamela Isley — Poison Ivy) ส่งเสียงทักทายผู้คุมที่เดินผ่านมาอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีค่าาาาาาาาาาา คาร์ลลลลลลลล…”

“สะ สะ สะ สวัสดีคร้าบ คุณอิสลีย์… สะ สะ สุขสสันต์วันคะ คะ ริสต์มาสครับ…”

ในอีกฝากหนึ่งที่แทบไร้ผู้คน ผู้คุมที่เดินผ่านห้องขั้งที่ทำจากน้ำแข็งไปพูดขึ้นมากับเพื่อนของเขา

“นายได้ยินป่ะว่าเขายอมมามอบตัวเอง? แทบไม่มีการขัดขืนเลยด้วยซ้ำ”

“จริงเด่ะ?”

“เออ ข้าหมายความว่า… ทำไมนายจะไม่ทำงั้นล่ะ? เพราะดูท่าเขาจะไม่มีใครให้กลับบบ้านไปหาอยู่แล้ว ช่างเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ”

วิกเตอร์นั่งอยู่อย่างเงียบเหงาเศร้าซึมในห้องขัง… จริงอย่างที่พวกผู้คุมว่า ว่าเขาไม่มีใครให้กลับไปหา ทั้งพ่อแม่ หรือภรรยา เขาต้องอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวในวันคริสมาสต์นี้อย่างเงียบงัน

แต่ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเล็กๆลอยแว่วมามา

“Siiiilent Niiiight…”

วิกเตอร์หันมองควับ เขาลุกจากเตียงไปที่หน้าต่าง มองลงไปข้างนอก ซึ่งเป็นที่มาของเสียงเพลงเวลานี้

“…Hoooooly Niiiiiight…”

และภาพที่ปรากฏอยู่ภายนอกคุก คือวงไควเออร์ยุวชนและครอบครัวค้างคาวมาร่วมกันร้องเพลงท่ามกลางหิมะให้กับเขานั่นเอง

“….All is calm…”

“…All is bright…”

ชายผู้คุ้นเคยแต่กับความเย็นชายืนนิ่งอยู่ที่หน้าต่าง ก่อนจะยิ้มน้อยๆออกมาช้าๆกับสิ่งที่ทุกคนทำให้เขา

“…Sleep in Heavenly peace…”

วิกเตอร์ ฟรีส รู้ตัวว่าเขาไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว

สุขสันต์วันคริสต์มาส! พบกันได้ใหม่อีกครั้งในฉบับปีใหม่นะเออ!

++——————————————————++

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

วง Choir, Chorus และเพลงคริสต์มาส

วง Choir หรือวง Chorus มีชื่อภาษาไทยว่า “คายกคณะ” หรือ “นักร้องหมู่” เป็นพวกขับร้อง พบมากในโบสถ์เพื่อขับร้องบทเพลงทางศาสนา แต่ต่อมาก็เริ่มได้รับความนิยมและนำมาร้องกันทั่วไป คายกคณะแบ่งระดับเสียงของคายก ที่อยู่ในวงตามเสียงสูง-ต่ำ ของนักร้องแต่ละคน โดยมีชื่อเรียกต่างๆกันไปตามแต่ในระดับเสียง เพลงที่ใช้ร้องมีหลายแนว ทำนองสอดประสานกันไป

สำหรับข้อมูลย่อย ตามได้จากลิงค์ด้านล่างค่ะ

คายกคณะ (จาก วิกิพีเดีย)

แน่นอนว่า คริสต์มาสที่เป็นเทศกาลใหญ่ทางศาสนาคริสต์ ย่อมขาดคณะนักร้องนี้ไปไม่ได้เลย และเราก็น่าจะเคยได้ยินเพลงคริสต์มาสผ่านหูกันตั้งแต่เด็ก ทั้งเพลง Santa Claus is coming to town, Jingle Bells, ฯลฯ แต่เพลงที่โผล่ใน Li’l Gotham #3 นี้ มีอยู่สองเพลง คือ

Rudolph the Red-Nosed Reindeer ที่ดิ๊กขอให้ท่านผบ.ร้องตอนต้นเรื่อง
Silent Night ที่คายกคณะยุวชนและบ้านค้างคาวมาร่วมกันร้องให้มิสเตอร์ฟรีส

ตอนนี้ลองเปิดเพลง แล้วย้อนกลับไปอ่านใหม่อีกรอบซิคะ 😉

The Gotham Plaza Christmas Tree

ประเพณีหรือพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์กลางเมืองกอทแธมที่ปรากฏในเล่มนี้ มีต้นแบบมาจาก Rockefeller Center Christmas Tree ที่นิวยอร์ก ต้นแบบของกอทแธม (เหมือนกับพาเรดวันขอบคุณพระเจ้าในเล่มที่แล้ว)  ซึ่งทุกปี จะมีต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์มาตั้งอยู่ที่ Rockefeller Center กลางเมือง Manhattan ต้นไม้นี้จะถูกประดับด้วยหลอดไฟ และเปิดมันขึ้นราวๆปลายเดือนพฤศจิกายน หรือต้นเดือนธันวาคม ต้นไม้ที่ใช้ในงาน ซึ่งมักจะเป็นพันธุ์ Norway Spruce ที่สูงตั้งแต่ 69 ถึง 100 ฟุต (21 ถึง 30 เมตร) ได้ถูกนำมาตั้งทุกปี ตั้งแต่ 1933 เป็นต้นมา

ถึงแม้ประเพณีนี้จะเริ่มอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1933 (ซึ่งเป็นตอนที่ถนน 30 Rockefeller Plaza หรือ 30 Rock เปิดตัว) แต่ก็มีบันทึกไว้ว่า งานนี้มีมาอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่ช่วงยุคที่อเมริกาโดนพายุดีเปรสชั่นถล่ม เศรษฐกิจตกต่ำ (ช่วงปี 1931-1932 ที่เรียกกันว่า Depression-Era) แล้ว โดยพวกคนงานก่อสร้างได้ตกแต่งต้น Balsam Fir เล็กๆ ขนาด 20 ฟุต (6.1 เมตร) ด้วย “เถาแครนเบอร์รี พวกดอกไม้กระดาษ แม้แต่พวกกระป๋องดีบุก” ในคืนวันคริสต์มาสอีฟ (24 ธันวาคม ปี 1931) ทว่า ในปี 1932 ก็ไม่มีการตกแต่งต้นไม้แต่อย่างใด

(ต้องขอบคุณข้อมูลจากพี่ doc holliday มาในที่นี้ด้วย m(_ _)m)


คริสต์มาสยุคหลังสงคราม

ต้นคริสต์มาสต์นั้ที่ถูกประดับตกแต่ง จะตั้งอยู่อย่างนั้นจนถึงวันที่ 6 มกราคม ซึ่งเป็นวันสำคัญของชาวคริสต์อีกวันหนึ่ง เรียกว่าวัน Epiphany เป็นวันที่พระคริสต์เกิดขึ้นมาได้ 12 วัน เพราะเชื่อกันว่า คืนที่เรียกว่า “Twelfth Night” (คืนที่สิบสอง) ได้มีกษัตรย์สามพระองค์นำของขวัญมาให้พระเยซู

ใครสนใจเรื่องราวเพิ่มเติมของเรื่องนี้ เชิญตามไปด้านล่างได้เลยค่ะ

Rockefeller Center Christmas Tree (จาก Wikipedia)
6 มกราคม ( January 6 Epiphany day) (โดยคุณ PinePh)

จะว่าไปแล้ว หลายๆคนน่าจะเคยเห็นพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาส์ยักษ์กลางเมืองกอทแธมมาแล้วครั้งหนึ่ง จากหนังเรื่อง Batman Returns (1992) ที่กำกับโดย Tim Burton เพียงแต่ว่างานนั้นจบไม่สวยเท่าไหร่ เพราะถูกป่วนโดยเจ้าเพนกวิน แล้วก็โยนความผิดให้แบทแมนซะงั้นแทน

 

ดักแก่ใครบางคนกันเลยทีเดียว

ยังจำกันได้ไหมเอ่ย?

++——————————————————++

คุยแถมท้าย

ค่ะ สุขสันต์วันคริสต์มาสชนิดย้อนหลังนานนนนนมากกกกกก สำหรับทุกคนนะคะ พอดีช่วงที่ผ่านมาเราสอบใหญ่ เลยไม่ได้มาสปอยล์คอมมิคเลย ต้องขอโทษจริงๆค่ะ m(_ _)m

ในสปอยล์นี้ เราลองเรียบเรียงใหม่ให้รวบรัดกระชับขึ้น เน้นเนื้อๆ ซึ่งต่างจากเล่มที่แล้วที่ค่อนข้างละเอียดกว่า แต่ก็มีน้ำกว่า… จะเรียกสปอยล์นี้ว่าเป็นการทดลองก็ได้ 😛

เล่มนี้เป็นเล่มที่เราชอบมากเล่มหนึ่ง (จริงๆก็ชอบ Li’l Gotham ทุกเล่มแหละ 555+) เพราะโทนเรื่องจะจริงจังกว่าสองเล่มที่แล้ว เนื่องจากมีการใส่ประเด็นมุมมองของตัวร้ายขึ้นมา ใส่แง่มุมเด็กกำพร้าขึ้นมา ทำให้โทนเรื่องหม่นขึ้น (ตามแบบฉบับแบทแมน) แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายเส้นง่ายๆแบบ Li’l Gotham ไป ซึ่งกลายเป็นว่า พอทั้งสองอย่างนี้มารวมกัน ก็ทำให้เกิดรสชาติที่ไม่เข้มเกินไป เหมาะสำหรับวันหยุด เพราะส่วนตัวเราเชื่อว่า ถ้าเกิดวาดเรื่องนี้เป็นลายเส้นจริงจังขึ้นมา มีเครียดแน่

สำหรับเล่ม #4 อดใจรอไม่นานค่ะ แต่แอบแง้มไว้ก่อนว่า ต่างกับสามเล่มที่ผ่านๆมาแน่นอน เพราะเปลี่ยนมุมจากแบทแมนไปเป็นตัวละครอื่น แต่จะเป็นใครนั้น ขออุบไว้ก่อนนะคะ แต่แง้มๆตรงนี้ว่า ไม่ใช่คนอื่นคนไกลของมนุษย์ค้างคาวเลย 😉