Earth-2 World’s End #01

Earth-2 World’s End #1

เรื่องโดย : Daniel H.Wilson | ภาพโดย : Eddy Barrow

วางจำหน่าย : 8 ตุลาคม 2014

สำนักพิมพ์ : DC Comics

ฮีโร่ที่หลุดไปยังโลกคู่ขนานได้กลับมายังบ้านของพวกเธออีกครั้ง… ก่อนที่จะพบว่ามันเลวร้ายกว่าที่พวกเธอคาดคิด

ฮีโร่ของ Earth-2 ได้รับชัยชนะที่แลกมาด้วยการเสียสละมากมาย… แต่มันก็เป็นเวลาเพียงวันเดียวแห่งความปิติยินดี

เพราะตอนนี้ขุมนรกกำลังจะอุบัติขึ้นบน Earth-2 อีกครั้ง ด้วยการมาของ Four Fury of Apokolips!


“พวกเราที่อยู่บนโลกใบนี้นั้นเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ไร้ซึ่งพลัง… แต่ทุกๆการตัดสินใจของพวกเราก็นำไปสู่โลกใบใหม่”

“แต่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอแล้วที่จะนำมันไปสู่อนาคตที่พวกเราต้องอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปชั่วชีวิต…”

“จริงๆแล้วฉันหวังว่าตัวเองจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ก่อนที่จะกลายเป็นกรีนแลนเทิร์น ในขณะที่ฉันยังเป็นแค่อลัน สก็อตต์ ก่อนที่…”

“…ฉันปฏิเสธที่จะรับฟังเสียงของคนที่ห่วงใยฉันที่สุด”

Earth-2 World’s End #1 

Apokolips Now

และเรื่องราวก็ย้อยกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นของมัน ก่อนที่สงครามระหว่างโลกจะอุบัติ โลกที่ทุกคนยังอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข (จากภาพจะเห็นครอบครัวนึงที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา พวกเขาคือครอบครัว Grayson ซึ่ง Dick แต่งงานกับ Barbara และกำลังจะคลอดลูกของพวกเขา)

โดยในขณะนั้น Alan Scott ได้จ้าง Terry Sloan ให้ทำการสร้างเครือข่ายประตูมิติ Boom Tubes เพื่อใช้เป็นช่องทางสื่อสารขนาดใหญ่ แต่เขาไม่รู้เลยว่า Sloan นั้นมีแผนการของเขาเอง

และในตอนนั้น Alan ยังเชื่อมั่นในตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่รับฟังคำเตือนของ Sam แฟนหนุ่มของเขา จน Sam ต้องหาวิธีอื่นเอง

*เห็นชายกับชายแบบนี้ไม่ต้องคิดมากนะครับ เพราะ Alan Scott ใน New 52 นี้เขาเป็นเกย์

ในตอนนั้น Steppenwolf กำลังขยายกองทัพของเขาอยู่ในมิติที่ 9 เพื่อเตรียมการใหญ่สำหรับการรุกรานในไม่ช้า กับลูกสาวของเขากับ Wonder Woman ที่มีนามว่า Fury

ในค่ำคืนแห่งจุดเริ่มต้น ที่ Gotham City

Batman และ Robin มาถึงยังตึกที่ซ่อนของ Jimmy Olsen โดยไม่รู้ว่า Jimmy นั้นพบเห็นสิ่งที่ Sloan กำลังทำอยู่ และเมื่อเขาจะอธิบายให้พวก Batman ฟังเขาก็เผลอเรียกชื่อ “Bruce” ออกไป ทำให้ Batman ต้องรีบทำให้เขาสลบลงโดยเร็ว

Metropolis

เมื่อไม่มีผู้ใดเตือนเรื่องนี้ได้อีก ประตูมิติก็ถูกเปิดออก เสียงโทรศัพท์จากพ่อของ Lois มาสายเกินไป การบุกรุกของ Apokolips เริ่มขึ้นแล้ว และนี่คือจุดเริ่มต้นของสงครามบน Earth-2…

มันเป็นสงครามที่เริ่มขึ้นโดยไม่มีคำเตือน ไร้ความปราณี และไม่มีวันหยุดยั้ง จากสงครามครั้งนี้คนรักของ 2 ฮีโร่ Lois และ Selina ได้ตายไป

และเมื่อไฟของสงครามจากต่างมิติลุกโชน กองกำลังต่างๆจากทั่วโลกก็ได้มารวมกันกลายเป็นกองกำลังหนึ่งเดียวที่จะปกป้องโลกใบนี้ของพวกเขา กองกำลังโลก (World Army) ซึ่งพวกเขาได้เลือกที่จะเชื่อใจ Terry Sloan อัจฉริยะที่พวกเขาคิดว่าจะช่วยพวกเขาได้ แต่สุดท้าย Sloan ก็ได้ปลดปล่อยไฟจากนรกขึ้นมาจากหลุมไฟ ซึ่งแผดเผาชีวิตในบริเวณนั้นไปหลายร้อยล้านคน โดย Sloan ได้บอกว่าที่เขาทำลงไปก็เพื่อช่วยเหลือโลกของเขาไว้

Arkham World Army Base

หลังจากสงครามล่วงเลยไปได้สักระยะ Trinity ของโลกใบนี้ก็พบกับหนทางที่จะเอาชนะศึกนี้ พวกเขานัดเจอกันที่ด้านใต้ของฐาน Arkham และที่นั่นเหล่าวายร้ายได้ถูกจับมารวมตัวไว้ ซึ่งที่พวกเขาต้องทำแบบนั้นเพราะหากพวกเขาไม่รอด มันอาจจะเหลือเพียง Kara และ Helena ที่จะต่อสู้เพื่อโลกใบนี้ และวายร้ายจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ การกักขังพวกมันไว้แบบนี้จึงเป็นทางออกเดียวเพื่ออนาคต

หลังจากเจอหน้ากันพวกเขาก็อบถามสารทุกสุขดิบของแต่ละฝ่าย ก่อนที่จะเข้าเรื่องว่า Batman พบหนทางที่จะเอาชนะศึกนี้ได้แล้ว จากการสอบปากคำ Batman พบว่า Jimmy รู้ว่าพวก Apokolips นั้นมายังโลกใบนี้ได้อย่างไร และเขาก็พบว่าจะหยุดยั้งพวกมันได้ด้วย…ไวรัส

ที่พวกเขาต้องทำก็คือเอาไวรัสนี้ไปใส่ยังศูนย์กลางของหอคอยที่กระจายสัญญาณควบคุมพวก Parademon แต่การจะทำแบบนั้นพวกเขาอาจจะต้องแลกด้วยทุกๆอย่างที่พวกเขามี Trinity ทั้งสามได้ตัดสินใจที่ลงมือโดยเร็วที่สุด

ในการต่อส้ครั้งสุดท้ายเพื่อติดตั้ง Virus นี้ Wonder Woman ตายจากลอบแทงจากด้านหลังของ Steppenwolf, Superman ถูกกองกำลัง Parademon พาตัวไป ส่วน Batman แลกชีวิตของเขากับการติดตั้งไวรัส ในตอนท้าย Supergirl กับ Robin ก็หายไปยังมิติอื่น มันเป็นสงครามที่พวเขาไม่เคยคาดคิด และจบลงโดยการเสียสละที่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ่นเช่นเดียวกัน

หลังจากนั้นอีก 5 ปีต่อมาทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบ พวกเขาได้สร้างรูปปั้นของทั้งสามขึ้นมาเพื่อระลึกถึงการเสียสละของฮีโร่ทั้ง 3 คน

ที่บ้านของครอบครัว Grayson พวกเขาเลี้ยงดูลูกน้อยให้เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ยังไม่ลงตัวมากนัก และ Dick ก็คิดว่าตอนนี้ทุกๆอย่างมันก็น่าจะยังไม่มีปัญหาอะไร

ทางด้าน Jay ก็ทะเลาะกับแฟนจนเลิกรากันไป และในระหว่างทางกลับบ้านเขาได้พบกับเทพ Mercury ที่มอบพลังแห่งความเร็วให้กับเขา ทำให้เขากลายเป็น Flash ฮีโร่คนใหม่ของโลกนี้

Sloan อารมณ์เสียที่แผนการของเขาผิดพลาด เนื่องจาก Batman ใช้ไวรัสนั่นทำลายหอคอยส่งสัญญาณทิ้งไป และเขาก็สืบหาต้นทางว่าใครที่กล้ามาขัดขวางแผนการของเขา และชายคนนั้นก็คือ Sam Zhou คนรักของ Alan

จากนั้น Sloan ก็เริ่มก้าวต่อไปของแผนการของเขา เขาได้เข้ามาเป็นหนึ่งในนักวางแผนของกองกำลังโลก เขาได้ลักพาตัว Mister Terrific ที่มาจากโลกอีกใบ, ส่ง Sandman ไปจับตัวราชินี Marella จากแอตแลนติส, ส่งฮีโร่ของกำลังโลกไปไล่ล่าฮีโร่คนอื่นๆ อีกทั้งยังนำพาคนตายให้ฟื้นกลับมา Sloan นี่แหละคือเนื้อร้ายที่ค่อยๆครอบงำกองกำลังโลกจากภายใน

แล้วเรื่องราวต่างก็ทยอยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้ทำในสิ่งที่ผิดพลาดลงไปจนต้องชดใช้ให้กับเรื่องเหล่านั้นด้วยความเสียใจ …แต่ความเสียใจนั้นไม่สามารถที่จะดึงเอาคนตายกลับมาได้ เช่นเดียวกับ Sam ที่โดนระเบิดบนรถไฟฟ้าที่เขากับ Alan นั่งไปด้วยกันจนถึงแก่ความตาย และเหตุการณ์นี้ Alan ได้สูญเสียคนรักของเขาพร้อมกับได้กลายมาเป็น Green Lantern ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกได้ว่าภัยร้ายที่เป็นอันตรายต่อโลกได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

ในจุดจบของ Steppenwolf เขาได้ถูก Brutaal หรือ Superman ผู้ชั่วร้ายฆ่าตาย ความตายของมันได้ปลดปล่อยเพลิงนรกออกมาแผดเผา Alan ไปด้วย จากนั้น The Atom ก็ถูกเล่นงานจนเสียแขนซ้าย Red Arrow ต้องตายในการหลบหนีที่ Batcave พวกเขาทุกคนต้องจ่ายค่าตอบแทนในท้ายที่สุด ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถที่จะหนีไปได้

นั่นเพราะพวกเขาเป็นเพียงแค่คนตัวเล็กๆที่ไร้ซึ่งพลังบนโลกใบนี้

(ในจุดนี้การสนทนาของ Sloan กับ Bedlam มีเพิ่มเติมที่ว่า Sloan ทำข้อตกลงบางอย่างที่ทำให้ Bedlam มายังโลกใบนี้ได้ ส่วน Bedlam ก็เรียก Sloan ว่า “นักเดินทาง” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนของโลก Earth-2)

แต่มันก็ใช่ว่าจะมีแต่ด้านลบ เพราะทุกๆการตัดสินใจของพวกเขาจะก่อให้เกิดโลกใบใหม่, ฮีโร่คนใหม่… ที่จะชำระล้างสิ่งเลวร้ายเก่าๆให้สลายไป พร้อมกับก่อให้เกิดจุดประสงค์ใหม่ในการมีชีวิตอยู่ต่อไป

และหลังจากที่พวกเขาได้ฟืนกลับคืนมาจากความผิดพลาดที่ได้ทำลงไป เมื่อพวกเขาได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง พวกเขาก็จะสามารถสร้างอนาคตที่มีค่ากับการมีชีวิตอยู่ของพวกเขาได้ในที่สุด
แต่นี่ก็เป็นเพียงเรื่องของเมื่อวานนี้…

ปัจจุบัน

Flash ได้ออกวิ่งไปทั่วโลกโดยไม่ได้พักผ่อนตั้งแต่การต่อสู้กับ Steppenwolf ซึ่ง Hawkgirl ก็คิดว่าเขาควรจะพักบ้าง Flash จึงบอกว่าที่เขาวิ่งอยู่นี่ก็เพื่อตรวจสอบหาข้อมูลจากรอบโลก และเช็คว่าผู้คนที่อยู่ในฐานที่มั่นในแต่ละเมืองนั้นอยู่ในความปลอดภัย เนื่องจากช่องสัญญาณส่วนใหญ่ถูกตัดไปในช่วงสงคราม เขาจึงอยากให้แน่ใจว่าโลกของเขาปลอดภัยจริงๆ ถึงแม้พวกเขาจะเห็นว่าเรื่องเลวร้ายมันผ่านไปแล้วก็ตาม

Hawkgirl จึงเปลี่ยนไปถามเรื่องของแม่ของเขา ที่จากกันตั้งแต่ช่วงที่พวกเขาเข้าต่อสู้กับ Steppenwolf ซึ่งจนถึงตอนนี้ Flash ก็ยังหาเธอไม่เจอ ทำให้ Hawkgirl ค่อนข้างที่จะเป็นห่วงเขา ทำให้ Flash ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้เธอยังยิงหน้าไม้ใส่เขาอยู่เลย มาวันนี้เธอดูอ่อนโยนขึ้น Hawkgirl จึงบอกว่าเจอกันหน้าลองบอกเธอแบบนั้นแล้วกัน ทาง Hawkgirl เองนั้นก็บินอยู่ที่แถวอเมริกาเพื่อตรวจสอบความเสียหายในบริเวณนี้ เนื่องจากตอนนี้พวกเธอต้องรอฟังคำสั่งจาก Khan ว่าจะทำอย่างไรต่อไป Flash จึงรับทราบคำสั่ง และเข้าไปเช็คต่อที่ฐานที่มั่นที่ชิคาโก้

ฐานที่มั่นของกองกำลังโลกที่ชิคาโก้และที่อยู่ของผู้ลี้ภัย

Flash ทำการวิ่งวนไปรอบๆที่นี่เพื่อตรวจสอบ ซึ่งชายคนหนึ่งก็รู้สึกว่ามีอะไรวิ่งผ่านเขาไป ชายคนนี้ก็คือ Dick Grayson ซึ่งออกไปหาตุ๊กตาหมีให้กับลูกชายของเขา Johnny

Barbara เตือนให้ Dick พักผ่อนบ้าง เนื่องจากเขาไม่ได้นอนมาหลายวัน แต่ Dick รู้ว่าเขาจะหลับไม่ได้ เพราะหากพวกเขาหลับกันหมด พวกคนในบริเวณนี้อาจจะมาขโมยเสื้อผ้าและของกินที่พวกเขามีอยู่ไปได้ ทาง Barbara ก็อยากจะทำหน้าที่ตำรวจประจำเมืองนี้ของเธอแต่กองกำลังโลกนั้นไม่ยอม ทางด้าน Dick ก็อยากจะออกไปทำการรายงานสภาพปัจจุบันด้วยอาชีพนักข่าวของเขาเช่นกัน แต่ยังไงก็ตามตอนนี้พวกเขาคิดว่ามันโชคดีแล้วที่พวกเขาได้อยู่กัน และ Dick สาบานว่าจะปกป้องครอบครัวของเขาให้ปลอดภัยจากอันตรายใดๆก็ตาม…

Geneva, Switzerland

Power Girl และ Huntress ที่กลับมาถึงโลกใบเดิมของพวกเขาเธอก็พบว่าบ้านของพวกเธอกำลังลุกเป็นไฟที่หนแห่ง จาก 5 ปีที่ผ่านมาตอนนี้โลกใบนี้มันดูเลวร้ายกว่าที่พวกเธอคาดการณ์ไว้มากนัก และพวกเธอได้พบกับภาพที่ถ่ายทอดมาจาก C.E.R.N. ซึ่งเป็นภาพของเหล่าฮีโร่ที่กำลังยืนหยัดต่อสู้ในสนามรบที่เหลืออยู่ นั่นก็คือ Val, Batman และ Lois ซึ่ง Superman นั้นสะดุดตาของทั้งคู่มาก

Kara : นี่เฮล…นั่นใช่เขาหรือเปล่า…

Helena : การเคลื่อนไหวของเขามันแปลกไป เขาดูช้าลง… และแก่ขึ้น

Helena : นั่น… ไม่ใช่พ่อของฉัน

บริเวณชานเมือง Geneva

พวกฮีโร่ได้มาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่กำลังอพยพในขณะที่หลุมไฟก็ค่อยๆปะทุขึ้นเรื่อยๆ

Lois : ฟังนะ รถบรรทุกคนนั้นจะพาพวกคุณไปที่ค่ายอพยพที่อยู่ใกล้ที่สุด! แล้ววาลเธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?

Val : ผมไม่เป็นไร โลอิส

Val : หลุมไฟมันค่อยปะทุถี่ขึ้นเรื่อยๆ พวกเราคงจะต้องศึกษามันให้มากขึ้นหากพวกเราคิดที่จะปิดมันลง…

Lois : พวกเราควรจะขอบใจ จิมมี่ นะ เพราะถ้าหากเขาไม่ได้เชื่อมต่อเครื่องตรวจจับของ เบ็ดลาม เสียใหม่ พวกเราก็ไม่มีทางรู้เกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้

Batman : พวกเราควรจะประสานงานกับกองกำลังโลกที่เอมาโซเนีย ถึงพวกเขาจะมีคนน้อยลงมาก แต่พวกเขาก็ยังเป็นฐานข้อมูลที่ดีที่สุดของพวกเรา

Batman : เบ็ดลามหนีไปพร้อมกับ เทอร์รี่ สโลน, มิคาเอล โฮลท์ และคนที่มันเรียกว่า มิสเตอร์ มิราเคิล ฉันยังไม่คิดว่าเรื่องนี้มันจะจบลงง่ายๆหรอกนะ

Batman : พวกเราควรจะต้องมุ่งเป้าไปที่การจบสงครามครั้งนี้ลงให้ได้อย่างสมบูรณ์

Val : แต่คุณโทมัส ที่นี่มีผู้คนที่รอความช่วยเหลือของเราอยู่นะ…

Batman : สถานที่แบบนี้น่ะเหรอที่นายเรียกว่า ช่วยเหลือ…

Lois : พวกคุณดูนั่นสิ

Lois : แบทแมนพูดถูก ศึกนี้ยังไม่จบ

และที่ Lois ชี้ให้พวกเขาดูก็คือการมาของ Power Girl และ Huntress ที่ตามมาหาพวกเขาหลังจากที่เห็นผ่านทีวีเมื่อครู่นี้

Amazonia ฐานบัญชาการหลักของกองกำลังโลก

World Council : พวกเราต้องขอโทษด้วย ท่านผู้บัญชาการ ข่าน

World Council : ผมและสมาชิกสภาโลกท่านอื่นๆได้ตรวจทานคำร้องขอของคุณแล้ว สำหรับการจัดการทรัพยาการเพิ่มเติม และพวกคุณคงจะต้องใช้สิ่งที่คุณมีให้ดีที่สุดไปก่อน!

Khan : ใช้สิ่งที่พวกเรามี?

Khan : พวกเรา “ใช้ของที่พวกเรามี” อย่างดีที่สุดเป็นเวลาร่วมปีแล้ว! กองทัพของผมได้ใช้ทุกๆอย่างที่พวกเขามีจนหมดและบางทีอาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ

Khan : ตอนนี้มันเป็นเวลาที่พวกเราจะต้องปกป้องชัยชนะที่ได้มาอย่างยากลำบากครั้งนี้ไว้ พวกเราต้องทำให้แน่ใจว่าหลุมไฟนั้นถูกปิดลงโดยสมบูรณ์ รวมไปถึงการจัดการเบ็ดลามลงให้ได้ก่อนที่เขาจะทำการโจมตีครั้งต่อไปอีก

World Council : ผิดแล้ว ท่านผู้บัญชาการ เวลาแห่งการต่อสู้นั้นจบลงแล้ว มันถึงเวลาที่เราจะต้องสร้างสิ่งต่างๆกลับขึ้นมาอีกครั้ง

World Council : ทั้งระบบสื่อสาร, ระบบการเงิน… หรือแม้กระทั่งโครงสร้างง่ายดายที่สุดก็ตาม… ทรัพยากรของพวกเราควรจะถูกทุ่มไปยังเรื่องเหล่านั้น

World Council : และรายงานความคืบหน้าให้พวกเราทราบด้วย สุดท้ายพวกเราขอให้พวกคุณเชื่อว่า พวกเราสำนึกในบุญคุณสำหรับสิ่งที่คุณและกองทัพได้ทำลงไปจริงๆ

Khan : สำนึกบุญคุณ? พวกนั้นคิดว่าของแบบนั้นมันจะใช้ปิดหลุมไฟได้หรือไง? พวกโง่เอ๊ย…

Khan : พวกนั้นเป็นกลุ่มคนที่เลวร้ายที่สุด ที่ถือครองสิ่งที่พวกเราต้องใช้… เอาล่ะ ด็อดส์ บอกข่าวดีฉันหน่อย…

Dodds : ก็อยากอยู่นะ แต่ฉันยังไม่มีข่าวคราวของพวกสโลนเลย พวกเราตรวจสอบทั่วทุกมุมของโลกใบนี้หมดแล้ว ถ้าหากว่าเขายังอยู่บนโลก… หรือยังมีชีวิตอยู่… เขาก็อาจจะอาจะอยู่ในที่ที่พวกเราไปไม่ถึง

Khan : ฉันไม่ยอมรับเรื่องนั้น ตามเรื่องต่อไปแล้วกัน

Khan : แล้วได้ข่าวของ โอลิเวอร์ ควีน บ้างหรือยัง? เราต้องการความรู้เรื่องอาวุธสงครามของเขา

Dodds : ไม่มีเหมือนกัน มันเหมือนกับว่าเขาหายตัวไปจากฉากหน้าของโลกใบนี้ และถึงเราจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่นายจะเชื่อใจเขาได้จริงงั้นเหรอ?

Khan : ตอนนี้ชะตากรรมของโลกกำลังอยู่บนเส้นด้าย ความเชื่อใจมันก็เหมือนการเสี่ยงโชค ฉันขอคงจะกำหนดอะไรไม่ได้

Khan แต่ยังไงพวกเราก็ต้องการเขา ตามหาตัวเขาต่อไป

Puerto Rico, หอดูดาวอาเรซีโบ

“พวกเขาเรียกฉันว่า มิสเตอร์ มิราเคิล ชายผู้ถือครองทักษะการหลบหนีระดับสุดยอด…”

“แต่ฉันก็ไม่สามารถหลบหนีจากการพันธนาการทางจิตใจได้”

“ฉันไม่รู้ว่าพวกเราถูกเบ็ดลามควบคุมจิตใจอยู่นานแค่ไหนแล้ว”

“แต่ฉันคิดว่ามันน่าจะนานพอจนพวกเราได้ทำงานสกปรกให้กับมัน”

“ยาวนานเหลือเกิน”

Bedlam : เจ้าพวกมนุษย์ พวกเจ้าสัมผัสได้หรือไม่ ว่า อโพโคลิปส์ กำลังหิวโหย?

Bedlam : พวกแกได้ยินเสียงกลองรบของอโพโคลิปส์ที่กำลังดังขึ้นหรือไม่? ภาชนะของข้า… คุณสโลน และ คุณโฮลท์… พวกแกทั้งคู่ทำให้มันเกิดขึ้น และตอนนี้พวกแกจะได้รับรางวัลของพวกแก มันคือ…

Bedlam : ความตาย

ที่ด้านล่าง

“ฉันบอกตัวเองให้อดทนไว้”

Barda : ดูเหมือนว่าพ่อของเธอจะกลับมาที่บ้านแล้วนะ

Fury : พ่อของฉันตายไปแล้ว บาร์ด้า

Barda : ฉันไม่ได้หมายถึง สเต็พเพ่นวูฟ ฉันพูดถึงเขา ลูกหลานของ ดาร์กไซด์

Fury : จับตาดูเขาไว้ให้ดี บาร์ด้า มันคงอีกไม่นานหรอก และพวกเราก็ไม่อยากที่จะให้ มิสเตอร์มิราเคิล เล่นเกมบ้าๆของเขากับอุปกรณ์ของพวกเราอีก

“ฉันต้องรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม”

และแล้วประกายแสงเจิดจ้าได้ปรากฎขึ้นมาที่ด้านหลังของพวกเธอ

Fury : ข้อความจากอโพโคลิปส์มาถึงแล้ว!

Fury : เบ็ดลาม อโพโคลิปส์ ได้เรียกหาเจ้าแล้ว…

Bedlam : ท่านเจ้าของข้า!

“ฉันเชื่อมั่นว่าช่วงเวลาของพวกเราต้องมาถึง ในสักวัน…”

ประเทศจีน

Hawkgirl ยังคงอยู่กับภารกิจตรวจสอบความเสียหายของเธอ และ Sato ก็ติดต่อเข้ามาว่าเขาพบตัว Dr.Fate ที่หายตัวไปจาก Amazonia โดยไม่รู้สาเหตุแล้ว ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ด้านบนของเธอ Hawkgirl จึงบินขึ้นไปทันที และสวนกลับ Dr.Fate ที่บินลงมา พร้อมคำพูดที่เต็มไปด้วยปริศนา แต่พวกเธอรู้ว่ามันคือคำพยากรณ์ของ Nabu

Dr.Fate : ห่างไกลจากความเจ็บปวดที่พวกเราสร้างขึ้น…

Dr.Fate : …เพื่อรอคอยการมาถึงของดวงอาทิตย์ที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

Hawkgirl : เฟท?

Dr.Fate :…ด้วยการมาถึงของมัน ผู้ที่ยืนหยัดจะล้มลง… และทำให้โลกของเราต้องอยู่ใต้อาณัติของมัน

Dr.Fate : …เหล่าผู้ที่ควบอาชาแห่งความโกรธเกรี้ยวจะถูกเลือกสรร… ดวงวิญญาณที่อยู่ด้านล่างจงฟังคำของข้า

Dr.Fate : …จงรวมพลออกเดินทาง นั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องทำ และในไม่ช้า… พวกเราจะอพยพไปยังจันทราสีเลือด

Hawkgirl : ไม่รู้นะว่านายพูดอะไร แต่กลับไปที่เอมาโซเนียกัน ทีนี้ทุกคนจะได้ได้ยันที่นายพูด…

แต่ Dr.Fate กลับผลัก Hawkgirl ออก และบินหนีไป

Dr.Fate : ผู้มาเยือนจะปรากฎขึ้นมาจากสิ่งที่ถูกปกคลุม!

Hawkgirl : เดี๋ยวก่อนสิ!

Dr.Fate : พวกเราต้องตามหาพวกเขา!

Hawkgirl : ซาโต้ ฉันเจอเฟทแล้ว แต่เขาบินหนีไปอีกแล้ว แล้วรู้สึกเขาจะพูดบางอย่างที่บ่งบอกถึง “ผู้มาเยือน”

Sato : อยู่ใกล้ๆเขาไว้ มันน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ

Hawkgirl : ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตาแน่ๆ

บริเวณชานเมือง Geneva

Power Girl & Huntress เตรียมเข้าต่อสู้กับฮีโร่ทั้งขอ Earth-2

Helena : ระวังไว้นะ คาร่า!

Batman : เลือกก้าวต่อไปของพวกเธอให้ดี คุณผู้หญิง

Kara : นายมีเหตุผลอะไรที่คิดว่าตัวเองเหมาะสมที่จะสวมชุดนั้น และถือครองสัญลักษณ์ของพวกเขา

Helena : พวกแกกล้าดียังไง?!

และเมื่อมองชัดๆThomas ก็จำหลานสาวของเขาได้

Batman : ฉัน.. เฮเลน่า… เฮเลน่า เวนย์?

Helena : นี่นายรู้ได้… พวกนายเป็นใครกันแน่?

Batman : เฮเลน่า ชื่อของฉัน… ฉันคิดว่าเธอตายไปแล้ว …นี่มันเป็นไปได้หรือนี่?

Helena : นี่คุณเป็นใครกัน ตาเฒ่า?

Lois : คาร่า นั่นเธอจริงๆเหรอ ฉันไม่คิดเลยว่า… โอ พระเจ้า

Kara : ระวังปากหน่อย พ่อหุ่นกระป๋อง… ไม่สิ ผู้หญิงเหรอ? นี่พวกเธอเป็นใครกันแน่?

Lois : ที่ชายหาดไง พวกเราเคยไปที่นั่นด้วยกัน ตอนที่เธอยังเล็กๆอยู่… พลังของเธอเริ่มจะอยู่ตัว และเธอก็สร้างประสาททรายขึ้นมา… จากนั้นด้วยสายตาความร้อน เธอก็เปลี่ยนมันเป็น…

Lois : ปราสาทแก้ว…

เมื่อได้ยินดังนี้ Kara ก็พอจะรู้แล้วว่าคนข้างหน้าเธอคือใคร

Lois : ฉันตายไปแล้ว คาร่า พ่อของฉันใช้เทคโนโลยีพวกนี้ แล้วเขาก็…

Lois : ได้โปรดคาร่า อย่าปล่อยมือฉันไป…

Kara : โลอิส?

Kara : คุณแม่

แต่ก่อนที่ความทราบซึ้งจะดำเนินต่อไป ฝันร้ายก็มาเยือนอีกครั้ง

Batman : อากาศบริเวณนี้กำลังลุกไหม้… และมีแผ่นดินไหวมาอีกระลอก…!

จากนั้นที่หลุมไฟ 4 จุดบนโลก ปากีสถาน, ลอนดอน, บราซิล และเจนีวา ก็ได้เกิดระเบิดออก และปรากฎร่าง 4 ร่างขึ้นมาจากหลุมเหล่านั้น

Jimmy : หลุมไฟทั้งหมดระเบิดออก

Khan : พระเจ้าช่วย นั่นมันอะไรกัน?

??? : จงวางอาวุธลง และสวดภาวนาให้กับพระเจ้าผู้ล้มเหลวของพวกเจ้า เหล่าวีรบุรุษตัวจ้อย

K’li : คิลิ หนึ่งในเทพวิบัติแห่งอโพโคลิปส์ได้มาอยู่เบื้องหน้าพวกเจ้าแล้ว .. และด้วยการมาของข้า ดาร์กไซด์จะยึดครองโลกใบนี้

ตอนต่อไป

The Fury of War!

ความเกรี้ยวกราดของเทพแห่งสงคราม!

4 thoughts on “Earth-2 World’s End #01

  1. Tatoo

    2 สาวกลับมาจนได้ T^T
    ยังไม่ทันได้พัก ศัตรูก็มาอีกเเล้ว

  2. doc holliday

    ลืมไปแล้ว ตอนสมัยเปิดเรื่องที่สองสาวกำลังจะทะลุมิติไปเอิร์ธหลัก แล้วเหมือนเห็นใครคนนึงในแสง ดีซีเฉลยรึยังนะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *