[Review แบบเวิ่นเว้อ] FANExpo 2014 -ปฎิบัติการตามล่า Stan Lee- ภาคต้น

*หมายเหตุ1 บทความนี้ยาวมากๆ เพราะอยากให้มันละเอียด ละเอียดแบบไม่ต้องไปมันละ อ่านในนี้ล่ะพอ!! แถมเนื้อหายังครอบคลุมหลายเรื่องอื่นๆ ด้วยนะครับ ไม่ใช่แค่เรื่อง comic อย่างเดียนะจ๊ะ ฉะนั้นขอแนะนำให้อ่านตอนกำลังจะหลับนะครับ รับรองหลับฝันดีแน่นอน เอิ๊กกกก!!

*หมายเหตุ2 ขอเตือนว่ารูปเยอะมากกกกกกกกกกกกกๆ เลยนะครับ เหตุผลก็เหมือนหมายเหตุ 1 ครับ คือผมอยากให้มันละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่รูปที่ลงนี่คือราวๆ 30% ของที่มีนะครับ คือคัดแล้วละ แต่มันเยอะจริงๆ

logo-trans

สวัสดีครัฟ หลายคนอาจสงกะสัยว่าผมหายหัวหายหน้าหายไปไหน 😛

เรื่องของเรื่องคือตอนนี้ผม (โชคดี) ได้ศึกษาต่อที่แคนาดาครับ

ด้วยปัญหาอินเตอร์เน็ตที่น่าปวดหัวและการบ้านที่ล้นทะลักในช่วงนี้เลยทำให้ผมไม่ค่อยมีเวลาโพสอะไรเท่าไหร่ครับ

  

แน่นอนครับว่าอยู่ที่นู่น สิ่งแรกที่ผมทำไม่ใช่การหาตำราเรียนมาอ่านแตอย่างใด

แต่เป็นการตามล่าหาร้านขาย Comic ดีๆ ซักร้านนั่นเอง!! (เจริญ!)

 

แล้วผมก็ไปเจอกับร้าน Conspiracy Comic เข้า ซึ่งผมกับเจ้าของร้านต่างก็คุยกันอย่างถูกคอกันดีทีเดียว

 

ภาพบรรยากาศในร้าน

 

ช่วงนึงบทสนทนาเราได้วกเข้ามาเรื่องของงาน Comic Con ซึ่งเป็นงานในฝันของคนรักคอมมิคตะวันตกอย่างผมยิ่งนักกกกกก!! คุณ Prof (อ่าน พรอฟ) เจ้าของร้านก็บอกว่า

“เอ้อ ที่แคนาดาก็มีงานคล้ายๆ กันนะ อันที่จริงใหญ่กว่า Comic Con ด้วย ชื่อว่า

 

FanExpo

 

แล้วเขาก็ยื่นใบปลิวใบเล็กๆ ให้ผมดู…..

ตอนแรกพี่แกส่งด้านหลังให้ผม ผมมองผ่านๆ ยังไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไร

จนกระทั่งผมกลับด้านมันมาดูเท่านั้นแหล่ะ คุณผู้ชมเอ๊ย!!

ลูกตาผมนี่พุ่งทะหลนจน อี Prof มันขำขรี้แตกขรี้แตนเบย กับภาพนี้!!!


 

นี่มันงานเขวี้ยอะไรกันนี่ Stan Lee ไปงานนี้ด้วยเรอะ ไม่สิ คนดังๆ คุ้นหน้าคุ้นตาหลายคนต่างแห่กันโผล่ในงานทั้งนั้นเลย!!!

  

และวันนั้นเองปฎิบัติการตามล่าหา Stan Lee ของผมก็ได้เริ่มขึ้น!!

  

สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากกลับมาถึงหอพักคือการหาข้อมูลจากเว็บ

http://fanexpocanada.com/

ผมได้ค้นพบว่าอีนักเขียน นักวาดที่ผมชื่นชอบต่างแห่แหนกันไปงานนี้หลายคนเลย!

ไม่ว่าจะเป็น David Finch (คนวาด Batman หลายหัว), Dan Slott (ผู้แต่ง Spider-Man), Brain Azzarello (ผู้แต่ง Wonder Woman) หรือแม้แต่ Tom Cook (Animator ผู้สร้างสรรค์งานอย่าง He-Man และ Scooby Doo) ก็มางานนี้ด้วยวุ้ย!!

เมื่อสืบลึกเข้าไปอีกผมก็ได้พบกับความจริงที่สนโหดร้ายนั่นก็คือ……..

    

     

“ตั๋วแม่มแพงโคตะระๆ เลย”


  

เรียกได้ว่าไอ้งานต่างๆ ที่ผมเคยเสียตังค์เข้าไปนี่ เด็กๆ เบบี๋ๆไปเลย!

จากนั้นผมก็มาพิจารณาราคาตั๋วจากเว็บไซด์

http://fanexpocanada.com/tickets/

 

ราคาตั๋วมีเป็นดังนี้

ตั๋ววันแบบรายวันมีราคาตั้งแต่ 25-50 ดอล

  

วันพฤหัสที่ 28 สค. ราคา 25 ดอล (ราวๆ 750 บาท)

วันศุกร์ที่ 29 สค. ราคา 35 ดอล (ราวๆ 1,050 บาท)

วันเสาร์ที่ 30 สค. ราคา 50 ดอล (ราวๆ 1,500 บาท)

วันอาทิตย์ที่ 31 สค. ราคา 40 ดอล (ราวๆ 1,200บาท)

 

นอกจากนี้ยังมีตั๋วเหมา 4 วัน ราคา 115 ดอล ( 3,450 บาท) แถมเสื้อให้ตัวนึงมั้ง

และยังมีตั๋วโคตะระพรีเมี่ยมอีกมากมาย ผมไม่แน่ใจว่าราคาเท่าไรบ้าง

เพราะของผมกวาดตาไปเจอแค่ร้อยกว่าดอล ผมก็ไม่มองต่อแล้ว ฮ่าๆๆ


หลังจากดูตารางงของงานจากเว็บแล้ว

http://fanexpocanada.com/wp-content/uploads/2014-schedule-august19.pdf

วันพฤหัสกิจกรรมน้อย คนที่เราชอบก็ไม่มา วันเสาร์แพงไปแถมมีกิจกรรมที่หอไม่เอา

วันอาทิตย์น่าสนใจ….แต่อยากพักผ่อนไม่เอาดีกว่า ผมจึงสรุปว่าเอา วันศุกร์ นี่แหล่ะฟระ!!

 

ผมเลยจัดการซื้อตั๋วล่วงหน้า เปิดให้จองถึง 25 กค ผมจอง 24 เรียกได้ฉิดเฉียดโคตรๆ

ซึ่งแน่นอนครับจองก่อนก็ต้องเสียค่าจองเพิ่ม เบ็ดเสร็จเลยโดนไป 38 ดอล ฟรั้คคค

   

และแล้ว ในที่สุดก็ถึงวันที่ 29 สค ผมได้จัดการแต่งกายแสดงความเป็นแฟนบอยอย่างเห็นได้ชัดดังรูป

กล้องที่ใช้ก็ใช้อีกล้อง iphone นี่แหล่ะ เพราะไม่ได้เอากล้องมาที่แคนาดาด้วย = =”

  

ขอเซ็นหน้ากันการอุจาด!!

  

เนื่องจากผมอยู่เมือง Oakville ซึ่งอยู่คนละเมืองกับ Toronto ที่เป็นสถานที่จัดงาน

การเดินทางของผมจึงเริ่มจากการโบกรถตรงแถวๆ ที่พัก ซึ่งราคาค่ารถเมลย์ที่ผมนั่งเป็นของ Oakville Transit

ราคาจะเป็นแบบเหมาจ่าย 3.5 ดอล (115 บาท) ตลอดสายไม่ว่าจะคุณเปลี่ยนรถหรือนั่งแช่จนสุดสายก็ราคานี้

แต่ถ้าใครอยู่ที่ Toronto อยู่แล้ ก็ขอบอกว่าคุณโชคดีครับ เดินทางไปด้วยรถไฟใต้ดินไปยังสถานี Union ได้เลย

เสีนตังค์แค่ต่อเดียวจบ (ราวๆ 3 ดอล)

  

ผมมารอรถบัสที่นี่แหละครัฟ

 

ผมนั่งรถมาจนถึงสถานี Oakville Station เพื่อต่อรถไฟ

ไปยังสถานี Union ซึ่งเป็นสถานีปลายทางที่เมือง Toronto

ปกติเวลาประมาณนี้คนจะโล่งโหลงเหลงเลยครัฟ แต่วันนี้คนเยอะมากๆ ดังรูป

ซึ่งทุกคนต่างรู้กันว่าไอ้ที่คนเยอะพวกนี้ต้องมางาน FanExpo นี้แน่นอน

  

กว่า 90% ของคนในภาพไปงาน FanExpo กันหมดครับ

   

เมื่อมาถึงสถานี Union คุณจะเห็นเหล่าบรรดา Cosplay มากมายเดินเต็มสถานีไปหมด

สิ่งที่ผมทำต่อมาก็การใช้ยุทธศาสตร์ Cosplay นำทาง Otakuนำใจ

หรือเรียกสั้นๆ ว่าเดินตามชาวบ้านเค้านั่นเองครัฟ ฮ่าๆๆ

 

ถ้าไม่รู้ไปทางไหน แนะนำให้เดินตามคอสเพลย์ไปครัฟ ฮ่าๆๆๆ

 

พอเดินมาถึงหน้า METRO TORONTO CONVENTION CENTRE

ผมก็ได้เห็นเหล่าผู้คนมากมายที่ออกันอยู่หน้างาน ตอนแรกผมก็หน้าซีดเลยครับ คิดในใจ

ชิหัยละ นี่ตรูซื้อตั๋วแล้วยังต้องมาต่อคิวยาวเฟื้อยแบบนี้อีกเร้อออออ!

  

 บรรยากาศหน้างานครับ คนเยอะบรรลัยเลย!! (ส่วนใหญ่คือคนที่มารอซื้อตั๋วครัฟ)

  

ผมมารู้ตอนหลังจากบรรดาน้องๆ คอสเพลย์ในรูปข้างบนว่า อันนี้คือพวกที่มาซื้อตั๋วครับ

คนที่ซื้อตั๋วผ่านทางออนไลน์แล้วจะต้องไปอีกทางนึงซึ่งไม่ต้องต่อคิวซื้อนั่นเอง

 

ผมก็เลยเดินตามน้องเข้าไปจนในที่สุดก็มาถึงหน้าทางเข้าสำหรับคนซื้อตั๋วล่วงหน้า เย้ยยยย้

  

จุดนี้เรียกว่าจุด Ticket Pick Up ครับ หรือพูดง่ายๆ คือจุดรับบัตรเข้างานนั่นแหล่ะ

  

และแล้วเราก็มาถึงโซน North ที่บริเวณ Advance Ticket Pick up ครับ (ตามแผนที่)

ในโซนนี้จะมีการแยกระหว่างคนซื้อตั๋ว 1 วัน หรือซื้อตั๋วแบบอื่น

 

ผมซึ่งซื้อตั๋วหนึ่งวันก็เดินเข้าไปที่แลกตั๋ว แล้วยื่นเอกสาร ให้กับเจ้าหน้าที่

ตอนซื้อตั๋ว online มันจะมีเอกสารส่งมาให้ print ครับ

ซึ่งสำคัญมากๆ หากไม่ปริ้นมาก็อดเข้างานมั้งนะจ๊ะ ลืมคืออดเขาไม่สนด้วยไม่แคร์ด้วยขอบวอก

  

  

เจ้าหน้าที่มอบ wristban กระดาษให้ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ครัฟ!!

แน่นอนว่ากระดาษที่ข้อมือนี้ห้ามหายเด็ดขาดไม่งั้นจะไปโซนอื่นๆ ไม่ได้!!

แต่ผมว่ากระดาษมันมีความเหนียวพอตัวครับ ขนาดดึงออกยังยากเลย

ถ้าไม่โดนน้ำก็คงไม่มีปัญหาอะไร

  

   

มาถึงที่ Information เราสามารถขอหนังสือบอกรายละเอียดของงานรวมมถึงแผนที่และตารางอีเว้นต่างๆ มาหนึ่งเล่ม

ชอบหน้าปกมากเบย Rocket Raccoon!!!

แผนที่ของงานก็สามารถดูได้จากเว็บนี้ครัฟ

http://fanexpocanada.com/wp-content/uploads/2014-Floorplan.pdf

 

จากนั้นผมก็เดินมาที่โซนหมายเลข 3 ในแผนที่ด้านบน

ซึ่งเป็นโซนขายของ Exclusive ที่มีเฉพาะในงานเท่านั้น

ผมไปสอยเสื้อลาย Regular Show ควบคอมโบ กระเป๋าผ้า+wallpaper และสายห้อยป้าย (ไม่คุ้มเบย)

  


แถวๆ นั้นมีร้านขายของและร้านถ่ายรูปเยอะเลยครับ!

อย่างร้านที่ขายของแนว Steam Punk

  

 

อันนี้ไม่รู้ขายอะไร แต่มีโซนรวมหุ่นยนตร์จากเรื่อง Dr.Who ซึ่งลูกค้าสามารถพูดใส่เครื่อง

แล้วให้มันแปลงเสียงเป็นเหมือนหุ่นในเรื่อง Dr.Who ได้

 

ที่นี่เรื่อง Dr.Who ดังมากๆ ครับ ฉะนั้นของหลายๆ อย่างที่ขายในงานมักจะมีของที่เกี่ยวกับเรื่อง Dr.Who ด้วย

  



จากนั้นเราก็เดินทางมาที่โซน ที่เขาเรียกว่าโซนคนดัง

ในโซนนี้จะแบ่งเป็นดาราจากภาพยนตร์ไซไฟ สยองขวัญหรือแอนิเม

ซึ่งโซนที่ผมอยู่คือโซนแอนิเมเป็นโซนที่รวมเหล่าบรรดานักพากษ์การ์ตูนดังๆ (และไม่ดัง) เอาไว้

   

  โซนนี้เรียกว่า Celebrities Area ครับ เป็นโซนแจกลายเซ็นและถ่ายรูปจากดาราทั้งหลาย


พวกนักพากษ์ หรือนักแสดงจะมาอยู่แถวๆ นี้ครับ ส่วนใหญ่จะเสียเงินค่าลายเซ็นรึถ่ายรูป

  

ระหว่างเดินอยู่ ผมเหลือบไปเห็น เอ๊ะ Ryo Horikawa นี่ใครฟระ!? ทำไมคนต่อคิวเยอะจุง!?

มาอ๋อตอนหลังว่าพี่แกเป็นคนพากษ์เบจิตา (ดราก้อนบอล), นังชุน (เซย่า) กับเฮจิ (โคนัน) นั่นเอง!!

  

จึงไม่รอช้าขอถ่ายและขอรายเซ็นซะเลย!!!

ซึ่ง……..เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าลายเซ็นต้องเสียเงิน 10$ (300 บาท) เลยโดนเข้าไป 1ดอก!!!

แต่ก็ได้ลายเซ็นคนดังมา 1 EA ฮ่าๆๆๆ

  

คุณ Horikawa แกอัธยาศัยดีมากๆ เลยนะครับ พูดอังกฤษก็คล่องเชียว

  

จากนั้นผมกะจะเดินดูร้านอาหารซักหน่อย

แต่ผมต้องสะดุดก็โซนนี้ครับ

  

  

มันคือโซนถ่ายรูปกับดาราชื่อดังทั้งหลายที่มาในงานแบบส่วนตั๊วส่วนตัวสุด Exclusive นั่นเอง

มาดูราคากันสิครับว่าแต่ละคน ราคาเท่าไรบ้าง!

คนแสดง Dr.Who, Matt Smith นี่ราคาโหดมากเกือบ 150 ดอล (4,500 บาท)

Petrick Stewart (Prof. X แห่ง X-Men, กัปตัน Jean-Luc Picard แห่ง Startrek)

ราคาอยู่ที่ 91 ดอล (2,730 บาท)

ส่วน Stan Lee สุดรัก………ราคา 91 ดอลเท่ากับ Prof. X เบยยยย

บ๊ายยย บายยยยย!! ผมไม่ได้รักลุงขนาดนั้นนะครัช! ขอเอาเงินเกือบสามพันไปช๊อปดีกว่า

    

 

พูดถึงร้านค้ากันบ้าน โซนนี้มีร้านขายตุ๊กตา ฟิกเกอร์ กระเป๋าเพียบเลยครับ

ไม่ว่าจะร้านขายพวกของสะสมทั่วไปดังรูป

 

ร้านขายตุ๊กตา ฟิกเกอร์ เพียบ

    

แต่ในงานไม่ได้มีแค่นี้ตุ๊กตา หรือฟิกเกอร์นะครับ

สินค้าที่ขายในงานนี้เรียกว่ามีครบครันมากๆ

อย่างเช่นร้านขายหมวกคอสเพลย์ ร้านขายหนังสัตว์เพื่อทำชุดคอสเพลย์ หรือร้านขายแต่กระเป๋าแนว Geek ก็มีนะเออ


อันนี้ร้านขายหมวกงับ

 

พูดถึงคอสเพลย์แน่นอนว่าในงานนี้คอสเพลย์เพียบครับ

มีตั้งแต่การ์ตูนตะวันตก การ์ตูนญี่ปุ่น เกม หนัง แต่งเป็นผี แต่งแนวอาร์ทไม่อิงใครครบครับ

เกรดของคอสก็มีตั้งแต่กล่องกระดาษตัดเอาฮายันไปถึงระดับน้องๆ Hollywood ก็มีครับ

  

อุ้ย เจ้าหญิง Peach ดูไกลๆ น่าร๊อคจุง ขอถ่ายรูปหน่อย!!!

  

 

ผ่างงงงงงงง!!!!

จ๊ากกกกกกกกก!!!

  

   

เดี๋ยวจ้าง Dead Pool ยิงแม่มมมม!!!!

  

 

คนนี้มาแบบอลังการเลยครับ

คนขอถ่ายรูปตรึม ครีบของคุณเธอขยับได้ด้วยนะ!!

 

 

แม้แต่หุ่นคล้ายๆ R2-D2 ก็มีนะจ๊ะ
อันนี้ป๋า Doc_Holiday แนะมาว่า ไม่ใช้ R2D2 แน่นอนครับ เพราะหัวไม่ให้หัวกลมๆ เหมือนลูกแตงโม

แต่เป็นพวกตระกูล R5 ตะหาก!!

อีตัว R5 นี้ไฮโซครับทั้งขยับส่งเสียงได้ด้วยนะครับ แต่ที่ทำได้ขนาดนั้นเพราะมีคนบังคับอีกทีนั่นเอง

(ผู้ชายที่หน้าชัดๆที่อยู่ข้างหลังผู้หญิงหน้าเบลอๆ นั่นแหล่ะครับ)

 

 

คนแต่งเป็นแอนิเมญี่ปุ่นก็เยอะครับ อย่างคู่นี้แต่งเรื่อง Kill la Kill

(เห็นเพื่อนแคนาดาบอกว่าการ์ตูนญี่ปุ่นได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นมากกว่าคอมมิคอีกนะครับ)

    

 

แน่นอนครับ งานแบบนี้ แม้แต่เจ้าของร้านตามบู้ทต่างๆ หลายเจ้าก็แต่งคอสกันสนุกเลยครับ

เช่นน้องชุนหลีคนนี้สุดๆ เบยยยยย สั้นมากกกกกกกกกกกกก หมายถึงทรงผมนะ!

  


รึจะคุณพี่คนนี้ที่ลงทุนเพ้นตัวเองไป Iron Man ก็มี

เหมือนคุณเจ๊แกจะเปิดร้านแต่งหน้าครับ เลยจัดการลงสีตัวเองให้ดูเป็นตัวอย่าง!!

  

  

ให้ดูกันพอหอมปากหอมคอกันแล้วนะครับ ต่อไปเราจะเดินทางต่อไปยัง โซน South ครับ

ซึ่งไคลแมกจริงๆ อยู่ที่โซนนี้แหล่ะครับ

  

 

ภาพมุมสูงของโซน North ก่อนจะเดินทางไปยังโซน South ครับ

ต้องขอบอกก่อนว่า โซน North นี้ยังมีอีกโซนที่ผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง

คือ โซนหนังสยองขวัญ ครับ แต่เราไปโซน South กันก่อนละกัลนะ :3

  

ภาพจากมุมสูงครับ คนเยอะตรงซ้ายล่างนี่คือมาขอลายเซ็น (เสียตังค์) กับคนแสดงเป็น Freddy Krueger ครับ

 

พูดถึง โซน South นี้ หลักๆ จะเป็นเกี่ยวกับพวก Comic และเกมครับ

พอผมมาถึงหน้าทางเข้าผมก็เจอะกับนี่เลยครับ

คอสเพลย์ Border Land

โคตรเท่ห์เบยยย

  

  

นอกจากนั้นก็ยังมีคอสจากเกม…………ไรฟระลืมชื่อ!!

อันนี้เนียนหลับรึเปล่าก็มะรุ ฮ่าๆๆๆ

  

 

แล้วก็คอสที่ผมหามานานตั้งแต่เดินเข้ามางาน

คอสจากเรื่อง Saga จ้า!! อันนี้ก็คงเนียนหลับอีกคน ฮ่าๆๆ

  

 

และแล้วก็ถึงเวลาเดินเข้าไปในงานครับ ตามแผนที่เลย

โซนทางซีกซ้ายนี้ ผมเรียกว่าโซนคอมมิคครับ

โดยจะมีหนังสืออินดี้ งานอาร์ท หนังสือคอมมิคเล่มเก่าๆ ขายที่นี่ด้วย

รวมไปถึงอุปกรณ์คอสเพลย์โหดๆ อย่างหน้ากาก อาวุธ กระเป๋า เสื้อก็ขายกันที่นี่เยอะครับ

แน่นอนว่ากิจกรรมเด่นๆ หลายกิจกรรมจะจัดขึ้นที่โซนนี้ด้วย

  

  

หากคุณเข้ามาตามจุดที่ผมบอก

คุณจะได้เห็นภาพนี้ครับ

   

ด้ายซ้ายคือ Food Court ครับ ซึ่งตรงข้างหน้าคือ Signing Area บรรดานักเขียน นักวาดจะมาที่นี่

 

เมื่อมาถึงที่นี่ สิ่งแรกที่ผมทำคือ ขอลายเซ็นฟรี จากนักวาดและนักเขียนคอมมิคครับ

ผมเลยรีบวิ่งไปยังโซน Signing Area (ตามแผนที่) อย่างรวดเร็ว

ซึ่งข้อดีของโซนนี้คือเราจะไม่เสียตังค์ค่าขอลายเซ็นและถ่ายรูปครับ

เพราะไม่ดังเท่าดารา Hollywood ไรงี้มั้ง

 

ซึ่งคนแรกที่ผมจะไปขอลายเซ็นตามตารางงานก็คือ David Finch นั่นเองครับ!

 

รีบบึ่งไป Signing Area ด่วนเบย!

 

เดินมาถึงหน้างานก็เจอแล้วครับ! David Finch! ผมไปถึงราวๆ 10: 45

เลยแต่แถวรอพี่แกซะเลย

อ้อ สำหรับใครที่ไม่ทราบ David Finch คือนักวาดการ์ตูนแห่ง DC Comics ครับ

งานของพี่แกส่วนใหญ่จะวาด Batman แต่ก็มีวาดอีเว้นใหญ่ๆ ดังๆ อย่างล่าสุดก็ Forever Evil ครับ

เรียกว่าเป็นนักวาดที่อยู่คู่กับ DC Comics มานานพอตัวเลย

  

หน้าทางเข้าจะมีตารางเวลา และชื่อบอกไว้ชัดเจนครับ

 

พอเดินไปถึงปุ๊ป โอ้วจอร์ชคิวยาวชิ๊ปเป๋งงงง แต่ไม่เป็นไรเพื่อลุง Finch เรารอด้าย!!

 

 

 

แต่รอไปรอมาจน 11.30 ปรากฎว่า ลุง Finch แกก็ยังไม่มาครัฟ!!!!

คนที่รอเริ่มบ่นกันละ จนภาพหลังทีมงานออกมาประกาศว่า ลุงแกรถติดรึไงเนี่ยแหล่ะ

ถ้าอีกครึ่งชั่วโมงถ้าลุงแกไม่มา ก็คงต้องยกเลิกคิวของลุงแกไป

 

กรรมแล้วไงตรู!!!!

  

คนต่อคิวรอรับลายเซ็นเพียบเบย

  

หลังจากที่เห็นหลายคนถอดใจเดินกลับกันหมด

ผมก็เลยถอดใจบ้างเดี๋ยวมัวแต่รอลุงแกไม่ได้เที่ยวไรพอดี

ผมเลยเดินทางต่อไปยังโซนใกล้ๆ ตามแผนที่ครับ

ผมเรียกว่าโซนนี้ว่าโซนนักวาด เพราะบรรดานักวาดเจ๋งๆ ดังๆ มาขายผลงาน ขายคอมมิชชั่นกันให้พรึ่บ!

 

 

 

มาถึงปุ๊บก็เจอ Tony Moore คนวาด Walking Dead เลยครับ (ด้านซ้าย)

กะจะขอลายเซ็นพี่แก แต่คิดเงินจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไร ผมเลยขอบ๊ายบายจ้า

 

อันที่จริงในโซนนี้มีนักวาดดังๆ เยอะนะครับ ผมว่าครึ่งร้อยอ่ะ ซึ่งผมอาจจะบอกไม่หมด เพราะเดี๋ยวมันจะยาวไป

แล้วนอกจากนั้นก็มีนักวาดบางคนนี่ผมยังไม่รู้จักชื่อเลยด้วยซ้ำ แต่งานมันเตะตาผมมากๆ

อย่างเช่นลุงคนนี้ชื่อ Mike Rooth งานโคตรเจ๋ง (ด้านขวา)

  

 

หลังจากอกหักจาก Moore ผมก็เดินเตร่มาหน่อยสะดุดตาลุงคนนึง

เอ้ย!! นั่นมัน Nick Bradshaw คนวาด Wolverine and X-Men นี่ฝ่า!

บังเอิญชอบงานแกอยู่แล้ว ก็เดินเข้าไปขอลายเซ็นซักหน่อย

(ส่วนมาก นักวาดหรือนักเขียนคอมมิคจะไม่ค่อยคิดเงินค่าขอลายเซ็นครับ

แต่จะคิดเงินค่าเสก็ต คอมมิชชั่น หรืองานวาดแทน ยกเว้นพี่ Moore ที่คิดเงินเพราะลุงแกดัง ฮ่า)

   

  

จากขอลายเซ็นเฉยๆ กลายเป็นลุง Bradshaw แกฟิตเสก็ตภาพ Wolverine แถมให้เลย!

ใช้ปากกาแดงร่างแล้วตัดด้วยดินสอ ออกมาอย่างแหล่มเบย!!

น้ำตาจิไหล!!

(ผมแอบขอลายเซ็น เจ๊ Karibu ที่นั่งข้างๆ มาด้วย งานเจ๊แกสวยดี)

   


เดินมาหน่อยก็เห็นโซนเล็กโซนนึงมีภาพ Scooby Doo กับ He-Man อยู่

ก็ตกใจครับเอ้ย นี่มัน Tom Cook นี่ฝ่า! เอ้ยๆ เจอ Animator ในตำนานเข้าให้แล้วตรู

เลยเดินเข้าไปขอลายเซ็……..คิดเงิน……จบ……

  

   

คนดังๆ คนอื่นๆ ที่เห็นก็มีนี่เลยครับ

Yanick Paquette คนวาด Swamp Thing (NEW52)

อยากให้แกวาดอะไรก็ขอได้เลยครับ แต่คิดเงินค่าวาดนะ ฮ่าๆๆ

  

  

รึจะ Ken Lashley นักวาดอิสระที่มีผลงานอยู่ในทั้ง DC และ Marvel ส่วนใหญ่จะวาดหน้าปกแหล่ะ

ทางฟาก DC ล่าสุดแกวาดหน้าปก Future End Superman เล่ม 1 ไปหมาดๆ

ทางฟาก Marvel แกวาดหน้าปกให้กับหัวเรื่อง Avengers รวมถึง Fantastic Four ด้วย

   

 

มีคนดู Portfolio ของพี่แล้วก็พบภาพนี้ครับ

กัปตันอเมริกาผิวสี นี่คือภาพที่บังเอิ๊ญญญญลุงแกลืมเอาออกครับ

เพราะทาง Marvel ยังไม่อยากให้เปิดเผยรูปร่างหน้าตาอย่างเป็นทางการครับ

(คือมีข่าวออกมาแล้วแต่ยังไม่มีใครเห็นภาพแบบ Official จริงๆ จังๆ ซักที)

ลุงแกถึงกับ ชู่วววววว์อย่าเอ็ดไปหลาน ฮ่าๆๆๆ

(แต่ตอนนี้คงรู้กันแล้วมั้ง)

  

 

ภาพจาก Wonder Woman ก็สวยมากเบยยยยยย แฮ่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อันนี้รู้สึกจะขายอยู่ราวๆ 800-1,000$ ผมจำราคาไม่ได้ครับ

  

 

หลังจากนั้น ผมก็เจอ Leonard Kirk

คนวาด All-New Fantastic Four และ Hunger (อีเว้นของจักรวาล Ultimate)

  

 

ในงานแกมีขายภาพหน้าปกแบบขาวดำที่แกวาดด้วย

(ใช้หมึกวาดนะครับ มิใช่ใช้คอมแล้วปริ้นออกมา)

อันนี้หน้าปกของ All New Fantastic Fourเล่มที่ 1 ขายอยู่ที่ราคา 600$ (เกือบสองหมื่นได้)

 

อยากได้รึครับ?

ใสเจียตอนที่ผมกำลังอึ้งกับราคาอยู่มีคนสอยหน้าปกนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย

จ่ายสดด้วยเพราะลุง Kirk แกไม่มีเครื่องรูดบัตร ฮ่า

  

 

ซื้อแล้ว มีของแถมข้างในเป็นภาพที่ไม่ได้ใช้ในหน้าปกให้ด้วย

คือภาพด้านล่างเลยครับ ลุง Kirk บอกว่าทางสำนักพิมพ์คิดว่าตามันมองแบบแปลกเลยให้ไปแก้

ผมเลยแอบบคว้ากล้องมาถ่ายเก็ยไว้ซะเลย ฮ่าๆๆ

  

ภาพที่ไม่ได้ใช้ในงานจริงๆ  สังเกตุดีๆ เขาใช้ดินสิสีฟ้าร่างแล้วใช้ปากกาหมึดตัดเส้นอีกที

  

ส่วนผมมาคุ้ยอันนี้ครับ

ภาพร่างของเรื่อง Original ที่ลุงแกร่างไว้แล้วเอามาลงสีในคอม

ราคาอยู่ราวๆ 10-20$ แต่ภาพแม่มงามเหลือเกินทำให้อดใจไม่ไหว สอยมาซะงั้น T^T

  

ตบตีกับอีกคนนึงแย่งเก็บงานครับ ฮ๋าๆๆ

  

หลังจากสอยมาแล้วก็เลยถือโอกาสขอลายเซ็นลุงแกพร้อมขอให้วาดภาพ Reed Richard ให้ซะเลยนิ

ลุงแกก็จัดให้ครับ ทำให้แผ่นกระดาษขอลายเซ็นของผมสวยงามดังรูป!!

  

กระดาษนี้ผมใช้เก็บลายเซ็นนักวาดคนอื่นๆ ครับ  เจ๊ Karibu ฮามากวาดหมาน้อยแถมให้ด้วย

  

นอกจากนักเขียนมืออาชีพแล้ว

ก็ยังมีพวกการ์ตูนทางเน็ตก็มาด้วยนะครับ

อย่าง Cyanide and Happiness ก็มางานนี้ด้วย

 

 

จากนั้นผมก็กลับไปหา Finch อีกทีปรากฎว่า เอ้ยยยย มาแบ้ววววว

เลยรีบวิ่งไปต่อแถวเลย

  

 

ขณะที่รออยู่เจอเรื่องประทับใจครับ

คือมีเด็กคนนึงนั่งรถเข็นแต่อยากได้ลายเซ็นของ Finch ทางทีมงานก็ใจดีครับ

ให้น้องแกลัดคิดไปพบกับ Finch ก่อน คนอื่นๆ ก็โอเคครับให้น้องแกไปก่อนเลย

  

 

และแล้วน้องแกก็ได้เจอกับ Finch สมใจ

จากนั้น……..ก็ลุกจากวีลแชร์แล้วคุยกับ Finch อย่างถูกคอ!!!

ผมนี่อึ้งไปเลย! แต่คิดแง่ดีขาเขาอาจจะเจ็บเลยเดินไม่ได้ แต่ยืนได้อยู่ไรงี้ก็ได้นะครับ แหะๆๆ

  

 

ปกติโซน Signing นักวาดที่มาโซนนี้จะวาดรูปให้ฟรีครับ คนเลยมากันเยอะ!

อย่างเช่นพี่ Finch ถ้าไม่มีที่โซนนี้ พี่แกเปิดซุ้มอยู่ที่โซนนักวาดครับ

คราวนี้เสียเงินนะจ๊ะ ถ้าอยากได้ผลงานพี่แก

  

รอพี่ Finch อยู่ราวๆ 35 นาทีครับ ในที่สุดผมก็ได้พบกับ Finch!!!

เลยแนะนำตัวเองว่ามาจากไทย แล้วก็ขอลายเซ็นเลยจ้า!

 

ในที่สุดก็ได้มาแบ้ววววว แถมเขาวาดรูปให้ฟรีด้วย! น้ำตาจิไหล

 

แอบขอคุณพี่ Finch เขียนคำว่า Comics66 ให้ด้วย นะงับ อิอิอิ

 

มีเรื่องเล่าเพิ่มเติมว่า

ตอนผมแนะนำตัวเองว่ามาจากเมืองไทยนะครับ ผมชอบงานพี่มากเลยครัฟ

พี่ Finch แกก็ตกใจครับ ไม่นึกว่าที่เมืองไทยจะมีคนชอบคอมมิคด้วย!

 

(และอาการตกใจนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับพี่ Finch คนเดียวครับ

คนอื่นๆ ที่ผมไปผมต่อจากนี้ล้วนมีอาการตกใจคล้ายๆ กัน 😛 )

 

ส่วนพี่ Finch บอกผู้ช่วยทีนั่งข้างๆ หลังจากตกใจว่าน่าจะเปิดรับงานจากที่ไทยดูบ้างนะ น่าสนใจดีนะ!

ผมก็บอกว่ามาเลยครัช (แต่เห็นราคาร่าคอมพี่แกแล้วคิดว่าคงแอบขายยากอยู่ เพราะราคาโหดเหลือเกิน ฮ่าๆๆ)

   

   

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจของพี่ Finch ไปแล้ว

แต่ไปก็ถึงคิวของ Brian Azzarello ผู้แต่งเนื้อเรื่องให้กับ Wonder Woman (New52) นั่นเองครัฟฟฟฟ11

ลุงแกจะมาตอนบ่ายสองครับ ตอนในรูปถ่ายนี้คือเวลาประมาณเที่ยงครับ ดูคิวซะก่อน

   

ภาพคนต่อแถวรอลุง Azzarello ครับ (ยังมีเวลาเหลือตั้งชั่วโมง)

 

ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งเยอะ ผมเลยเดินเตร่ๆ แล้วก็พบกับ

Flash และ Carnage!! ช่างเป็นการผสมผสานข้ามค่ายที่ลงตัวเหลือเกินนนน

  

 

จากนั้นก็เดินมาอีกหน่อยครับ ไปเจอะกับ!!!

เอิ่มมมม มนุษย์กวางผสมถ่านมั้ง แหะๆๆ

  

 

มางานนี้ทั้งทีไม่เจอก๊วนนี้ก็กะไรอยู่!!

มากันทั้ง Batman กับ Joker เบยยยย!!

  

 

มีคอสเพลย์ Captain Spaulding ด้วย

จากเรื่อง The Devil’s Rejects และ House of 1000 Corpses ด้วย

โคตรเหมือนเลยขอบอก จะบอกว่าตัวจริงมา ผมยังเชื่อเลย

  

 

แน่นอนว่าคอสการ์ตูนญี่ปุ่นก็มีเยอะไม่แพ้กัน

อย่างพวก Sailor Moon นี่เยอะมากครับ เดินผ่านไปผ่านมาเจอได้ตลอด

อันนี้มาจากเรื่อง Durarara ครัฟ!

 

มีแม้แต่เอิ่มมมมม

คอสเพลย์นักมวยปล้ำด้วยนะครัช!!

    

  

ส่วนบรรดาร้านขายของต่างๆ ก็มีร้านขายหน้ากากครับ จากร้าน Evil Genius Production

เห็นคุณภาพหน้ากากแล้วกระเป๋าตังค์สั่น ริกๆๆๆ เลยครัฟ

แต่พอมาเห็นราคาราคาอันละ 8-900$ ก็……เดินดุ่มๆ ออกมาอย่างช้าๆ แล้วไปซุ้มอื่นนนน!!

  

 

มีร้านขายที่คันหนังสือด้วยครับ

ร้านนี้ลูกค้าเยอะพอสมควรเลย เพราะมันน่าร๊อคคคค

และราคาก็ไม่แพง….เท่าไร ราวๆ 2-5$ หรือราวๆ เจ็ดสิบถึงเกือบสองร้อยบาท

  

 

ระหว่างทางเดินก็มีงานปริ้นเกร๋ๆ ขายกันเกลื่อนเลยครับ

อย่างเช่นอันนี้ ซึ่งก็ขายดีพอประมาณ

 

 

ส่วนใหญ่งานปริ้นที่ว่าก็จะมีทั้งการ์ตูนฝรั่งและการ์ตูนญี่ปุ่นครับ

เรื่อง Attack on Titan นี่โคตรป๊อปปูล่าเลย แถมงานปริ้นก็โคตรสวยอ่า

ตกแผ่นละ 10-20 ดอลมั้งนะครับ ผมจำราคาไม่ได้ (พอดีไม่ชอบงานที่ปริ้นแบบที่จากคอมเท่าไร ฮ่าๆๆ)

  

  

อันนี้ก็ดังครับ งานปริ้นที่ขายแต่หน้าตัวละครอย่างเดียวเลยโคตรแนว

มีหน้าตัวละครจากเรื่องต่างๆ ทั้งหนังทั้งการ์ตูนทั้งเกมมีเป็นร้อยเลย

คนสนใจเยอะพอสมควรเลยร้านนี้

   

 

อยากคอสสดๆ? เรามีนี่ครับ ร้านขายเสื้อแนว Geekๆ นามว่า Stylin Online

อาณาจักรแห่งเสื้อเชิท! อาณาจักรจริงๆ ดูรูปได้เบย

 

 

สาวๆ ถ้ามากับแฟนแล้วเบื่อพวกของผู้ชายๆ

ก็มาร้านนี้เลยครับ เป็นร้านขายสร้อยและเครื่องประดับ แบบมีสตอลลลล!!

 

  

แน่นอนมางานแนวๆ Comic Con ทั้งทีก็ต้องมีนี่ครับ

หนังสือคอมมิค เพียบ!! มีตั้งแต่ร้าน Labyrinth หรือ ComiX

เรียกได้ว่ามีให้เลือกเพียบเลยครับ แต่ราคาก็โหดเอาเรื่องอยู่ โดยเฉพาะเรื่องเก่าๆ ทั้งหลาย

  

   

เดินๆ อยู่มองดูเวลา โอ้วชีท! บ่ายห้าสิบละ!

เลยรีบวิ่งกลับไปที่ Signing Area เพื่อไปหาลุง Azzarello เลยจ้า!

  

จะเห็นว่าตอนนี้แถวเริ่มล้นละ

  

  

คราวนี้ไม่มีอีเว้นพิเศษครับ ฮ่าๆๆๆ ต่อแถวรออย่างเดียว

มีคุยเรื่อง Wonder Woman กับคนด้านหน้าบ้างนิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่ได้คุยกันมากมายอะไร

ผมต่อแถวอยู่ร่าวๆ เกือบชั่วโมงได้ครับ ในที่สุดก็เจอลุงแกแบ้ววววว น่านงัยยยย

   

  

ว่าแล้วก็ขอถ่ายรูปและขอลายเซ็น Mission Complete!!

ลุงแกฮามากครับ ตอนผมไปผมตื่นเต้นนิดหน่อย ลุงแกบอกตื่นเต้นแหล่ะถูกแล้วไอ้น้อง

เพราะน้องไม่ได้เจอคนดังๆ แบบพี่ทุกวันนะจ๊ะ!! ว่าแล้วก็เดินลงไปถ่ายรูปกับผมด้านล่างเลย!

 

ไอ้ท่าโพสนี่ลุงแกก็โพสเองนะครัฟ ผมก็โพสตาม ฮ่าๆๆๆ

 

   

หลังจากถ่ายรูปกับล่าลายเซ็นเสร็จ ตอนนี้ก็เหลือแค่ Dan Slott กับลุง Stan Lee ครัฟ!!

ลุง Slott ผู้ที่ทำให้ Spider-Man เป็น Spider-Ock แล้วพาคนเดิมกลับซะอย่างงั้น

แกจะมาตอนห้าโมงเย็นครับ ซึ่งตอนนั้นผมเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงได้

  

ส่วนลุง Lee แกจะมาตอนทุ่มครับ ปิดท้ายงานพอดี

แต่ผมเลิกหวังจะขอลายเซ็นจากลุงแกละ เพราะค่าลายเซ็นลุงแกแพงจิ๊ปเป๋ง (หลักพันาท)

เลยกะขอแค่เห็นหน้าลุงจากไกลๆ แกก็พอ!

 

แต่ตอนนี้ ก็ชักหิวแล้วครับ เลยเดินโฉบมาที่โซน Food Court

อาหารที่นี่ก็มีเยอะหลากหลายพอประมาณครับ แต่ผมเลือกกิน Pizza เพราะมันเร็วดี

   

    

บรรยากาศที่ Food Court ก็เป็นกังภาพครับ

คอสเพลย์เพียบเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักคอสเพลย์เลยล่ะ

เห็นเพื่อนผม (คนแคนาดาแท้ๆ) บอกว่าคนที่นี่มีทัศนคติที่ดีต่อการแต่งคอสเพลย์ครับ

ฉะนั้นเวลามีงานแบบนี้คนก็จะแต่งกันแบบจัดเต็มไม่อายใคร เพราะไม่มีอะรต้องอาย เห็นเขาว่ามาแบบนั้น

แล้วทุกคอสที่ผมเห็นนี้ มีคนขอถ่ายรูปเรื่อยๆ ด้วยนะ บางคนโดนถ่ายรูปจนเหนื่อยเลยมั้ง

   

 

แน่นอนครับ คนที่มางานนี้ก็มีตั้งแต่วัยรุ่นยันคนแก่เลยทีเดียว

ดูอย่าพ่อลูกกรุ๊บข้างๆ ผมนี่ พาลูกมาเที่ยวงานด้วย

(ผมแอบเห็นคุณพี่แกมาต่อแถวล่าลายเซ็นลุงแสตนลีด้วยนะครับ)

  

มีหลายคนเลยนะครับ ที่พาลูกมางานนี้

 

กินอิ่มแล้วก็มาบุกโซนนี้ครับ!

ผมให้ชื่อว่าโซนหนังและเกม!!

  

 

แน่นอนครับมาโซนนี้ก็เจอแต่พวกคอสเพลย์จากหนังและเกมครับ

อันนี้ผมไม่ชัวร์ว่ามาจากเรื่องไร แหะๆๆๆ

  ่

 

หรือจะคอส Rayman ดี!!

(อันนี้ผมว่าไม่ใช่คอสครับ เข้าใจว่าเป็นมาสคอตมากกว่านะ)

  

 

เรามาดูบู้ทในโซนหนังกันบ้าง สิ่งแรกที่ผมเจอคือเก้าอี้โปรโมทหนังเรื่อง Hunger Game ภาคสามครับ

มีบอดี้การ์ดมาคอยคุมอยุ้ อ้อ กรอบรูปด้านหลังก็หมุนๆ ได้ด้วยนะครับ ฮ่า

ผมมาตัวคนเดียวเลยอดถ่ายครับ เศร้าาาาาา!!

  

 

อันนี้โปรโมท Cannibal The Musical อย่างชอบเลยอันนี้

มันจะ Musical อีท่าไหน ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ

  

 เราสามารถเอาหัวมุดไปใต้โต๊ะแล้วโผล่มาเป็นอาหารแบบนี้ได้เลยงัฟ

  

อันนี้การ์ตูนแบบ Stop Motion เรื่อง Boxtrolls ครับ

จากทีมที่สร้าง Coraline กับ Paranorman สองเรื่องโปรดผมเบย!!!

ผมนี่โคตะระอยากดูเลย แต่ค่าตั๋วที่นี่ปาไป 10 กว่าดอล (สามร้อยกว่าบาท) คงต้องรอเดือนหน้านี่แหล่ะ ฮือๆๆ

  

  

อันนี้บู้ทของ Adventure Time ครับ

ข้างในก็ไม่ค่อยมีไร เหมือนโปรโมทช่องเคเบิลที่นำมาฉายมากกว่า

  

  

จุดเด่นของบู้ทนี้คงหนีไม่พ้นมีเก้าอี้ Ice King ครับ

ดีที่มีพนักงานมาช่วยถ่ายรูปให้ผมเลยได้รูปดังที่เห็น ฮ่า

   

ช่างว้าเหว่!

  

นอกจากนี้ยังมีบู้ทโปรโมทหนังเรื่อง Sin City 2 ด้วย
แต่ผมว่ามันไม่มีไรอ่ะ เลยไม่ได้ถ่ายไว้

ซึ่งทั้งหมดในโซนหนังนั้นมีแค่นี้เองครับ = =”
ผมว่าโซนหนังนี่น่าจะเล็กสุดในบรรดาทั้งหมด
แต่มันเป็นเพราะว่าโซนหนังมันแบ่งโซนไปอยู่ในโซนหนังสยองขวัญด้วยมั้งครับ
เลยทำให้รู้สึกว่ามันเล็กมั้ง

ซึ่งเมื่อหลุดจากโซนหนังมาได้ ก็มาถึงโซนเกมละจ้า!

โซนนี้ผมเดินมาเจอะบู้ทของ Ubisoft ก่อนเลยครับ ซึ่งจะมี UbiWorkshop สำหรับขายของจากเกมทั้งหลายแหล่

อันนี้เป็นร้านของ มีชุด Assassin Creed ขายด้วย เหมาะกับการแต่งคอสโดยแท้

ทำเอาตังค์ในกระเป๋าสั่นเลย แต่สั่นแบบแห้งๆ นะ เพราะมะมีตัค์อ่ะ!!

   

ของในร้านมีตั้งแต่เสื้อยันแหวนเลยครับ ใครบ้าเกม Assassin Creed น่าจะกระเป๋าฉีกกันเลยล่ะ

 

แน่นอนครับ มีอีเว้นโปรโมท Assassin Creed Unity ด้วย

โดยให้เราได้ถ่ายรูปคู่กับทหารใฝรั่งเศสกับกิโยตินด้วยแหน่ะ!!

มันจะแหล่มมากเลยถ้ามีคนแต่งคอสเพลย์ Assassin Creed ไปถ่ายด้วย!!

  

 

ส่วนอันนี้คืออันที่ผมอยากลองที่สุด Far Cry 4 กรี๊ดดดดดดดดดดดด

เลยต่อแถวเล่นมันซะเลย โอ้ว เกมมันช่างสนุกเหลือเกินครับ

ผมขี่เครื่องบินเล็กโฉบไปโฉบมาบินไปบินมา จนเครื่องตกตายอนาถ จบอย่างไวเลย ฮ่า

  

ต่อคิวเล่นหลายนาที ตายโคตรไว ห่านจิก!!

 

มาถึงโซนของ Microsoft ครับ มีเกมให้ลองเล่นเกมเพียบเลย

อันนี้คือเกม Just Dance ภาคใหม่ เขาโปรโมทว่าสามารถเล่นทีนึงหลายคน

มีแถมภาพตอนเต้นให้เราดูด้วยนะเออ คนก็แห่กันไปเล่นกันล้นหลาม

มีคอสเพลย์ไปเล่นเพียบ บางคนแต่งตัวเป็นกล่องงี้เอ็งจะเต้นยังงายยย!!

   

แต่งคอสเต้นกันสนุก!!

  

นอกจาก Just Dance แล้ว Microsoft ยังมีให้ลองเล่นเกมอีก 4 เกมส์เพื่อรับของรางวัลด้วยครับ

ตามรูปเบย!

   

เวลาเล่นจะมีแสตมป์ให้แล้วถ้าหากเราเล่นครบทั้ง 4เกมจะได้ Microsoft Credit มา 5$ งับ

 

ผมไปลองเล่น Call of Duty: Advance Warfare มา

ก็ถือว่าสนุกพอดูครับ แต่ที่เล่นนี้เป็น Multiplayer แถมเล่นกับจอยด้วย เลยไม่ค่อยถนัดเท่าไร

แน่นอนว่าคิวเล่นเกมนี่ยาวเป็นหางว่าวเลยครับ ทำเอาหมดอารมณ์เล่นเกมอื่นๆ เบย!!!

 

 

ผมเลยชิ่งมาที่บู้ทของ Bethesda ครับ เขาให้ลองเล่นเกม The Evil Within ฟรี

มีแถมให้ถ่ายรูปโดยให้หน้าเราเป็นหมือนอีพระเอกบนหน้าปก The Evil Within ด้วย

ผมเลยลองเล่นมันซะเลย ปรากฎว่างงกับปุ่มอ่ะ เลยโดนผีกระซวกตายอนาถ = =’’

ถามว่าหนุกมั้ย ผมว่ามันก็โอนะครับ ภาพสวยมากๆ เลย แต่ผมไม่ค่อยกลัวรึตกใจเท่าไร

ผมว่า Five Night at Freddy’s ตกใจกว่า ฮ่า

  

ต่อคิวไม่นานแต่ตายไวเหมือนเดิมสลัดผัก

  

แน่นอนว่ามีอีเว้นโชว์เกมที่กำลังจะออกด้วยครับ (อยู่ฝั่ง Microsoft)

อย่างตอนที่ผมถ่ายรูปไว้คือเกม Killer Instinct ภาคใหม่ครับ

พิธีกรขออาสาสมัครให้มาลองเล่นเกมดู คนนี่ยกมือกันเกลื่อนเลย

ผมกะจะไปเล่นด้วย แต่ผลจากการเล่มเกมมาสามเกม ดับอนาถทุกเกม

เลยคิดว่าเกมคงดับเหมือนกัน แต่เป็นการดับอนาถต่อหน้าธารกำนันเป็นร้อย!!!! เลยขอบายละแจ้!!!

   

  

หลังจากดูเขาเล่นเกมต่อยๆ เตะๆกันซักพัก

ผมก็เดินๆ ดุ่ยๆ อยู่ดีๆ ก็ไปเจอกับคอสเพลย์ Trevor จาก GTA V ครับ……..

…..เดี๋ยวนะ…….นั่นลุง Trevor ตัวเป็นๆ เลยนี่ฟร่าาาาาาาาา!!!

 

รีบวิ่งแจ้นไปขอลุงแกถ่ายรูปซะเลยครับ ลุงแกก็ใจดีมากๆ ยอมให้ผมกับแฟนๆ อีกสามคนถ่ายรูปให้

โชคดีที่พนักงานแถวนั้นช่วย ทำให้ผมได้ถ่ายรูปกับลุง Trevor ตัวเป็นๆ จนได้!! ดีจัยยยยย

  

  

แน่นอนว่าต้องมีบู้ทของ Sony ด้วยครับ

ซึ่งกำลังโปรโมทเกมอย่าง Destiny, Little Biig Planet 3 และ The Order เกมไรก็มะรู้ว์

ส่วนเกม Destiny ไม่มีครับ แค่ให้ลองสร้างตัวละครแค่นั้นเอง

  

  

พูดถึงร้านขายของในโซนนี้ผมว่าของที่ขายนี่โหดสุด (ราคา) หรูสุดในบรรดาหลายๆ โซนที่ผมผ่านมาเลยครับ

มาถึงโซนนี้กระเป๋าตังค์ก็สั่นอีกรอบ กับอุปกรณ์คอสเพลย์ที่โคตรเท่ห์อ่ะ!

   

   

อันนี้ร้านขายแต่ดาบครับ ดูเองนะว่ามีดาบจากเรื่องไรบ้าง

   

 

ดาบก็ทำดีเลยครับ ราคาก็มีตั้งแต่ถูกๆ 20$ ยันไปถึง 200$ ก็มี ตามคุณภาพ

แต่ส่วนใหญ่พวกหลักร้อยดอลนี่จะแถมโล่ห์ให้ด้วยครับ

 

 

มีตั้งแต่ร้านขายรูปแบบขายกรอบรูปด้วยไรงี้ด้วย

ผมไม่แน่ใจว่ารูปพวกนี้ปริ้นมารึเปล่า

เพราะผมเห็นมีรูปร่างหน้าปก Detective Comic เล่มที่ Batman เพิ่งเปิดตัวด้วย

ราคารูปนึงก็พันกว่าดอลละจ้า :3

 

 

ร้านค้ามีเยอะมากจริงๆ ครับถ้าผมเอารูปร้านที่ผมถ่ายไว้มาโชว์จนหมด

รับรองวันนี้ไม่ต้องทำไรครับ ดูรูปอย่างเดียว ฮ่าๆๆ

เอาเป็นว่ามีร้านขายเกมเก่าๆ ด้วย มีของพวก Exclusive ที่ขายเฉพาะในงานด้วยนะครับ

มีแม้แต่ฟิกเกอร์ Stan Lee ที่เป็น Exclusive เฉพาะงานนี้ด้วย ฮ่าๆๆ


อันนี้เค้าอยากได้อ่า

ปืนจากเกม Bioshock Infinite ราคา 80$ (สองพันเกือบสามพัน) เองงงงงง!!

   

 

อันนี้แถมให้ Gravity Gun ราคานี่โหดกว่าหน่อย อยู่ที่ 200$ (หกพันกว่าบาท!)

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

   


ผมมัวแต่ชอปปิ้ง ทางสายตานานเกินไป มาดูเวลาอีกที โอ้ว ชีสสสสส จะหกโมงแบ้วววว!!

ลุง Slott ของบ่าวววว ไม่นะ!! ผมเลยรีบไปที่ Signing Area ทันที

แต่ปรากฎว่า…..ผมว่าช้าไป (ตั้งชั่วโมง) ทำให้ผมอดครับ

 

ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

  

ที่นี่เลทไม่เกินครึ่งชั่วโมงยังพอไหวครับแต่ถ้าเลทชั่วโมงนึง จะมีพนักงานมากั้นไม่ให้คนเข้าไปอีกครับ

เพราะไม่งั้นคนจะยาวเกินเวลาจนทำให้เวลาของคนอืนๆ ที่จะมาต่อเสียได้ครับ

  

ผมนี่โคตรเศร้าเลย T^T เลยได้แต่มองลุงแกอยู่ไกลๆ ฮือๆๆ

 

    

ตอนนี้คงเหลือแค่ Stan Lee แล้วครับ

งานนี้ผมจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด!!


ด้วยความเซ็งผมเลยเดินกลับไปที่โซน North ไปเข้าสู่โซนหนังผี!!

มันมีชื่อว่า Festival of Fear นั่นเอง!!

 

ออกมาจากบริเวณทางเชื่อมสี่เหลี่ยมสีแดงแล้วก็เดินลงมาข้างล่างถึงเลยครับ

 

มาถึงโซนนี้ก็เจอกับคอสแบบนี้เลยครับ ฮ่าๆๆๆ

ผมโคตรชอบอ่ะ เนียนมากๆเลย

 


คอสแบบนี้ก็มีนะครับ อย่างเท่ห์เลย ตอนแรกนึกว่าเป็นพวกมาสคอตโปรโมตร้านไรพวกนี้

แต่ไม่ใช่ฮะ พี่แกเป็นนักคอสเพลย์ทั่วไปนี่แหล่ะ

  

 

แน่นอนครับว่าคอสเพลย์แบบธรรมดาก็มีนะครับ เพราะโซนนี้คนก็มาดูเยอะพอสมควรครับ

อย่างอันนี้ Bishop กับ…. Lady Wolverine????

 

 

เจ้าของร้านก็แต่งคอสเหมือนหลายๆ โซน

อันนี้แต่งเป็น……..Jesus??  ฮ๊ะ!?

 

 

สำหรับของที่ขายในโซนนี้เหรอ ก็ไม่มีไรมะอะตัว แค่พวกหน้ากากผี ลูกตาปลอม สมองคน

หัวประดับห้อง โปสเตอร์หนังสยองขวัญไรประมาณนี้!!

 

 

มีศพนอนดิ้นๆ กระแด่วๆ อยู่ข้างๆ ด้วยนะเออ

อันนี้โปรโมทบ้านผีสิงครับ ชื่อว่า Screampark

 

 

มีปอปมาขายของด้วยนะเออ

ตอนแรกผมไม่เห็น ผมนึกว่าเป็นเป็นเจ้าของร้านจริงๆ เลยแอบสะดุ้งเล็กน้อง หน้านี่หลอนมาก ฮ่าๆๆๆ

 

  

มีขายแม้แต่หุ่นขนาดเท่าตัวจริง(มั้ง) นะครัฟ ขอบอก!! งนทำออกมาก็เนี้ยบมากๆ เลย

ตอนแรกมองผ่านๆ นึกว่าคนแต่งคอสเพลย์ ฮ่าๆๆๆ

ผมไม่กล้าถามราคาเลยครับ กลัวสะเทือนใจ อิอิอิ

  

  

อันนี้มาคอนเซปแหวกแนวครับ ขาย Gnome Zombie นั่นเอง!

รับ Gnome ซักตัวมั้ยฮะ!!!

 

แฮ่!!!

  

แน่นอนครับว่าในโซนนี้ก็ต้องมีการโปรโมทหนังผีต่างๆ ด้วย

อันนี้เป็นบู้ทโปรโมทเทศกาลหนังผีรับ Halloween ครับ

 

 

อ้อ ลืมบอกไปว่าเหล่านักแสดงที่แสดงเรื่อง Walking Dead มาในงานนี้กันเพียบเลยนะครับ

อยู่โซน Celebrities ข้างๆ โซนี้นี่แหล่ะ (แน่นอนเสียตังค์ค่าลายเซ็นและถ่ายรูปตามระเบียบ)

ใครที่ไม่อยากเสียตังค์ บู้ท Walking Dead เลยใจดี จัดหุ่นกระดาษให้ถ่ายรูปคู่ซะเลย….เอิ่ม….

  

ลุงด้านขวาสุด เป็นคนจริงๆ นะงับ โพสท่าได้ถูกจังหวะมากๆ ฮ่าๆๆๆ

 

อันนี้ให้ถ่ายรูปกับ Annabel เพื่อโปรโมทหนังภาคเสริมของ Conjuring ครับ อันนี้ผมว่ากวนได้ใจมากๆ เลย

คือตอนแรกผมไปถ่ายรูปด้วยยังไม่มีอะไรนะครับ แต่พอหนุ่มสาวคู่นึงไปถ่าย

ถ่ายรูปเสร็จเท่านั้นแหล่ะ อี Annabel ลุกจากเก้าอี้เอามือมาจับเฉยเลย

ร้องกรี้ดกันลั่นเลยครับ ใช่ครับ นัง Annabel ที่เห็นเป็นคนจริงๆ นั่นเอง!! ฮ่าๆๆๆ

(หากใครนึกภาพไม่ออก ก็ดูตามวิดีโอนี้เลยครับ)

 

 

อันนี้ไม่แน่ใจว่าโชว์อะไรแน่ น่าจะโชว์หุ่นเหมือนอันก่อนหน้านี้

ขอเตือนว่าใครขวัญอ่อน รีบเลื่อนเม้าลงโดยไวเลยนะครัฟ!!

  

  

โซนนี้มีอะไรแปลกๆ แบบไม่รู้ว่าบู้ทนี้มีไว้เพื่ออะไรด้วยนะครับ

อย่างอันนี้ไม่รู้ว่าพี่แกต้องการสื่อถึงอะไร ฮ่าๆๆๆ

  


เดินโซนนี้ซักพักมาดูเวลาอีก เอ้ยยยยยยยยยยย!! ทุ่มแล้วววว!!

ผมเลยรีบบึ่งไปที่ โซน South ทันที!! แต่ระหว่างทาง แหม่

คอสเพลย์เจ๋งๆ ทั้งนั้นเบย เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้ซักหน่อย (ยังไม่วายนะคนเรา!!)

อันนี้ไม่รู้จริงๆ ว่ามาจากเรื่องไร

คุณ chicolo จาก PANTIP แนะว่าน่าจะเป็น Walpurgis Night จาก Madoka Magica ครับ

ขอบคุณมากๆ นะคร้าบ

  

 

แต่อันนีรู้แน่ๆ ครับว่ามาจากเรื่องไร ฮ่าๆๆ

แบบว่าเล่นซะผมคิดถึง Stephanie Brown เวอร์ชั่น Batgirl เบยยยย!!

  

 

Elizabeth แหวกมิติมาแบ้ววววว

แถมมีปืนอันนี้ด้วย อยากด้ายอ่าาาาาาาา!!!

 

อันนี้ก็เมพมากครับ!!! มาแบบ Wild Wild West กันเลยทีเดียว!!

(ขอบคุณ คุณ dog mulder กับ เหวยDude แห่ง PANTIP มากๆ ครับ สำหรับข้อมูล)

คนที่มองหาขาของคนตรงกลางที่คอสเป็น Dr.Loveless อยู่

ไม่ต้องหาให้เมื่อยตุ้มนะครับ ไม่มีครับ

ใช่ฮะ ที่นี่ไม่เกี่ยงว่าจะอายุเท่าไร เพศอะไร หรือครบสามสองรึเปล่า ทุกคนแต่งคอสเพลย์ได้หมดครับ

ผมเคยเจอเด็กเป็นอัมพฤษมั้งครับ นั่งรถเข็นขยับได้แค่ข้อมือ พูดผ่านคอม ไรงี้

ยังอุตส่าห์สามารถแต่งคอสเพลย์เป็น The Flashได้!!

ที่สำคัญผมเห็นมาตัวคนเดียวด้วย!? คือขึ้นลิฟ ไปซื้อของไรเอง ไม่เห็นมีใครตามไปด้วยเลย!?

 

 

  

หลังจากถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยผมก็ไปถึงที่โซน South ราวๆ ทุ่มครึ่งครับ

หวังว่าจะได้เห็นStan Lee จากไกลๆ เต็มที่ ปรากฎว่า…….

  

โซน South ปิดละครับ!! 

  

ใช่ครับ ปิดแล้วครับ

งานเลิกแล้ว ชาวบงชาวบ้านโดนไล่ออกจากพื้นที่กันหมด

ผมกับคนอื่นๆ ที่กำลังเดินมาโซนนี้ก็เงิบกันเลยครับ!!

  

เพราะในตารางงานยังมีกิจกรรมจัดต่อถึงสองทุ่ม

เช่น กลุ่มนึงมีพวกประกวด Japanese Dance อีกกลุ่มมีแข่งเกมกัน ไหงทุ่มครึ่งก็ปิดแล้วฟระ!!

อันนี้เป็นปัญหาที่การประสานงานอย่างเดียวเลยครับไม่รู้ผู้จัดไปติดต่อยังไงไว้

  

ถกเถียงกันไปๆ มาๆ เจ้าหน้าที่ก็ยอมให้คนที่มีนัดทำกิจกรรมอย่าง Japanese Dance หรือแข่งเกมได้เข้าไปครับ

ส่วนผมคนนอกไม่มีกิจกรรมใดๆ อดครับ แต่ก็แอบสงสารคนที่เข้าไปเหมือนกัน

เพราะกิจกรรมอย่างเต้นนี่ ถ้ามีคนดูเยอะๆ คงดีกว่าเต้นกันเอง เฮฮากันเอง อะนะ

 

ภาพคงถกกันอยู่หน้าทางไปโซน South ครับ หวัดดราม่ากันด้วย

 

ผมกลับหออย่างเศร้าๆ ครับ ภารกิจของผมไม่สำเร็จ

สุดท้ายผมก็ไม่ได้พบกับ Stan Lee และอดเจอกับ Dan Slott อีกต่างหาก

นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของการไม่วางแผนอะไรก่อนล่วงหน้า ทำให้เกิดปัญหาขึ้นแบบนี้…….

นี่แหละครับคือผลกรรมที่ผมควรได้รับ ผมคงไม่ไปสอยตั๋ววันเพิ่มอีกแล้ว

เพราะขี้เกียจไปต่อคิวตบตีกับชาวบ้านเขา ทำไมต้องไปตบตีแย่งชิงตั๋วให้เสียเวลาด้วย?

เราพึงพอใจในสิ่งที่เรามีตอนนี้ดีกว่า อย่างน้อยภารกิจที่ตั้งใจไว้ก็สำเร็จกว่าครึ่งแล้ว

….คิดแค่นี้ใจผมก็เป็นสุขแล้วครับ……….

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  

ผมก็คิดแบบนั้น……..จนกระทั่งผมเปิดเจออันนี้!!

 

 

 

อะไรนะครับ? ยังไม่เห็นรึครับ?

งั้นเดี๋ยวผมซูมให้ดูอีกที!!

 

   

  

 

  

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

 

 

ผมรีบเปิดดูตาราง……อารรรรรรร์…….

  

  

  

วันอาทิตย์เจอกันแน่!!

จะกินแกลบทั้งเดือนตรูก็ยอมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!

 

 

  

โปรดติดตามตอนต่อไป!!

จบภาคต้นครัฟ!!!

ปอลิง เค้าไม่ใช่ Brony น๊าาาาา

 

9 thoughts on “[Review แบบเวิ่นเว้อ] FANExpo 2014 -ปฎิบัติการตามล่า Stan Lee- ภาคต้น

  1. sharpIIS2

    ยาวมากๆคับ แต่ก็อ่านจนหมด555
    น่าสนุกมากๆเลย ไว้จะเก็นัตังซักพักแล้วจะหาโอกาสไป
    เอาใจช่วยนะคับ รอบนี้อย่าให้พลาด อิอิ

  2. genesis

    อิจฉาครัช ครั้งหนึ่งอยากไปงานแบบนี้บ้างจัง คนจะฟินไม่ใช่น้อย

    แถมได้ลายเซ็นต์นักเขียน, นักวาด กลับมาเพียบเลย มีอีกงานก็ที่สิงคโปร์เห็น Ramos กับ Coipel ไปด้วย T__T

  3. DOL Post author

    เหรียญมีสองด้านครับ
    ด้านนึงงามันเจ๋งจริงแบบว่าฟินเลยละ
    แต่อีกด้านก็กระเป๋าฉีก ไม่สิ เรียกว่าขาดระเบิดขาดเป็นเศษซากเลยดีกว่างับ ฮ่าๆๆๆ

  4. Genomo

    ยิ่งอ่านยิ่งอิจฉา ฟุอ่าห์
    มีแต่ของเด็ดๆทั้งนั้นเบย อยากไปแลกเปลื่ยนที่แคนาดาบ้างแล้วล่ะครับ ;^;

  5. Accelerator

    เอลูซิเดเตอร์……คัตเตอร์ไททัน……อยากได้!

  6. 13Hatesong

    เสียดายไม่ได้เจอลุง Slott แต่ตกใจมากคือแอบเห็น บู๊ธ ไรออตเกมส์ไปแทรกอยู่ไม่เล็กด้วยยยยยยย กร๊๊ดดดดด

  7. เจฟจ้า

    พลาดงานนี้ไปงานStan Lee’sKamigazaไหมคับเห็นมีเหล่าponyด้วยนะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *